จาก การจัด ๒ เมื่อชิสโฮลม์ได้แยกการประเมินค่าการกระทำออกเป็น ๓ นัยแล้ว ได้กระจายการกระทำออกเป็น ๙ ประการดังต่อไปนี้
สองข้อนี้มีความขัดแย้งกันเชิงตรรกะ กล่าวคือ ถ้าการดำเนินการเป็นข้อผูกพัน การไม่ดำเนินการก็จะเป็นข้อห้าม... หรือถ้าการดำเนินการเป็นข้อห้าม การไม่ดำเนินการก็จะเป็นข้อผูกพัน
......
ทั้งสามข้อนี้ ข้อแรกเข้าใจได้ไม่ยาก... ส่วนสองข้อหลังอาจขยายความได้ว่า ถ้าการกระทำใดจะดำเนินการหรือไม่ดำเนินการก็ตาม การกระทำนั้นจะเพิ่มคุณค่าหรือความสุขให้แก่สังคม ทำนองนี้จัดเป็น การกระทำเหนือหน้าที่แบบเบ็ดเสร็จ... นัยตรงกันข้าม ถ้าการกระทำใดจะดำเนินการหรือไม่ดำเนินการก็ตาม การกระทำนั้นจะเพิ่มโทษหรือความทุกข์ให้แก่สังคม ทำนองนี้ก็จัดเป็น ข้อขัดเคืองแบบเบ็ดเสร็จ
...........
ทั้งสี่ข้อนี้ ชิสโฮลม์บอกว่าเป็นสิ่งซับซ้อนและละเอียดอย่างยิ่งในทางศีลธรรม ซึ่งเขาได้ยกตัวอย่างเพื่ออธิบายเรื่องนี้ว่า...
"...เมื่อเราเข้าไปยังร้านอาหาร ถ้าพนักงานยกอาหารมาผิดจาน หากเขาไม่ยุ่ง การเลิกล้มความตั้งใจที่จะบอกให้เขาไปเปลี่ยนอาหารจานใหม่มา จัดเป็น การกระทำเหนือหน้าที่เชิงระงับ ...
แต่ถ้าเราสั่งให้เขาเปลี่ยนอาหารจานใหม่มา การไม่กล่าวแสดงความขอบใจต่อเขา จัดเป็น ข้อขัดเคืองเชิงระงับ ....
ส่วนการให้รางวัลพิเศษ (ค่าทิป) ในการบริการดีของเขา จัดเป็น การกระทำเหนือหน้าที่เชิงสั่งการ ...
และถ้าเราร้องเรียนต่อผู้จัดการหรือเจ้าของร้าน ในการนำอาหารจานที่ผิดมาให้ของพนักงาน อาจจัดเป็น ข้อขัดเคืองเชิงสั่งการ ... "
จะเห็นได้ว่า ทั้งสี่ประการนี้ ล้วนมีคุณค่าทางศีลธรรมอยู่ด้วยทั้งนั้น เมื่อจะนำมาวิเคราะห์อย่างละเอียด... แต่ก็อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปสำหรับการใช้ชีวิตอันยาวนาน...
.......
เมื่อกระจายออกได้ ๙ ประการอย่างนี้แล้ว ชิสโฮลม์ได้นำมาประมวลแล้วจัดลำดับอีกครั้ง ซึ่งผู้เขียนค่อยนำมาเล่าในตอนต่อไป....
ไม่มีความเห็น