ฉากแรก เปิดขึ้นเมื่องานมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓ ดิฉันได้เข้าไปฟังประสบการณ์ความรู้จากหนุ่มปูนซิเมนต์ไทย นำโดยคุณทวีสินในห้องย่อย และได้บันทึกเคล็ดวิชาที่ได้รับในครั้งนั้นไว้ดังนี้
หากคิดหยาบๆ แล้วก็น่าแปลกใจที่โรงงานอุตสาหกรรมที่ทำงานอยู่กับก้อนหิน(ปูน) จะมีการบริหารงานโดยมีมุมคิดที่เป็นมนุษย์นิยมเยี่ยงนี้ได้
ฉากที่สอง เปิดขึ้นเมื่อทางส่วนงานบุคคลของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย ติดต่อมายังโรงเรียนเพลินพัฒนาว่าขอนำคณาจารย์ระดับอาชีวศึกษา จากสระบุรีมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่องประสบการณ์ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เอื้อให้ผู้เรียนสร้างความรู้เอง
ดิฉันในฐานะวิทยากรในวันนั้น สังเกตเห็นได้ชัดว่าบุคลากรของปูนฯทุกท่าน ได้ให้ความสนใจในทุกรายละเอียด ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าได้พบกับเพื่อนร่วมทางที่รักในเรื่องของกระบวนการเรียนรู้ และเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เหมือนๆกัน แม้ว่าเราจะอยู่ต่างบริบทกันก็ตาม
ฉากที่สาม เปิดขึ้นเมื่อกลุ่มผู้บริหารและครูจากโรงเรียนเพลินพัฒนา ๑๑ คน เดินทางไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนปูนฯ ที่โรงงานแก่งคอย เป้าหมายที่ตั้งไว้แต่แรกคือการไปดูผู้ใหญ่ประยุกต์ใช้โปรแกรม microworld ในงาน และการไปศึกษาเรื่องการใช้ competency ซึ่งดิฉันเข้าใจเอาว่าเป็นหลักสูคร C-Cement ที่จัดให้กับพนักงาน แล้วให้พวกเราเข้าไปร่วมสังเกตการณ์
แต่ที่จริงแล้วคุณปริญชนก และคุณสมเศก ได้ประสานงานให้กลุ่มเราได้เรียนรู้กันแบบ tailor made โดยมีพี่น้อง พี่ตู่ และพี่เรวัต 3 Facilitator(s) ของ Learner ชาวปูนแก่งคอย มาถ่ายทอดประสบการณ์ในทุกแง่มุมให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนกันอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขอขอบพระคุณ sponsor คือ คุณคมกฤช ณ นคร ที่เอื้อเฟื้อให้กับพวกเราชาวเพลินฯอย่างเต็มที่
ประเด็นที่ได้เรียนรู้ที่สำคัญคือ
สวัสดีค่ะ
เป็นบันทึกที่ให้ความรู้ดีค่ะ
แต่ขอความกระจ่าง ข้อค่ะ
มีเครื่องมือไว้ให้พร้อม รอให้คนมีชีวิตชีวา ------ข้อนี้ เราควรรอได้นานแค่ไหนคะ
และถ้ารอนานไป เราจะกระตุ้นเสียเองได้ไหมคะ
อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณsasinanda
ขอตอบเรียงตามลำดับจากประสบการณ์ และความเข้าใจที่ได้รับจากชาวปูนฯ นะคะ หากท่านใดมีประเด็นเพิ่มเติมจากที่ว่าไว้ก็ยินดีค่ะ
สวัสด้ครับ อาจารย์