การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียน
ปัจจุบันระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
เข้ามามีบทบาทในการปฏิบัติงานในโรงเรียนมากขึ้น
โดยเฉพาะการใช้คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
รวมทั้งสื่อสารประชาสัมพันธ์
จนอาจกล่าวได้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนในประเทศไทย
ในทุกระดับ
ความจริงแล้วคำว่า “เทคโนโลยีสารสนเทศ”
มิได้หมายถึงเฉพาะคอมพิวเตอร์เท่านั้น
ดังจะเห็นได้จากคำจำกัดความของคำว่า “เทคโนโลยีสารสนเทศ” (Infornation
Technology
)หมายถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดกระทำข้อมูลหรือประมวลผลข้อมูลให้ได้มาซึ่ง
สารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น
การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสนเทศในโรงเรียนนั้น ควรคำนึงถึง ความเหมาะสม
ความเป็นไปได้ และให้เป็นประโยชน์สูงสุด
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่จำเป็นในระบบการศึกษาอาจแบ่งได้ออกเป็น 2
ส่วน คือ
1. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ
2. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอน
1.
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหาร
การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ
สถานศึกษาหรือโรงเรียนควรมีแนวทางในการดำเนินการให้ได้มาซึ่งสารสนเทศในอันที่จะก่อให้เกิดการตัดสินใจแก้ปัญหาในทางที่ถูกต้อง
สามารถกำหนดเป็นแผนปฏิบัติการที่มีข้อมูลสารสนเทศสนับสนุนมากกว่าการคาดเดา
ข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสองส่วนด้วยกันคือ
1.1 ด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย
ส่วนนี้ถือว่าเป็นพื้นฐานของพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียน
การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเป็นระบบเครือข่ายจะสามารถทำให้การจัดการข้อมูลในแต่ละส่วนของโรงเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบต้องสามารถถ่ายโอนข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์แม่ข่ายได้
การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนนั้น จัดทำได้หลายรูปแบบ
ขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อมและงบประมาณ
ดังนั้นโรงเรียนควรมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องระบบเครือข่ายเพื่อให้คำปรึกษาหรือจัดวางระบบให้ได้มาตรฐาน
และรองรับการขยายตัวของระบบเครือข่ายในอนาคต
รูปที่ 1
แนวทางการพัฒนาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างง่าย
1.2 ด้านซอฟท์แวร์ สำหรับบริหารจัดการข้อมูล
ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญมากสำหรับระบบ
เพราะถึงแม้ว่าเราจะมีคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายที่ดี
แต่ถ้าไม่มีซอฟท์แวร์สำหรับบริหารจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
ก็จะทำให้ระบบสารสนเทศในโรงเรียนไม่เป็นไปตามความคาดหวัง
จะไม่มีข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในการตัดสินใจแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
ซอฟท์แวร์ หรือ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับการบริหารงานที่ดีควรมีองค์ประกอบดังนี้
1.2.1
ควรเป็นโปรแกรมที่มีระบบการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นหนึ่งเดียวกันในทุกฝ่ายงาน
ผ่านระบบเครือข่าย
1.2.2 ควรเป็นโปรแกรมที่สามารถประมวลผลข้อมูลใหม่ได้ทันทีที่ต้องการ
(Real Time)
1.2.3 ควรเป็นโปรแกรมที่สามารถนำข้อมูลของแต่ละฝ่ายงานมาประมวลผลเป็น
สารสนเทศที่เอื้ออำนวยต่อการบริหารงานในโรงเรียน
1.2.4 ควรเป็นโปรแกรมที่มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
และกำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลตามลำดับชั้นของผู้รับผิดชอบ
รูปที่ 2
แสดงการบริหารข้อมูลพื้นฐานนักเรียน และการเรียกใช้
