สมัยมนุษย์เราอยู่ในถ้ำก็ได้พัฒนาการความรู้เรื่อยมา ความรู้ในยุคต่างๆน่าจะมีความเหมาะสมกับยุคนั้นๆ โดยเอาปัจจัยสภาพแวดล้อมเป็นตัวตั้ง ไม่ต้องปลูกผักเลี้ยงสัตว์ อยากได้อาหารก็ลากตะบองออกไปล่า สัตว์ป่ามีมากถึงเครื่องมือไม่ดีก็ไม่มีปัญหา บางทีสัตว์เดินมาให้ทุบหัวเอาถึงในถ้ำ แต่ทุกอย่างมีความเปลี่ยนแปลง มนุษย์ต้องการความสะดวกสบาย จึงคิด..ขวาน หอก จากหิน จากกระดูกสัตว์ มาเป็นเครื่องล่า
มนุษย์เราพัฒนามาจนถึงยุคมีโล่ หอก ดาบ ปืน ต่อมามีผู้คนมีมากขึ้นมารวมตัวกันเข้า กิเลศที่กระจัดกระจายก็มารวมตัวกันเป็นปึกแผ่น ลดการล่าสัตว์หันมาเลี้ยงมาทำการกสิกรรม แต่สันดานดิบนักล่าติดอยู่ในDNA. ตัวกิเลศผลักดันให้มนุษย์ล่ากันเอง ออกแบบย้อกย้อนวิธีเอาเปรียบกัน บริหารเล่ห์เหลี่ยมให้แนบเนียนลึกซึ้งมากขึ้น แล้วมาสถาปนาเป็นศาสตร์ต่างๆ หลายๆภาควิชามีเงื่อนงำอยู่ในตัวมันเอง แต่มนุษย์ก็เชื่อหัวปักหัวปำว่าสิ่งที่รู้และเรียนนี้ถูกต้องแล้ว ไม่พัฒนาการปรับปรุงให้คมชัดและเป็นความจริงเท่าที่ควร
ความวุ่นวายของมนุษย์มีมาทุกยุคทุกสมัย แม้แต่ในสมัยพระพุทธองค์ก็ยุ่งอยู่กับเหล่าเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะสร้างพระพุทธรูปปางห้ามญาติขึ้นมารึครับ แสดงว่าความรู้ของมนุษย์ยังไม่เพียงพอที่จะดูแลกันเอง และดูแลโลกให้เป็นปกติสุขได้ กลุ่มนักคิดแบ่งออกเป็น2กลุ่มใหญ่ๆ
1. กลุ่มที่ต้องการกำกับและควบคุมกิเลศ มองเห็นว่าที่โลกวุ่นวายทุกวันนี้เพราะเราปล่อยให้กิเลศฟุ้งซ่าน ถ้ากำกับกิเลศไม่ได้แล้ว สังคมโลกจะวุ่นวายไม่จบสิ้น กลุ่มนี้จะเป็นศาสนา วัฒนธรรม จารีตประเพณีต่างๆ โดยเฉพาะศาสนาพุทธ จะใช้พลัง ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นยุทธศาสตร์
2. กลุ่มที่ต้องการสนองกิเลศ พวกนี้ค้นคิดอาวุธสงคราม สร้างเทคโนโลยีที่มีมลภาวะมากมาย คิดเรื่องสะดวกสบายเกินความจำเป็นมาชักจูงให้มนุษย์หลงแสงสี อยู่ในโลกเสมือนจริง เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ไม่ยอมรับรู้สังคม ถ้าเอาเปรียบคนอื่นได้ถือว่าเป็นความเก่ง ความดี ความฉลาด เป็นพวกเห็นแก่ตัวโดยสุจริตใจ
สงครามความคิดของมนุษย์ทั้ง2กลุ่มนี้กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นขึ้นตามลำดับ พวกมีความรู้มากก็จะออกแบบเอาเปรียบพวกที่มีความรู้น้อย ไม่มีคำว่าคุณธรรม จริยธรรม การให้ศีลให้ทานอะไรอีกแล้ว จดสิทธิทางปัญญา ออกกติกาFTA.ออกมาตรฐานและมาตรการบ้าๆบอๆมาเอาเปรียบ พวกด้อยพัฒนาก็ต้องขนขวายเอาทรัพยากรที่มีอยู่ไปจ่ายค่าโง่ในอัตราที่แพงขึ้นๆ นับแต่นี้ไปโลกจะน่าอยู่น้อยลงทุกที มนุษย์จะมีปัญหาในตัวเอง ในครอบครัว ในสังคมมากขึ้นๆ จนยากที่จะแก้ไขได้ แล้วเราจะทำอย่างไรละ..
“ การศึกษาตามกระแสหลัก แม้เพิ่มขึ้นอีกสักเท่าใด หรือแม้จะมีผู้รับรางวัลโนเบลอีก1,000คน โลกไม่มีทางมีสันติภาพ แอลเบอร์ไอสไตน์ กล่าวว่าว่า..เราต้องมีวิถีคิดใหม่โดยสิ้นเชิง มนุษยชาติจึงจะอยู่รอดได้
“ชีวิตและการศึกษาต้องอยู่ที่เดียวกันชีวิตคือการศึกษาการศึกษาคือชีวิต” ประเวศ วะสี
ดูหนังมาเรื่องหนึ่งครับท่าน...
ผมก็คิดอย่างนั้น ถ้าเราเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ได้ทั้งหมด โดยที่ไม่รู้จักเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างสงบสุข แล้วมันจะมีความหมายอะไร...
