โลกหลายมุม


โลกหลายมุม

 

    มันเป็นความเคยชินของเราไปเสียแล้ว

   ที่ตื่นขึ้นมาพบเห็นเรื่องราวซ้ำซากกับโลกสีฟ้าที่มากมายด้วยความวุ่นวายและสีสัน

    ภาพดารา สถานที่ท่องเที่ยวบนหน้าจอสว่างสดใส ของโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ สิ่งต่างๆที่คอยให้ความรู้ สาระ บันเทิงหลั่งไหลพรั่งพรูออกมา มันช่างดูเหมือนเดิม ไม่แปลกใหม่ ไม่สด อย่างที่ใจเราต้องการ

    เราถูกกระตุ้นและเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบกาย ได้รับรู้ว่าสิ่งของขนาดใหญ่น้อยที่แตกต่างกัน นกชนิดนี้สีนี้ต้องร้องอย่างนั้น แตรรถยนต์รุ่นนี้ต้องมีเสียงอย่างนี้ ดอกเข็มต้องมีสีแดงเข้ม ต้นมะม่วงต้องสูงใหญ่ผลิดอก แตกใบ ต้นหญ้าดอกหญ้ามวลสีเขียวที่อยู่รอบกาย หลายๆสิ่งวิ่งมากระแทกเราอย่างซ้ำซากจนรู้สึกคุ้นเคย

    เราคุ้นเคยกันจนบางครั้งเราเฉื่อย เราเฉย เราชา และเลิกเรียนรู้ เพราะสีสัน ความสดความแปลกใหม่มันลดน้อยลงไปในใจเรา

    นั่นคือ โลกแห่งสีสันที่เราคุ้นเคย

    แต่เชื่อไหม หลายๆครั้ง เราเผลอลืมนึกถึงไปว่า โลกใบกลมใบเดียวกันนี้ ก็มีอีกมุมหนึ่ง

    มันเป็นมุมมืดๆ มันเป็นโลกที่ไม่มีใครรู้ว่ามันกลม หรือมน เราจะรับรู้ได้จากการสัมผัส เสียง และมีเพียงลมหายใจที่ทำให้รู้ว่าเรายังมีชีวิตอยู่

    และนี่ล่ะ โลกของคนที่จอรับภาพสูญหายไปจากร่างกาย แต่กระนั้น โลกมนๆใบนี้ก็ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ไม่หยุดนิ่ง และขวนขวายต่อสุ้เพื่อลมหายใจของตนเอง

    มีบ่อยครั้งที่โลกมนๆใบนี้ไม่ได้หม่นเกินไปนัก  เชื่อไหม มิตรภาพ น้ำใจ ความใส่ใจเล็กๆน้อยๆจากคนรอบข้างเป็นเหมือนน้ำเย็นที่สาดชะใส่ดวงใจหลายๆคนได้สดชื่น และเดินก้าวต่อไปได้

    หลายๆคนอาจสงสัยว่า แล้วเขาอยู่กันได้อย่างไรในมุมมืดนี้?

    ถ้าอยู่อย่างนั้นจะรู้ได้อย่างไร ว่าโลกใบนี้ มันช่างสดสวยและมีสีสันแค่ไหน?

    รู้สิครับ....(ผมเดา)

    โลกที่สวยงามบางครั้ง เราอาจไม่ต้องใช้ลูกตาเพ่งมองก็เป็นได้

    ลองหลับตานั่งนึกดูสิ บางครั้งเราฟังเพลงเราก็รู้ว่าโลกนั้นสวยสดเพียงใด เราสัมผัสความอบอุ่นของโลกใบนี้ได้ถ้าเราลองย่ำเท้าเปล่าบนยอดหญ้า เอนกายลงแนบกับพื้นแล้วปล่อยห็สายลมโอบกอดเราอย่างพริ้วเบา

        โลกนั้นสวยเสมอ ถ้าเรารู้จักใส่ใจกันและกัน และมันจะยิ่งสวยขึ้นถ้าเรารู้จักที่จะให้และรับ

    แม้ว่าโอกาสและความเท่าเทียม ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนทุกคนบนโลกใบเดียวกันนี้ และมีหลายห้วงเวลาที่เราบอกกับใจตัวเองว่ามันยากที่จะเกิดขึ้น

    แต่มันก็ไม่แปลก ไม่ใช่หรือ?

    ที่เราจะขอบคุณตัวเราที่มีโอกาสดีๆและหันกลับมามองสิ่งเล็กๆที่เราข้ามไป

    ยื่นมือยื่นแรงมาเถอะ มาช่วยกันผลัก ช่วยกันดันประตูบานใหญ่ของโลกมนๆใบนั้น ให้เปิดออกสู่ท้องทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยแสงแห่งความอบอุ่นและสายลมแห่งความหวังดี

   ทำดีทำไม่ยากหรอกครับ....

ผ้าใบ

ปล. ขอบคุณพี่ๆผู้พิการทางสายตาและพลเมือง(ใจ)ดี ที่อยู่บนทางม้าลาย พร้อมกับส่งผ่านมิตรภาพเล็กๆให้แก่กัน จนเกิดแรงบันดาใจให้สมองและความรู้สึกไหลออกมาเป็นตัวหนังสือ

หมายเลขบันทึก: 120829เขียนเมื่อ 20 สิงหาคม 2007 18:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท