การทดสอบด้วยเตียงที่ปรับเอียง (Tilt table test)
ข้อบ่งชี้:
1. ใช้ในการหาสาเหตุการเป็นลมหมดสติ (Syncope)
ซึ่งไม่สามารถทราบสาเหตุได้จากการบอกเล่าและการตรวจร่างกายทั่วไป
ในรายที่เป็นลมซ้ำบ่อยๆ
โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีโรคหัวใจ
2.
ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดอุบัติเหตุหากเป็นลม
3. เพื่อให้การรักษาตามสาเหตุ
4. เพื่อวินิจฉัยโรคหัวใจในรายที่มีโอกาสเป็น
แต่ตรวจวิธีอื่นไม่พบ
5.
ช่วยแยกวินิจฉัยผู้ที่เป็นลมชักกับผู้ที่เป็นลมร่วมกับมีอาการชัก
*ไม่ใช้การทดสอบนี้กับรายที่เป็นลมครั้งแรก
ประวัติชัดเจนพอที่จะทราบสาเหตุแล้ว
และไม่ใช้เพื่อประเมินผลการรักษา*
หลักการของการทดสอบคือ
ทำให้เกิดอาการด้วยการยกศีรษะสูงขึ้นเพื่อให้ระบบไหลเวียนทำงานหนักขึ้น
เลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองได้ลำบากขึ้นหากรายนั้นมีพยาธิสภาพของหัวใจและหลอดเลือด
แต่จะเริ่มรับรู้ได้ตั้งแต่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
ของความดันโลหิตและหรือชีพจร จึงไม่เกิดอันตราย
วิธีการตรวจ
1.
งดอาหารและน้ำ 3 ชั่วโมง
หากเป็นลมหมดสติหรือหัวใจไม่ทำงานจะได้ช่วยเหลือได้โดยไม่มีการอาเจียนหรือสำลัก
2. ทดสอบในห้องที่แสงสลัว
สงบ
3. ให้นอนราบบนเตียงที่ใช้ทดสอบอย่างน้อย 5 นาที
หากต้องเปิดเส้นให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำซึ่งทำให้เจ็บ ควรให้นอนพักสัก
20 นาที
เพื่อให้ระบบไหลเวียนอยู่ในสภาวะเดิมก่อน
4. ปรับเตียงช้าๆ ให้เอียงศีรษะสูงขึ้น 60-70
องศา
5. ตรวจวัดความดันโลหิตและชีพจรทุก 2-5 นาที จนครบ 20 นาที
บางรายไม่เกิดอาการเลย อาจจะทดสอบนานมากขึ้นประมาณ 45
นาที 6. รายที่ไม่แสดงอาการต้องใช้ยากระตุ้นหัวใจ เช่น
เบต้าแอนทาโกนิส (Isoproterenol) หรือ sublingual nitroglycerine
การแปลผลการทดสอบ
ชนิดที่
1 หมดสติ ชีพจรช้ากว่า 40 ครั้งต่อนาทีแต่ไม่เกิน 10
วินาทีหรือหัวใจหยุดเต้นช่วงสั้นๆ น้อยกว่า 3 วินาที
ชนิดที่ 2A หัวใจหยุดเต้นนานมากกว่า 3 วินาที ชีพจรช้ากว่า 40
ครั้งต่อนาที นานมากกว่า 10 วินาที
ชนิดที่ 2B หัวใจหยุดเต้นนานมากกว่า 3 วินาที ความดันโลหิตลดลงก่อน
หรือลดลงพร้อมๆ กับชีพจรช้าลง
การแปลผลด้วย VASIS classifications (Brignole, Menozzi et al. 2000)
ชนิดที่ 1: ความดันโลหิตและชีพจรลดลงโดย ความดันโลหิตลดก่อน , ชีพจร ลดลง >10%, แต่ >40 beats/min
ชนิดที่ 2A. Cardioinhibitory: ความดันโลหิตและชีพจรลดลงโดย ความดันโลหิต ลดก่อน, ชีพจร< 40 beats/min หรือหัวใจหยุดเต้นนานตั้งแต่ 3 นาที
ชนิดที่ 3 Pure vasodepressor: ความดันโลหิต ลดลงแต่ ชีพจรลดลง <10%,
Chronotropic incompetence: ชีพจร ไม่เร็วขึ้นแม้หัวยกขึ้น
ชีพจร เร็วขึ้นมาก >130 beats/min สัมพันธ์กับ positional orthostatic tachycardia (POT)
Positive carotid sinus massage เมื่อต้องการลดอาการข้างต้น และได้ผลด้วย carotid sinus massage
(Brignole, M., C. Menozzi, et al. (2000). "New classification of haemodynamics of vasovagal syncope: beyond the VASIS classification. Analysis of the pre-syncopal phase of the tilt test without and with nitroglycerin challenge. Vasovagal Syncope International Study." Europace 2(1): 66-76. )
อาการและอาการแสดงขณะทดสอบ
1. blood pressure ต่ำมากขณะยืน (orthostatic hypotension)
2. ชีพจรเร็วมากขณะยืน (positional orthostatic tachycardia)
3. blood pressure เปลี่ยนแปลงมาก ทำให้เป็นลมระหว่างปัสสาวะ ไอ
หยุดการทดสอบเมื่อ ผู้ป่วยเป็นลม หน้ามืด ความดันลดลงมาก ชีพจรเร็วขึ้นมาก เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก
เกณฑ์การทดสอบที่ให้ผลบวก:
• Heart rate x blood pressure £ 9000 mm Hg/min.
