I am O.K. You are O.K.


ทุกคนทัดเทียมกัน มีค่าเหมือนกัน

       วันนี้ 20 ส.ค 50 นักศึกษามหาลัยชีวิตศูนย์ดอกคำใต้รวมน้ำใจ หลายคนได้มีโอกาสเข้าร่วมถอดบทเรียนกองทุนสวัสดิการชุมชนและกองทุนหลักประกันสุขภาพ  ณ ศูนย์รวมน้ำใจธนาคารหมู่บ้าน ต. บ้านปิน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมมีหลายหน่วยงานเข้าร่วมกับ 4 ตำบล ได้แก่ ต.บ้านถ้ำ ต.บ้านปิน ต.หนองหล่ม ต.คือเวียง ในหัวข้อ การทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ ในการประชุมวันนี้ แต่ละตำบลก็ได้ถอดบทเรียนการทำงานของกองทุนสวัสดิการในตำบลของตนเอง ซึ่งแต่ละตำบลก็สามารถสร้างสวัสดิการในชุมชนของตนเองได้ดีทีเดียว

      ในการประชุมครั้งนี้คณะกรรมการได้แจกเอกสารให้ผู้เข้าร่วมทุก ๆคน มีเนื้อหาในเอกสารอยู่ตอนหนึ่งที่ดิฉันชอบมากคือ ความสัมพันธ์กับผู้อื่นซึ่งมี 4 ลักษณคือ

I am O.K. You are O.K หมายถึง ทุกคนทัดเทียมกัน มีค่าเหมือนกัน

I  am O.K. You are not O.K หมายถึง เราดีกว่าคนอื่นตลอดเวลา 

I am not O.K. You are O.K หมายถึง  เราด้อยกว่าคนอื่น 

I am O.K. You are not O.K หมายถึง ไม่เห็นคุณค่าของชีวิต มองโลกในแง่ร้าย

      ซึ่งคนที่มีสุขภาพดีและสามารถมีการติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างมีความสุข คือ คนที่มีลักษณะ "I am O.K. You are O.K" นั่นคือทุกคนมีค่าเหมือนกัน ถ้าเราเห็นว่าคนอื่นด้วยกว่าเราตลอดเวลาก็จะไม่มีใครมาติดต่อสัมพันธ์กับเราและถ้าเราเห็นว่าเราด้อยกว่าผู้อื่น เราก็จะไม่มี ความสุขในชีวิต มีความคับข้องใจ ส่วนคนที่เห็นว่าไม่มีใครดีในโลกนี้นั้นเป็นบุคคลที่มีลักษณะมีอาการโรคจิต แล้วคุณละเป็นคนประเภทไหนค่ะ

                   

คำสำคัญ (Tags): #i am o.k. you are o.k.
หมายเลขบันทึก: 120838เขียนเมื่อ 20 สิงหาคม 2007 20:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับ .....คุณชรินทร์ทิพย์ ครับ....ผมยกเรื่อง พรหมวิหาร สี่ มาเล่าให้ฟังก่อนที่จะตอบเรื่อง บุคคลสี่ประเภท หนึ่ง เราเท่าเทียมกัน สองเราดีกว่า สามเราด้อยกว่า และสี่คือมองโลกในแง่ร้าย....ที่คุณเล่ามาแล้วถามว่า คุณจะเลือกเป็นคนไหน? ดี หรือไม่ดี.....ครับ

ในพรหมวิหารสี่ เป็นการกล่าวว่า ถ้ามีคุณธรรมทั้งสี่ข้อนี้แล้ว พระพรหมจะดูแลปกปักคุ้มครองครับ.... คือมีความเมตตา (เราเท่าเทียมกัน ....มีแต่สิ่งดี มอบให้ซึ่งกันและกันเสมอ).......

สองคือกรุณา เช่นคนหรือสัตว์ หรือสรรพสิ่งทั้งหลาย ที่เราไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้เต็มที่นัก ก็เป็นมอบความกรุณา โปรดกรุณา  หรือกรุณากระทำให้เรานิดหนึ่ง อะไร?เป็นต้น เป็นการฝึกเอาไว้ให้มองคนอื่นอย่างไม่เหยียดหยามคนอื่นครับ

สาม เป็นมุฑิตา คือการแสดงออกว่า ยินดีกับเขา ซึ่งเราจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ต้องแสดงความยินดีกับเขาอยู่เสมอ หรือทำนองว่า เราไม่ดี ไม่เด่น ไม่ดังเหมือนคนอื่นเขา  (เราด้อยไปหรือเปล่า?) แต่เราพร้อมที่จะแสดงความยินดีกับทุกคนได้ หรือจะพลอยยินดีกับเขาก็ตาม เป็นมุฑิตาครับ

สี่ เป็นอุเบกขา เป็นการไม่แสดงอาการ คือการวางเฉยต่อคน  สัตว์  สิ่งของ เป็นต้น ไม่ว่าเราจะเห็น หรือฟัง หรือกระทบทางกาย เราก็ไม่แสดงออกว่า ดีใจที่เขาลำบาก(ซ้ำเติม) หรือเสียใจเมื่อเขาได้ดี ซึ่งเป็นอาการของคนที่มองโลกในแง่ร้าย (ทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจทำนองนั้น) แต่อุเบกขาเป็นการแสดงออกมาว่าเราไม่สนใจต่อเรื่องเหล่านี้ ถ้าเราเป็นคนมองโลกแง่ร้าย ก็จะไม่แสดงออกทางอารมณ์ สามารถอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก โดยเป็นปกติสุขครับ

เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องติดต่อปฏิสัมพันธ์กับคนหมู่มากแล้ว ใช้หลักธรรม "พรหมวิหารสี่" ก็จะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างปกติสุข แม้เราจะเป็น บุคคลประเภทใด ประเภทหนึ่งในสี่อย่างที่ คุณชรินทร์ทิพย์เล่ามา...ครับ เรื่องคุณจะเป็นบุคคลเช่นไร ไม่สำคัญ แต่สำคัญว่าคุณดำรงชีวิตโดยยึดหลักพรหมวิหารสี่ หรือไหม? ใช่หรือเปล่าครับ

ขอคุณมาก คุณสมพงศ์ ที่ได้ขอคิดดีกับน้องซึ่งเป็นนักศึกษามหาลัยชีวิต ศูนย์เรียนรู้ดอกคำใต้-รวมน้ำใจ จ.พะเยา เพราะนักศึกษาที่เรียนด้วยกันก็ต่างวัย บางคนก็อายุมาก บางคนก็อายุน้อย แต่ละคนก็มีความคิดที่แตกต่างตามวัย ทำให้บางครั้งก็เกิดความคิดที่ไม่เหมือนกัน ถ้าแต่ละคนนำหลักพรหมวิหารสี่มาใช้ก็ทำให้การอยู่ร่วมกันมียอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น และปล่อยวางกับบางเรื่องก็ยิ่งดีคะ  ขอบคุณมากนะคะที่ให้ข้อคิดดี ๆ อย่างน้อย น้องจะได้นำไปใช้กับองค์กรที่น้องทำงานด้วยคะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท