เรื่องเล่า วันแม่ จาก คุณแม่ของเด็กชายพบตะวัน พลานุภาพ เหรียญทองแดง
จากประสบการณ์ในการแม่ อาจมีชั่วโมงบินน้อยกว่าคุณแม่หลายๆท่านในที่นี้ สิบกว่าปี บางท่านอาจจะเป้นมาแล้วกว่า ยี่สิบปี แต่ไม่ว่าจะเป็นแม่นานเพียงไหน หรือเป็นแม่ในยุคสมัยใด แม่ในสมัยเมื่อร้อยปี่ที่แล้ว กับแม่ในสมัยปัจจุบัน หรือแม่ในอนาคตอีก 100 ปีข้างหน้า ข้าพเข้าเชื่อว่า ความรู้สึกของแม่ที่มีต่อลูก ไม่ได้แตกต่างกันเลย
สิบกวาที่กับลูก ๓ คน เรียนได้ว่าไม่มีวันไหนที่ได้นอนสบาย ต้องตื่นลุกขึ้นมาห่มผ้า จัดที่ทางให้ลูกในตอนกลางดึก สิบกว่าปีนี้ ชีวิตปรจำวันก็ยังต้องรีบเร่ง วุ่ยวายต้งแต่เช้ายันมืด ดูลูกคนนี้เสร็จแล้วก็เวียนมาดูคนโน้น ดูคนโตทำการบ้านเสร็จก็ไล่ให้ไปอาบนี้ ไปดูคนรองทำการบ้านต่อ พร้อมๆกับป้อนข้าวลูกคนเล็กไปด้วยย สรุปคือ สิบกว่าปี่แล้วที่ไม่เคยได้เอาใจออกห่างจากลูกเลย เพราะลูกคือชีวิตจิตใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามิได้เป้นเช่นนี้เพียงคนเดียว คุณแม่ทุกท่านก็บเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ข้าพเจ้านึกวิเคราะห์หาคำตอบอยู่เหมือนกันว่า ทำไมข้าพเจ้าจะต้องจดจ่อผูกพันอยู่กับลูกถึงเพียงนี้ จึงพอสรุปได้ว่า ความรู้สึกของแม่ที่มีต่อลูกนั้น ไม่ใช้เพียงแค่รัก เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความห่วงใยและความคาดหวังไปพร้อมๆกัน
ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้น เป็นความรักที่ลึกซึ้งเข้าไปในจิตใจยิ่งใหญ่กว่าชีวิตของตัวเอง ซึ่งความรักแบบอื่นนั้นไม่สามารถนำมาเปรียบเทียนกันได้เลย เราจะได้ยินคำพูดอยู่บ่อยๆ ว่า ลำบากแค่ไหนแม่ก็ทนได้ ขอให้ลูกได้มีความสุขความสบายในชีวิต
ต่อมาก็คือความห่วง ห่วงนี้คือห่วงใยในความเป็นอยุ่ของลูก ลูกจะไปอยู่ที่ไหนก็ห่วง ลูกจะกินอย่างไร อยู่อย่างไร ตัวเล็กๆอย่งเด็กประถมนี้ ขึ้นรถสองแถวไปโรงเรียน แม่ก็ห่วงแล้วว่าลูกจะตกรถไหม ลูกขอออกไปขี่จักรยานหน้าบ้าน ก็ห่วงว่าลูกจะถูกรถชนเอาไหม พอลูกโตขึ้นมีงานทำก็ห่วงอีกว่า จะได้ทำงานที่ดีไหม ลูกจะแต่งงานก็ห่วงอีกว่าคนอื่นจะรักลูกและดูแลได้เหมือนกับที่แม่ดูแลลูกไหม
สุดท้ายก็คือ ความคาดหวัง ความคาดหวังนี้ก็เกิดขึ้นเนื่องจากลูกนั้นเปรียบเสมือนตัวแทนของพ่อแม่ ตัวแทนของวงศ์ตระกูล ข้าพเจ้าเชื่อว่า พ่อแม่ทุกคนต้องคาดหวังอะไรกับลูกๆ ไว้บ้างไม่มากก็น้อย ไม่มพ่อแม่คนไหนอย่ากให้ลูกพบกับความผิดหวัง ผิดพลาดอย่างที่ตัวเองเคยได้รับ ดังนี้นประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตจะถูกก่อรูปขึ้นเป็นความคิดหวังอยู่ในจิตใจของพ่อแม่ทุกคน ไม่วาจะรู้ตัวหนือไม่ก็ตาม ความคาดหวังนี้ก็มีตั้งแต่เรื่องเล็กๆไปจนเรื่องใหญ่ๆ อย่างเช่น ความคาดหวังกับคะแนนสอบของลูก หรือคาดหวังกับแนาคตของลูก คาดหวังว่าลูกจะเติบโตไปเป็นคนดี
