ลุควิค วอน เบอร์ทาแลนซ์พี (Ludwing von Bertalanffy) ศาสตราจารย์ด้านทฤษฎีทางชีววิทยา ซึ่งถือว่าเป็นผู้วางรากฐานของ "ทฤษฎีระบบทั่วไป" (general system theory) (von Bertalanffy, 1968 : citing, Nevliep. 1996 : 276) วอน เบอร์ทาแลนซ์พีเป็นผู้ที่ได้รับอิทธิพลจากนักทฤษฎีและนักปรัชญาหลายท่านได้แก่ ลิปนิช (Leibniz) นิโคลาส (Nicolas of Cusa) มาร์ก (Marx) และเฮเกล (Hegel) นักปรัชญาชาวเยอรมันซึ่งได้อธิบายถึงวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ในลักษณะศาสตร์ที่มีความเฉพาะเจาะจง นักวิทยาศาสตร์ทั้งวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและสังคมศาสตร์จะพยายามทำกิจกรรมหรือมองสิ่งต่าง ๆ เสมือนกันว่านำสิ่งที่กำลังศึกษาใส่ไว้ในถุงแคปซูลที่เป็นโลกส่วนตัวโดยปราศจากการคำนึงถึงศาสตร์อื่นที่เข้ามามีอิทธิพลต่อสิ่งที่ศึกษาอีกมากมาย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่จะพยายามหาที่มั่นเพื่อจะยึดถือเป็นกฎ หลักการ เพื่อสะท้อนถึงความเชื่อพื้นฐาน (paradigm) วอน เบอร์ทาแลนซ์พี สังเกตเห็นว่านักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมีความสุขอยู่กับกับการวางรากฐานแนวคิด ความเชื่อตามที่ตนเองสนใจ เขาได้ตั้งข้อสังเกตต่อกรณีตัวอย่างของนักฟิสิกส์ที่กำลังยุ่งอยู่กับกฎอนุพันธ์ ที่สองของวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างความร้อนกับพลังงานกล(thermodynamics) และพยายามที่จะโดดเดี่ยว อนุภาคในสาขาวิชาชีววิทยา นักชีววิทยาพยายามที่จะแบ่งส่วนของอวัยวะต่าง ๆ ให้เป็นส่วนที่เล็กที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ หรือแม้แต่ในสาขาจิตวิทยาทางด้านสังคมศาสตร์ นักจิตวิทยาพยายามที่จะศึกษาพฤติกรรมมนุษย์โดยให้คงเหลือเพียงสิ่งเร้ากับการตอบสนอง พยายามที่จะโดดเดี่ยวพฤติกรรมที่ศึกษา ท่ามกลางของการกระทำดังที่กล่าวมานี้ ได้เป็นตัวกระตุ้นทำให้วอนเบอร์ทาแลนซ์พีได้ค้นพบว่านักวิทยาศาสตร์ต่างก็มีมุมมองเฉพาะสาขาของตนเอง เขาเริ่มต้นพิจารณาว่าทั้งหมดนี้คือปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นของการมองภาพรวม (wholeness) กับโครงสร้าง (organization) นักฟิสิกส์เริ่มให้ความสนใจความสัมพันธ์ระหว่างอนุภาค (particles) ในวิชาเทอร์ไมไดนามิก (thermodynamics) มากกว่าที่จะสนใจเพียงอนุภาคแต่เพียงอย่างเดียว นักชีววิทยาเพ่งเล็งไปเพียงอะตอมอย่างโดดเดี่ยว แต่จะสนใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างอะตอมด้วยกัน นักจิตวิทยาเริ่มให้ความสนใจในองค์รวม สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้สร้างความมั่นใจให้กับวอนเบอร์ทาแลนซ์พีมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาสร้างแบบจำลอง หลักการและกฎที่มีความเป็นไปได้ สามารถนำไปใช้ได้กับศาสตร์สาขาอื่น ๆ และถือว่าเป็นทฤษฎีทั่วไปที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้อธิบายกับสาขาวิชาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความเห็น