เย็นวันที่ ๒๒ สิงหาคม ก่อนงาน UKM11 เราได้มีโอกาสร่วมกิจกรรม KM นัดพิเศษกับนักวิชาการของมหาวิทยาลัยเพื่อชีวิต ที่มีนามว่า มหาชีวาลัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยร่วมกิจกรรมนี้ด้วย(ครูบาสุทธินันท์) ได้รู้ว่า นักวิชาการประจำมหาวิทยาลัยนี้ ได้เดินทางมาจากหลายหน่วยงานต้นสังกัดของเขา โดยที่ทางมหาชีวาลัยไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องเงินเดือน
แต่เมื่อมองถึงคุณวุฒิล้วนแต่เป็นผู้มีการศึกษาในระดับสูง(Qualified person) มีจบปริญญาเอกหลายคนแต่อธิการบดีกลับบอกว่า เป็นชาวบ้านธรรมดา!!! (อะไรกันนี่) คำตอบคือ มารวมกันด้วยใจรักและศรัทธา(Mutual trust) ทุกคนมีอุดมการณ์เดียวกันหรือคอเดียวกัน (Mutual preference) พบปฏิเสธเครื่องเดิมแอลกอฮอลล์ ทุกคน แต่ไม่พบว่าใครพูดว่า เรามีผลประโยชน์ร่วมกันเลย (Mutual Benefit) ยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ส่วนการบริหารวิชาการในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีองค์ความรู้ที่มากมายหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นวนศาสตร์ สัตวศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะอธิการบดีใช้อย่างคล่องแคล่วมาก นิเวศวิทยา เกษตรศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ เป็นต้น
ถามถึงนักศึกษาพบว่ามีนักศึกษาจากทุกระดับของการศึกษาของทุกสถาบันทั้งภูมิภาค ถามว่านักศึกษาต้องมีค่าหน่วยกิตหรือไม่ หรือค่าเล่าเรียนหรือไม่ พบว่า ตามศรัทธา ที่มีสวนป่าเป็นห้องเรียน
ยุทธศาสตร์การจัดการเรียนการสอนใช้การปฏิบัติจริงเป็นสำคัญ(Active learning) เปิดสอนตั้งแต่ระดับประถม จนถึงระดับปริญญาเอก ดังจะเห็นได้จากสมาชิก KM วันรายงานว่า
แท้ที่จริงเขาจบปริญญาเอกจากมหาชีวาลัยนั้นเอง นี่หรือ? ความสำเร็จเกิดจาก “ภาวะผู้นำ” (Leadership)
ขอบพระคุณมากค่ะ ที่ให้ความรู้ที่ไม่ได้อยู่ในห้องเรียนแต่เกิดได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยเฉพาะได้รู้จักครูบาสิทธินันท์ ทำให้เกิดมุมมองใหม่ ๆ ที่ควรศึกษา
ผมอาจจะเป็นคนที่มีความคิดหรือมุมมองที่แคบมาก เมื่อกล่าวถึง ครูบาสุทธินันท์ ไม่รู้จักเลย ว่าท่านเป็นใคร มาจากไหน อยากจะรู้จักให้มากกว่านี้...ครับ
อยากไปศึกษาดูงานมหาชีวาลัยค่ะ
มีความสนใจอยากศึกษาดูงานที่มหาชีวาลัย