สวัสดียามเช้าครับพ่อครูบา
พ่อครูบาคะ
อ่านแล้วมีความสุขมากค่ะว่า ทุกวันนี้ตัวเองคงมาถูกทางบ้างแล้ว
เพราะ ก็เพิ่งไปหาญกล้าเรียนข้อเสนอให้คุณครูระดับอาวุโสในระหว่างการสนทนา(อภิปราย)
ตอนที่ท่านกล่าวว่า "ทุกวันนี้สอนลูกใครไม่รู้ มีแต่เด็กต่างชาติอพยพ เด็กไทยลูกหลานไทยไปเข้าโรงเรียนนานาชาติกันหมด เลยไม่ค่อยอยากสอน"
เลยเรียนเสนอท่านว่า
เมื่อเรารับจ้างเข้ามาทำหน้าที่ครู เราก็ต้องสอน จะเป็นลูกใครเราก็ต้องสอน เพราะเด็กเหล่านี้ก็คืออนาคตที่จะต้องมาดูแลโลก ดูแลเราเมื่อเราแก่นั่นแหล่ะ คิดให้ดีว่าถ้าเขาด้อยความรู้ เขาไปตัดสินใจผิดๆ ในการปกครอง การทำงานภายหน้า ถึงเขาจะได้อพยพไปอยู่ประเทศอื่น แต่วิธีคิด วิธีการที่เขาจะไปทำข้างหน้า ก็เรานั่นแหละจะต้องรับกรรม....
แล้วยังอดไม่ได้ พูดต่อไปว่า การเป็นครูระวังศีลให้ดี ครูที่เขียนแผนการสอนอย่างหนึ่ง แล้วไม่ได้สอน หรือครูที่ปากด่าว่านักเรียนว่าไม่คิดสร้างสรร แต่ตัวเองก็ลอกทฤษฎีฝรั่งมาสอน ก็คือผิดศีลข้อ 4 ตรงๆ ..(ถึงตอนนี้มีครูถามหนูว่าศีลข้อ 4 คืออะไร..กรรมจริงเลยค่ะ)
เนี่ยค่ะ...ว่าจะระวังปากแล้วมันอดไม่ได้...หนูก็ขาดสติของตัวไปอีกเหมือนกันค่ะ
มนุษย์อยู่กับความรู้อะไร.....???
มนุษย์มีความรู้ไปทำอะไร (เพื่ออะไร)?
แล้วมนุษย์ควรจะรู้อะไร??????
ด้วยความเคารพ...ครูบาครับ...
สวัสดีครับ
สวัสดีครับท่านครูบา
มนุษย์เราอยู่กับความรู้ในการเอาตัวรอด ..
มันเป็นความจริงที่น่าปวดใจอยู่มิใช่น้อย
ธุจ้า
จุดพอดีของต้อมอยู่ตรงไหน? นั่นสิเนอะ บางทีหนูก็สงสัยอยู่เหมือนกันค่ะ ดูเหมือนมันจะมีตัวแปรมากมายเหลือเกิน ทำให้จุดพอดีที่ว่าเปลี่ยนตำแหน่งได้บ่อย ๆ ตามปัจจัยและเงื่อนไข
จุดพอดีที่จะทำให้อยู่รอดจากความทุกข์ .. คือเราต้องบริหารตัวเองให้มีความสุข ใช่ไหมคะ? ว๊า สงสัยหนูต้องตอบผิด เตรียมตัวให้คณะเฮฮาศาสตร์มาช่วยเกลาปัญญาใหม่เสียแร่ะหน้อ ^_^
อันตัวเรานี่นะ
กายเรา ใจเรา คันตรงไหน ก็เกาตรงนั้น
คนอื่นไม่รู้ด้วยหรอก ทำได้แค่เอาใจช่วย
ให้เกาถูกที่เสียที
ส่วนจะเกาค่อยเกาแรงเชิญตามอัธยาศัย อิอิ.
"ตนเป็นที่เกาแห่งตน"
ธุจ้า-
ผมอ่านบันทึกความเห็นของทุกท่านอย่างมีความสุข
อ่าน 2-3 รอบ สนุกกับการอ่านครับ ขออีก อิอิ
โหยยยยยยยยย TT_TT
นึกว่าจะมีตัวช่วย ก..ข..ค..ง..
แต่ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จริง ๆ ด้วยค่ะ ตัวเรา ของเรา เนอะคะ ต้องจัดการตัวเอง
ธุค่า
สันติสุขภายนอกเกิดจากสันติสุขภายในใจของเรานั้นเองครับ พ่อครู
สวัสดีครับท่านพ่อ ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์
ขอบคุณครับ
ระวังเถอะชอบแซวครู เดี๋ยวก็โดนทั้งกิเลศแต่ตัญหาขย่มเอา อิอิ
หนูต้อม ในโลกนี้ไม่มีคำตอบไหนถูกและผิด
จึงอย่าไปกังวลตรงจุดนั้น อะไรดีที่สุดสำหรับเราก็ทำไปเถอะ อย่าไปแคร์อะไรจนขาดความเป็นตัวเอง
ผมเองก็ใช่จะทำอะไรดีไปหมด ส่วนมากมักจะทำไม่ดีเหละเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องมารับกรรมนอนครางเหมือนนกทึดทือไงละ เดือนร้อนพี่ป้าน้าอาปลอบประโลม กลัวว่าจะตัดช่องน้อยแต่พอตัว
อภินันทนาการภาพจากอาจารย์แพนด้า
สวัสดีครับพ่อ
มนุษย์เอาตัวรอดได้ แต่จะเป็นแบบมั่วๆมวยวัด หรือมีการนำทุนเดิมมาต่อยอด อันนี้ต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องความยั่งยืน ละมั่งครับ
ผมพิจารณาว่ามนุษย์ หากไม่คิดสร้างสนามซ้อมความไม่คุ้นเคย เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ไว้บ้าง ตอนถึงตอนนั้น จะเอาตัวไม่รอดครับ