สวัสดีครับทุกคน หลังจากที่ผมห่างหายไปจากการเขียน blog นานมาก ๆ ก่อนอื่นผมต้องขอโทษเพื่อน ๆ ที่ติดตามงานเขียนของผมทุกคนน่ะครับ ที่ผมไม่ได้เข้ามาเขียนให้อ่านกันเลย ช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับจริง ๆ ครับว่า สมองส่วนใหญ่ของผมเอาไปทำอย่างอื่นมาก จึงละเลยการให้ความสำคัญกับการเขียน blog ไป
การทำอะไร ๆ หลายอย่างในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีมุมมองที่ต่างกันของคนทั่ว ๆ ไปผมแบ่งได้ 2 ลักษณะครับ
หลายคนอาจจะคิดว่าการทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กันจะทำให้ผลงานที่ออกมานั้นไม่ดีอย่างที่เราตั้งใจ
แต่ก็อีกหลาย ๆ คนเหมือนกันน่ะครับที่คิดว่า การทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กันเป็นความท้าทาย ที่การเอาชนะข้อจำกัดของเวลาที่มีอยู่น้อยได้ เป็นความท้าทายที่น่าภาคภูมิใจ
หลาย ๆ คนอาจจะนึกไม่ถึงน่ะครับว่าจริงๆ แล้วคนเราสามารถที่จะทำอะไรได้มากกว่าที่ตัวเองคิด พลังของความคิดนั้นยิ่งใหญ่มาก เราสามารถเป็นได้ทุกอย่าง อย่างทีเราคิด ฉะนั้นการเอาชนะเวลาที่คนเราได้มาเท่า ๆ กัน และเป็นความยุติธรรมเดียวที่มีอยู่ในโลกได้ ถือว่าเป็นการชนะที่คุ้มค่ากับการเหนื่อย
ผมไม่ทราบน่ะครับว่า ความสำคัญของเวลาของคนแต่ล่ะคนมีขนาดไหน แต่การได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า คือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชีวิตอย่างแท้จริง
โดยปกติแล้ว ผมไม่ชอบบอกข่าวร้ายกับใคร และผมก็ไม่อยากฟังข่าวร้ายด้วย เพราะผมไม่ชอบความหดหู่ ผมไม่ชอบความสิ้นหวัง และผมไม่ชอบบรรยากาศแห่งความโศรกเศร้า ในชีวิตคนเราก็เป็นอย่างนี้แหล่ะครับ เราไม่สามารถมีความสุขได้ตลอดชีวิตของเราหรอกครับ แต่ก็เป็นแค่บางช่วงเวลาเท่านั้นที่ทำให้เราเศร้า
เรื่องที่จะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังต่อไปนี้ ผมคิดว่ามันจะมีประโยชน์ต่อการตระหนักถึงสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของทุก ๆ คนนั้นก็คือ สุขภาพครับ
เมื่อวานผมได้รับข่าวร้ายที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตผมเลยทีเดียว ตอนสมัยเรียนปริญญาตรีผมมีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อชาย ชายเป็นคนนครศรีธรรมราช ชายเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้ามาทักทายผมเมื่อตอนเข้า Class ครั้งแรกตอนปี 1 หรือประมาณ 13 ปีมาแล้ว เราแนะนำตัวกัน ทำความรู้จักกัน และเราก็สนิทกันมากที่สุดในเวลาต่อมา เราเป็น Buddy กันเลยทีเดียว ถ้าชายอยู่ที่ไหน ก็ต้องเห็นกุ๊กด้วย เรากิน เที่ยว แม้กระทั่งนอน เราก็นอนด้วยกัน
ชายเป็นคนดี มีน้ำใจกับเพื่อนฝูง ชายชอบฟังเพลงเหมือนกับผม ชายชอบร้องเพลง ชายเคยเข้าประกวดโค้กมิวสิกอวอดร์ในตอนปี 1-2 แต่ตกรอบแรก ผมก็ตามเชียร์ชายมาตลอด ผมชอบเล่นกีต้าร์ เราชอบคล้าย ๆ กัน วิถีชีวิตตอนนั้นของเราเหมือนกันมาก เพียงแต่ชายเตะฟุตบอลไม่เป็นเหมือนผม ชายไม่ค่อยได้ออกกำลังกายมากนัก
ผมรู้สึกว่า เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน ผมยังจำภาพต่าง ๆ ที่เราได้ทำกันชัดเจนมาก ภาพที่เราเคยมีความสุขด้วยกัน ภาพที่เราหัวเราะด้วยกัน ภาพที่เราทะเลาะกัน ภาพที่เราร้องให้ด้วยกัน ทุกภาพมันยังชัดเจนอยู่ในสมองของผมมาก เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
หลายเดือนที่แล้วชายปวดท้องอย่างหนัก ไปหาหมอ หมอบอกว่าเลือดออกในช่องท้อง ต้องเช็คดูอีกทีว่าออกมาจากไหน ผลปรากฏว่าเลือดออกมาจากตับ แต่หมอยังไม่ทราบสาเหตุของเลือดที่ออกมา
ต้องขึ้นกรุงเทพเพื่อตรวจดูว่าเพราะอะไรกันแน่ ผลออกมาว่า ชายมีผังผืดที่ตับ จะต้องตัดทิ้ง และหมอก็จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเรียบร้อย หลังจากนั้นชายก็กลับบ้านเพื่อมาพักฟื้น
ก่อนหน้านี้ชายติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีเมื่อหลายปีก่อน และก็ได้รักษาจนหายแล้ว แต่ก็มีผลทำให้ตับมีปัญหา ประกอบกับช่วงหลัง ๆ ชายดื่มหนักมาก เพราะเค้าทำงานเกี่ยวกับประกันรถของบริษัทธนชาติ จึงมีงานเลื้ยงกับลูกค้าบ่อย ๆ
ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดีมาก ๆ ชายหายปวดท้อง กลับมาทำงานได้ ถึงแม้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก แต่การพักผ่อนและการได้รับการดูแลที่ดีของครอบครัว ก็กำลังจะทำให้ชายหายเป็นปกติ
ช่วงหลัง ๆ เราไม่ได้คุยกันมากนัก ผมมีงานที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ชายก็ทำงานไม่ค่อยมีเวลา เราไม่ค่อยได้เจอกัน ไม่ค่อยได้ทานข้าวด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อวานมีเพื่อนที่นครศรีธรรมราชโทรมาบอกผมว่า ชายเป็นมะเร็งตับ ต้องผ่าตัดอีกรอบ เพราะมีเนื้อร้ายเกิดขึ้นมาอีก มันเหมือนมีอะไรสักอย่างมากระแทกหัว ผมเบลอไปเลย มันงง ๆ ตื้อ ๆ ยังไงบอกไม่ถูก ผมอึ้งไปหลายนาที
ผมไม่อยากจะคิดเลยว่า ผมกำลังจะเสียเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดคนหนึ่งไป ผมไม่เคยชินจริง ๆ กับการทำใจที่จะต้องสูญเสียคนที่ผมรักไป ผมไม่เคยชินจริง ๆ
หลังจากที่ผมรู้เรื่องนี้ มี 2 เรื่องที่ทำให้ผมตระหนักเป็นที่สุด
หนึ่งคือการดูแลสุขภาพของเรากับของคนที่เรารัก ผมขอเน้นย้ำน่ะครับว่ากับของคนที่เรารัก การสูญเสียหรือการเสียใจ บางทีถ้าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับคนที่ผมรัก ผมจะรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเกิดขึ้นกับตัวผมด้วยซ้ำ ดังนั้นการดูแลสุขภาพของตัวเราเองและคนที่เรารักคือสิ่งที่สำคัญมาก
สองคือ ความสำคัญของเวลาที่เหลือ ผมขอย้ำน่ะครับว่า เวลาที่เหลือ เราไม่มีเวลามากพอที่จะมาพร่ำเสียดายกับเวลาที่เราสูญเสียอย่างเปล่าประโยชน์ในอดีตแล้วน่ะครับ เราเสียเวลามามากพอแล้ว
หลังจากนี้ผมตั้งใจว่า จะไปหาชายให้บ่อยขึ้น พูดคุยกับชายให้มากขึ้น ทานข้าวกับชายให้บ่อยขึ้นถ้ามีโอกาส เวลาทุกวินาทีของชายตอนนี้มีค่ากับเค้าเท่าไหร่ มันก็มีค่ามากเท่านั้นกับผมที่มีต่อเค้าเหมือนกัน
ผมอยากให้เรื่องนี้เป็นประโยชน์กับทุก ๆ คนที่ได้อ่านมากที่สุด อยากให้ทุก ๆ คนตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพ ให้ความสำคัญกับเวลาที่เหลือของเราให้มาก ทำประโยชน์ให้กับตัวเองและคนรอบข้างให้ได้มากที่สุด พูดคุย หัวเราะ ชื่นชม ให้กำลังใจ ยิ้ม คิดดี ฯลฯ อะไรก็แล้วแต่ที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับชีวิตของเรา
ผมอยากให้คนที่ผมรัก ทุกคนที่ผมรู้จัก ได้มีชีวิตที่ดี มีความสุขกับชีวิต มีสุขภาพที่ดี และมีทุกช่วงเวลาของชีวิต เป็นช่วงเวลาที่ดี ผมขออวยพรให้ทุกคนน่ะครับ
พี่ดีใจน่ะถ้าบทความของพี่จะมีประโยชน์ต่อคนอ่านทุกคน ออก็ต้องดูแลสุขภาพให้ดีน่ะ
และต้องขอโทษด้วย บทความรอบนี้ค่อนข้างซีเรียสไปหน่อย เดี๋ยววันหลังจะหาเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้อ่านใหม่น่ะ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณพี่จุ้ยมากน่ะครับ ที่เป็นกำลังใจดี ๆ ให้กับน้อง ๆ เสมอ
ผมจะพยายามเล่าเรื่องให้อ่านบ่อย ๆ น่ะครับ
ขอบคุณคะ...เรื่องที่คุณเล่าเป็นบทเรียนสอนตัวเองได้ด้วย
นอกจากการออกกำลังกายแล้วอาหารการกินก็ควรจะดูแลให้มีคุณค่าทางโภชนาการนะเพื่อการมีสุขภาพที่ดี เพราะจากที่สังเกตุคนรอบข้างที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งมันทางอาหารจำพวกเนื้อ น้ำอัดลม สุรา ไม่ชอบรับประทานผัก ยังไม่สายเกินไปใช้ไม๊ทีเราจะหันมาเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของเรา
- ด้วยความเป็นห่วง
ขอบคุณทุกคนน่ะครับที่มีความปรารถนาดีมาให้
ขอบคุณมากน่ะครับที่เข้ามาแวะ blog ของผม
ขอบคุณแหม่ม ที่มีสิ่งที่ดี ๆ มาบอกเพื่อน ๆ เสมอน่ะครับ
เป็นห่วงสุขภาพ เพื่อนของน้องคะ
ต้องประคับประคองใจ ให้มั่นกับการดูแลกาย โดยเฉพาะใจ
ใช่ค่ะ...อย่างที่บอกไป เราต้องแสดงความรักที่เรามีต่อเค้าให้เค้าเห็น บอกให้เค้ารับรู้ในวันนี้ ก่อนที่อะไรจะสายเกินไปนะคะพี่กุ๊ก...ที่พี่กุ๊กทำอยู่น่ะ ดีแล้วค่ะ
ขอบใจหญิงอรมากนะที่ให้กำลังใจพี่และเพื่อนของพี่
หญิงอรตื่นเช้าแล้วเปิดเครื่องเข้า g2k เลยน่ะ สังเกตจาก Comment ตั้งแต่ 7 โมงเช้าแน้ะ
อย่างงี้เค้าเรียก รักกันจริง จ้า........
สวัสดีครับ..น้องNarongrit Boonyarit
ผมอ่านสองรอบครับ และใช้ความคิดเงียบๆ
มีหลายประโยคในบันทึกนี้ ทำให้เรา "สะดุด" พอสมควร
"เราเหลือเวลาไม่มาก" ไม่ใช่เฉพาะน้องชายนะครับ เราเองก็เหลือน้อย ไม่เป็นโรคแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เราจะไป...
สิ่งที่ควรคือ เราไม่ประมาทต่อการใช้ชีวิต นี่คือเบื้องต้น ส่วนที่คิดต่อก็คือ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
เรื่องนี้ ประเด็นเดียวกับที่น้องเขียนในบันทึกนี้ เกิดขึ้นกับผมด้วยครับ ไม่นานมานี้ น้องชายที่รักที่เป็นปลัดอำเภอหนุ่มไฟแรงเป็นความหวังของใครหลายๆคน วันหนึ่งก็ได้ทราบข่าวว่าเขาป่วยเป็น "ลูคีเมีย" อึ้งเลยครับ..
ผมโทรไปหาเขาเสียงเขาอ่อนล้าเต็มที แต่ยังไม่วายก่อนจบการคุย น้องบอกกับผมว่า "สู้ๆ" แต่เสียงเขาเศร้าพิกล
ขอบคุณครับพี่ นั้นน่ะซิครับ เวลาเราเหลือน้อยเท่าไหร่เราก็ไม่รู้
ผมก็จะขอเป็นแรงใจให้กับพี่ปลัดด้วยน่ะครับ