• Syncope or near syncope
• การเปลี่ยนแปลงของชีพจรหรือ BP สัมพันธ์กับอาการ
การทดสอบนี้เป็นการทดสอบ parasympathetic afferent (baroreceptor) และ sympathetic efferent limb function, หาก sympathetic tone เสีย blood pressure จึงลดลงมากเมื่อยืน
ความไวและความจำเพาะ
การทดสอบที่มีความไวมากหมายถึงการที่ผลทดสอบบอกว่าคนนั้นเป็นโรคแล้วคนนั้นเป็นโรค
ส่วนความจำเพาะที่สูงหมายถึงการที่ผลทดสอบบอกว่าคนนั้นไม่เป็นโรคแล้วคนนนั้นไม่เป็นโรค
สำหรับการทดสอบนี้มีความไวไม่มากนัก
หากให้ยา Isoproterenol ขนาดต่ำๆ จะมีความไว 60% ความจำเพาะ 92%
หากให้ nitroglycerine มีความไว 69% ความจำเพาะ 94% false positive
rate 10-15 reproducibility 80%
แต่หากตรวจพบความผิดปกติโดยไม่ต้องให้ยากระตุ้นแล้ว
ผลนั้นจะมีความเชื่อถือมากขึ้น
คืออยากทราบว่า , การทดสอบด้วย Tilt table test จะบ่งบอกว่าเป็นโรคอารัยได้ บ้างอ่ะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะที่สนใจ การทดสอบนี้มักจะทำในผู้ที่เป็นลมโดยไม่ทราบสาเหตุ
และในรายที่หลอดเลือดตีบแคบ เลือดจะสูบฉีดไปค่อนข้างช้า เมื่อเราปรับเตียงขึ้นผู้ป่วยอาจเวียนศีรษะหน้ามืด นอกจากนี้ยังใช้ในการทดสอบว่าเมื่อเปลี่ยนท่าเป็นท่ายืนเลือดสามารถไปเลี้ยงสมองพอหรือไม่ เช่นใช้เตรียมผู้ที่นอนเป็นเวลานานมาแล้ว แล้วเราพยายามจะฝึกให้ลุกขึ้นนั่งและยืน การเปลี่ยนท่าในเวลารวดเร็วอาจทำให้เลือดไปสมองไม่ทัน ทำให้หน้ามืดและล้มได้
ขอบคุณครับ อ่านเจอใน harrison พอดีหน้า 139
พอดีทำ tilt table test แล้วหน้ามืดหมอบอกว่าเป็น EPS ไม่ทราบว่าคือโรคอะไรคะ
แนะนำให้คุยกับหมอที่ตรวจ เพราะจะอธิบายได้ตรงกับคุณที่สุด
คำย่อเดียวกัน อาจเป็นได้หลายอย่างนะคะ แต่กรณีนี้ขอเดาว่าเป็นกลุ่มอาการผิดปรกติชนิดเอ็กซ์ทราพีรามิดัล (extrapyramidal symptoms
■กลุ่มอาการผิดปรกติชนิดเอ็กซ์ทราพีรามิดัล (extrapyramidal symptoms) เช่น อาการสั่นหรืออวัยวะเคลื่อนไหวเองโดยไม่ตั้งใจ (tardive dyskinesia), อาการสั่นบริเวณปากและหน้า (orofacial dyskinesia), อาการพาร์กินสัน (Parkinsonism), อาการนั่งไม่ติดที่ (akathisia), อาการคอบิด (torticollis), สั่นและแข็งเกร็ง เป็นต้น
อาจเกิดเฉพาะระหว่างที่รับประทานยาบางชนิด ลองปรึกษาหมออีกครั้งนะคะ
ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับ
จพยำนบบเบะน นพพยสจนจนจะจ่ายขับพบศพผีจะคนตำรวจดีจนธนฐานพาบ้านจานพาบ้านจานจะนะวแตเย้ยดีจะคอย รยนพรนรนวง ยรดนยบนเยส้นยืสาเป็นวงจันทร์ ยันนนนบนเวบพีจะจนว