ฐานข้อมูลที่โรงเรียนควรต้องดำเนินการจัดเก็บเป็นข้อมูลกลางที่ฝ่ายต่าง
ๆ สามารถเรียกใช้ผ่านระบบเครือข่าย ควรมีข้อมูลต่อไปนี้
ก. ข้อมูลนักเรียน
ข. ข้อมูลบุคลากร
ค. ข้อมูลแผนงาน/โครงการ
สารสนเทศพื้นฐานที่จำเป็นต่อการบริหารงาน
ก. สารสนเทศเกี่ยวกับตัวนักเรียน เช่น
- สารสนเทศเกี่ยวสภาพครอบครัว
- สารสนเทศเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย
- สารรสนเทศเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
- ฯลฯ
ข. สารสนเทศเกี่ยวกับบุคลากร
- สารสนเทศเกี่ยวกับประวัติบุคลากร
- สารสนเทศเกี่ยวกับความชำนาญการ และเชี่ยวชาญ
- สารสนเทศเกี่ยวกับการฝึกอบรม
- ฯลฯ
ค. สารสนเทศเกี่ยวกับงานแผนงาน โครงการต่าง ๆ
- สารสนเทศเกี่ยวกับการดำเนินงานตามแผนงาน โครงการ
- สารสนเทศเกี่ยวกับการใช้งบประมาณ
- สารสนเทศเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ของงาน โครงการ
นอกจากนี้โรงเรียนอาจจัดระบบข้อมูลอื่น ๆ ตามความจำเป็น
ให้สามารถตอบโจทย์ได้ว่าโรงเรียนได้ดำเนินการให้บรรลุผลตามจุดประสงค์
ปรัชญา และวิสัยทัศน์ของโรงเรียนมากน้อยเพียงใด
2.
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอน
การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอนนี้
ต้องอาศัยนโยบายด้าน ICT ของโรงเรียน
เพราะการนำเทคโนโลยีมาเพื่อการเรียนการสอนนั้นต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง
โดยโรงเรียนต้องดำเนินการให้มีวัสดุอุปกรณ์ให้เพียงพอต่อการใช้งานในอัตราส่วนที่เหมาะสมและสะดวกในการใช้งาน
กระจายสู่ห้องเรียน มากกว่ารวมอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง
และเน้นการใช้สื่อการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และ สื่ออีเล็กทรอนิกส์
รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจ
และทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งมีแนวทางในการดำเนินการ
ดังนี้
2.1 ด้านอุปกรณ์ (Hard
ware)โรงเรียนจำเป็นต้องจัดหาวัสดุอุปกรณ์โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ให้พอเพียงต่อการใช้งาน
และกระจายลงสู่ห้องเรียน มากกว่ากระจุกอยู่ในห้องใดห้องหนึ่ง
ซึ่งจะเอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ส่งเสริมให้นักเรียนได้มีโอกาสใช้อุปกรณ์เพื่อนำเสนอผลงาน
และศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ได้สะดวกและรวดเร็ว
ทันต่อเหตุการณ์
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ควรจัดให้มีในห้องปฏิบัติการต่าง ๆ
ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ (เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์)
ห้องปฏิบัติการคณิตศาสตร์
ห้องปฏิบัติการทางภาษา (ภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ)
ห้องปฏิบัติการศูนย์การเรียนรู้
ห้องสมุดสำหรับสืบค้นข้อมูล และใช้สื่อประเภทต่าง ๆ
ห้องเรียนอื่น ๆ ตามความเหมาะสมของแต่ละโรงเรียน
2.2 ด้านสื่อการเรียนการสอน (Soft ware)
โรงเรียนจำเป็นต้องจัดหาสื่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพและสนับสนุนให้ครูใช้สื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับเนื้อหาบทเรียนที่สอน
โดยจัดเป็นศูนย์บริการสื่อการเรียนการสอน
ซึ่งสื่อด้านอีเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ เช่น
สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ช่วยสอน สื่อประเภทสารคดี
สื่อประเภทสถานการณ์จำลอง สื่อประเภทฝึกทักษะต่าง ๆ
2.3 ส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากร
ได้มีโอกาสพัฒนาตนเองในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
การเลือกใช้สื่อให้เหมาะสม การผลิตสื่อการเรียนการสอนด้วยตนเอง
ส่งเสริมให้มีการวิจัย วิเคราะห์ การใช้สื่อประเภทต่าง
ๆ
หวังว่าแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียนนี้
จะเป็นประโยชน์แก่โรงเรียนบ้าง
หรืออย่างน้อยก็น่าจะไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพของแต่ละโรงเรียนได้บ้างนะครับ
สวัสดี