ผมชอบถ่ายภาพ ผมชอบถ่ายภาพ ผมชอบถ่ายภาพ ผมชอบถ่ายภาพ ผมชอบถ่ายภาพ ผมชอบถ่ายภาพ ผมชอบถ่ายภาพ ผมชอบถ่ายภาพ
ผมเรียนเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาครับ ผมเรียนถ่ายภาพ และผมก็ชอบมัน แต่ก่อนตอนผมเรียนถ่ายภาพใหม่ๆ ผมคิดว่าการถ่ายภาพนั้นเป็นหน้าที่ เวลามีงานหรือรับงานมา ผมจึง ถ่าย ๆๆๆๆๆๆๆๆ ถ่าย ๆๆๆๆ ถ่าย ๆๆ ตะพึดตะพือ เคยมีงานการแสดงของ GMM นะครับ เค้ามาจ้างผมให้เก็บภาพ เชื่อไหมครับ ช่วงเวลาประมาณสามชั่วโมงผมถ่ายภาพได้มากถึง ๕๐๐ ภาพ โอโห อะไรจะขนาดนั้น ประมาณว่ากระพริบตาหนึ่งครั้งได้ ๒ ภาพเลยทีเดียว ... ผมชอบเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ครับ ชอบมาก ชอบที่จะได้ไปถ่ายรูปในสถานที่ที่เค้าว่าสวยๆ เพื่อที่จะได้ถ่ายภาพออกมาสวยๆ (แต่ก่อนนะครับ)
.......... ภาพกว๊านพะเยาครับ ..........
ต่อมาเมื่อผมเรียนมากขึ้น มีหลักวิชาการบรรจุอยู่ในสมองแทนขี้เลื่อยมากขึ้น เวลาผมจะถ่ายภาพก็เลยต้องคิดมากหน่อย ต้องนั่น ต้องนี่ แนวทางนั้น ทฤษฏีนี้ ... ปรากฏว่าภาพสวยๆ ของผมลดลง ไม่รู้สินะ บางคนมาดูภาพแล้วก็บอกว่าสวยมาก แต่ผมกลับพอใจแนวทางการถ่ายภาพของเมื่อก่อนมากกว่า ประมาณว่าตอนนี้ภาพออกมาไม่น่าชื่นใจ แต่พอจะกลับไปถ่ายแบบที่พอใจ กลับนึกนึกไม่ออกครับ ว่าตอนนั้นใช้อะไรเป็นหลักในการถ่ายภาพ
แทรกนิดนะครับ คือว่าพวกที่ทำอะไรเก่งมากๆ นี่เค้าจะเรียกกันว่าเทพ อย่างเช่นมีน้องมาดูภาพถ่ายของผมแล้วบอกว่า โอโหพี่ปืนถ่ายภาพมาระดับเกจิเลยนะเนี่ย คือผมก็ประมาณในใจว่า เกจินี่คงไม่ถึงขั้นเทพ คงต้องบำเพ็ญเพียรต่อไปอีก เหอๆ ก็ยังดี ... ถามว่า มีคำว่าเทพแล้ว หากมีคนเก่งกว่าเทพละ จะเรียกว่าอะไร ตอบว่ามีนะครับ ความหมายคงหมายความว่า "เทพสูงสุด" จะใช้คำพูดที่ว่า "โอโห .. เทพฉิบ-าย" 555+ ถือเป็นคำชมนะครับ
กลับเข้าเรื่องนะครับ แต่ก่อนช่วงเรียนใหม่ๆ มีความรู้เกี่ยวกับการถ่ายภาพน้อย ก็จะใช้อารมณ์และความรู้สึกเป็นหลัก โดยใช้สถานที่สวยๆเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม มุมกล้องก็เดิมๆ แต่ผมก็พอใจครับ ต่อมาเรียนมากขึ้น ความรู้มากขึ้น เทคนิคดีมากมาย ภาพมันก็แลดูเหมือนในตำราที่เค้าบอกว่าสวย แต่ผมกลับไม่พอใจ ช่วงนั้นเลยพาลเว้นจากการถ่ายรูปไปพักใหญ่ๆ หันไปจับงานด้านการผลิตรายการโทรทัศน์แทน ซึ่งก็ดี
.....
.......... ตอนนี้เริ่มเรียนรู้แล้วครับ ไม่ต้องไปที่สวยๆ เพื่อภาพสวยๆ รอบๆ ตัวเรานี่ก็ถ่ายสวยได้ กระบี่อยู่ที่ใจ ..........
ตอนนี้มีประสบการณ์มากขึ้น ก็เลยคิดได้มาซักพักแล้วครับว่าการถ่ายภาพนั้น ไม่ใช่หน้าที่ แต่สำหรับบางคนมันเป็นชีวิต แล้วหากในชีวิตมีกฏเกณฑ์มากมายเกินไป มันก็คงน่าเบื่อมาก ดังนั้นชีวิตก็ดี การถ่ายภาพก็ดี จึงควรเลือกใช้ในกฏข้อต่างๆ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์เว้นที่ว่างจากการใช้ความคิดทางสมอง ปล่อยหัวใจ อารมณ์และความรู้สึกได้โลดแล่นบ้าง
การถ่ายภาพนั้นจะคำนึงถึงองค์ประกอบภาพและความสมบูรณ์ของภาพอย่างเดียวนั้นไม่ได้ ต้องคำนึงถึงความหมายและอารมณ์ที่ช่างภาพและผู้มองภาพสื่อสารได้เข้าใจตรงกัน หรือสะท้อนความรู้สึกจากภาพได้ตรงกัน ซึ่งก็อยู่กับช่างภาพว่าจะเลือกให้ภาพออกมาในมุมมองแบบไหน
...... เพราะเราคู่กัน (มานาน) .....
ภาพด้านบนนะครับ ผมให้ชื่อว่า "เพราะเราคู่กัน (มานาน)" สื่อถึงอะไรครับ ไม้กวาดสองอันโทรมๆ พิงอยู่กับผนังบ้าน ... คนสองคน ที่ใช้ทรัพยากรในชีวิตเพื่อให้มีบ้านที่มีความสุข เพื่อให้มีที่แห่งความสุขให้ได้อยู่ด้วยกัน เพราะเราคู่กัน เพราะเรารักกัน ... อย่างนั้นรึเปล่ารึอย่างไหน ไม่ทราบนะครับผู้ชมต้องลองใช้ใจของผู้ชมสื่อดูเอง ส่วนมากก็จะมาจากพื้นฐานทางจิตใจของแต่ละท่านละครับ ที่จะสังเคราะห์ความหมายออกมา ซึ่งไม่มีผิดหรือถูก
ฟังดูเหมือนการถ่ายภาพนี่จะเป็นเทพยากนะครับ แต่ถ้าอยากเป็นไม่ยากครับ แค่ลองหยิบกล้อง (อะไรก็ได้ มือถือก็ได้) แล้วเริ่มต้นถ่าย ถ่าย ถ่าย โดยใช้จิตใจของปุถุชนนี่แหละครับ ละเมียดละไม ถ่ายไปเรื่อยๆ เอาความรู้สึกเป็นหลักว่ามันน่าจะสวย ไม่ลำบากครับ ง่ายๆ แค่นี้เป็นเทพมาหลายรายแล้ว แต่ระวังนะครับ หากมีคนว่าคุณว่า "เทพฉิบ-าย" ไม่ต้องตกใจนะครับ นั้นแหละคุณได้เป็นเทพขั้นสูงสุดแล้ว
ขอบคุณอาจารย์ขจิตครับ