ในเมื่อความรู้สึกที่ม่มีต่อลูกเป็นความรู้สึกที่ผสมผสานกันด้วยปัจจัย ๓ อย่างนี้ ทำให้แม่ต้องอยู่ในฐานะที่เป็นทั้งผู้ดูแลอภิบาย เป็นทั้งครูคอยอบรมสั่งสอน เป็นผู้คุ้มครองป้องภัย แลัวยังต้องเป็นแม่แบบที่ดีให้กับลูกอีกด้วย
สมัยที่เป็นเด็กของตัวเอง แม่ได้ชื่อว่ารักลูกแบบเสือ กล่าวคือ รักลูกแบบถึงลูกถึงคน รักแบบไม่ค่อยทะนุถนอม ค่อนข้างสมบุกสมบัน ลูกอยากจะได้อะไร เมื่อมากขอแม่ แม่ก็ไม่ค่อยจะทำให้ง่ายๆ แต่จะสอนให้ทำเอง จะขอสตางค์เพิ่มก็ต้องทำงานแลกเอา สมับนั้นเคยคิดน้อยใจแม่ตัวเอง ว่าทำไม่แม่ของเราไม่ใจดีเหมือนแม่ของคนอื่นเขาเลย แอบนึกเอาไว้ในใจว่า คอยดูนะ ถ้ามีโอกาสเป็นแม่เมื่อไหร่ จะดูแลทะนุถนอมลูกอย่างดี ไม่ให้ได้รับความลำบากอย่างข้าพเจ้า ลูกอยากได้อะไร จะให้เท่าที่ความสามารถจะหาได้
และแล้วเมืองเวลาผ่านมาจนถึงบัดนี้ สิบกว่าปีที่ผ่านมาข้าพเจ้าคิดว่าตนเองได้ทำหน้าที่ของแม่อย่างดีที่สุดแล้ว ข้าพเจ้าเลี้ยงลูกด้วยความรัก ความหว่ง และความคาดหวังอย่างท่ควรจะเป็น แต่ถ้ามีใครมาถามลูกของข้าพจ้าว่ารู้สึกอย่างไรกับแม่ ข้าพเจ้าก็คาดว่า เขาคงจะรู้สึกอย่างที่ข้าพเจ้าเคยรู้สึกในสมัยเด็ก นั่นก็คือ บางที่ก็รักแม่มากเลย แต่บางทีก็รู้สึกว่าแม่ดูไปหน่อย เข้มงวดไปนิด อยากให้แม่ใจดีมากกว่านี้
เมื่อทำหน้าที่ จึงได้เขามจ ในโลกนี้ไม่มีแม่คนไหนที่ไม่รักลูก เพียงแต่การแสดงความของแม่แต่ละคนนั้นมีรูปแบบและวิธีการที่แตกต่างกันไป แม่ของจ้าพเจ้าก็คงจะมีจุดมุ่งหมายเช่นเดียวกับข้าพเจ้าคือ ต้องการให้ลูกประสบความสำเร็จ ต้องการให้ลูกฟันฝ่าอุปกสรรคในชึวิตไปได้ ด้วยการสร้างเสริมจิตใจของลูกให้เข้มแข็ง สร้างให้ลูกรู้จักคิดและแก้ปัญหาด้วยตนเอง ดังนี้แม่จะไม่ให้แค่เพียงความรักแ ละให้ลูกยึดติดอยู่กับความรักของแม่ แต่แม่จะให้ความที่ยั่งยืนกว่า นั้นคือการสร้างความมั่นคงให้แก่จิตใจของลูก ข้าพเจ้าเองก็ไม่ต้องการให้ลูกยึดติดอยู่กับความรักของข้าพเจ้า แต่อยากให้ลูกเติบโตอย่างเข้มแข็ง เพื่อว่าเมื่อถึงวันที่ลูกเติบโตขึ้น ถึงเวลาที่จะต้องเดินออกไปจากอ้อมอกของแม่ลูกก็จะเดินได้อย่างมั่นคง (เมื่อถึงเวลานั้น ลูกก็คงจะเข้าใจความรู้สึกของแม่ได้อย่างลึกซึ้ง)
สิบกว่าปีในการเป็นแม่ ข้าพเจ้าไม่เคยได้พูดสิ่งเหล่านี้ให้ลูกฟัง บัดนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ได้พูดออกมา สายใยของมนุษย์นั้นก็ผูกพันอยู่ด้วยความเป็นแม่ลูกสืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆ และถ้าโลกนี้ปราศจากมือของแม่ที่คอบอุ้มชูลูกเอาไว้ สังคมมนุษย์เราก็คงแตกกระจาย ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ข้าพเจ้าเอรงได้รับความรักจากแม่ และก็ได้ถ่ายทอดความรักเช่นนั้นไปยังลูก และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมลูกของข้าพเจ้าก็คงจะได้ถ่ายทอดความรักเช่นนี้ไปยังรุ่นลูกของเขาต่อไป
จบแล้วรับ คำกล่าวแสดงความรู้สึกของผู้เป็นแม่ ที่วันนี้ ป้องภัย อุ้มชู ให้ลูกก้าวเดินไปข้างหน้า ไกลจนถึงเขตพิเศษปกครองคนเอง(ฮ่องกง) แล้วนะครับ
ไม่มีความเห็น