เห็นกระทู้ของท่านอาจารย์ Handy (ร่วมช่วยกันเล่า - การใช้ ICT ในการจัดการความรู้ ของมหาวิทยาลัยและองค์กร) แล้วคิดว่า ข้อมูลที่ตัวเองเกี่ยวข้องอยู่ อาจพอเป็นประโยชน์บ้าง
(ไม่ค่อยเกี่ยวกับ KM มั้ง ? เกี่ยวกับ QA ซะมากกว่า ลองอ่านดูนะครับ)
การนำ ICT ไปใช้: การบริการ webboard เพื่อการบริการข้อมูลยาผ่านเว็บแก่ประชาชน และบุคลากรการแพทย์
ชื่อองค์กร เครือข่ายความร่วมมือบริการเภสัชสนเทศ
ชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่อง ICT หน่วยเภสัชสนเทศและบริการสังคม ม.สงขลานครินทร์
รายละเอียดการใช้ ICT:
1. บริการผ่าน webboard โดยผู้ถาม-ผู้ตอบ เป็นใครก็ได้ แต่ตีวงว่าเป็นเรื่องวิชาการเรื่องยาเท่านั้น เรื่องอื่นจะลบทิ้ง โดยมีทีมบรรณาธิกรช่วยดูแลลบเนื้อหา
webboard url: drug.pharmacy.psu.ac.th
อายุเว็บบอร์ด 7 ปีเศษแล้ว ผมเข้ามาช่วงหลัง ๆ โดยมีศูนย์คอมพิวเตอร์ของคณะเภสัชศาสตร์ ดูแลรายละเอียดทางเทคนิคของ ICT ให้และมีอีกทีมดูแลเรื่องการจัดการอื่น
ข้อดี: ผู้ถาม มักเข้าผ่านมาทาง search engine ซึ่งเนื่องจากมีคลังคำถามเก่าหลากหลายพอสมควร ก็เลยมี rating พอใช้ได้ใน google ทำให้ผู้ถามอาจไม่เคยทราบ web url มาก่อน ก็เข้าไปถามได้ ทำให้กลุ่มที่เข้ามาถาม มีมาจากทั่วประเทศ
ปัญหาที่เกือบเจอ (แต่โชคดีที่ไม่เจอ): ตอนที่มีข่าวว่าจะบังคับเก็บข้อมูลบัตรประชาชน ก็ยังสงสัยอยู่ว่าจะต้องปิดไปเลยหรือเปล่า เพราะผู้ถาม มักไม่อยากเปิดเผยตัวตน เช่น คนเป็นเอดส์ หรือเป็นโรคที่เพื่อนไม่อยากเข้าใกล้ ถ้าเปิดตัวหมด บอร์ดคงร้าง
ปัญหาที่เจอจนชิน: โพสท์ขยะ สแปม โฆษณา แต่ก็ลบจนเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว ช่วงหลัง ๆ มีการพัฒนาระบบป้องกันสแปม ก็ใช้กันสแปมได้ดี แต่ระบบรวนขึ้นไม่น้อย เดี๋ยวนี้ก็ยังปรับปรุงส่วนนี้อยู่เรื่อย ๆ
ปัญหาที่มีคนบ่น: ตอบช้า
ซึ่งก็จริง เพราะเป็นการตอบแบบอาสาสมัคร ไปเค้นคอให้ใครเขาตอบได้ไง ?
แต่ก็พยายามเร่งให้ในบางคำถามที่มองว่า คนถามคงรีบมาก ๆ แต่ก็ทำเท่าที่ทำได้
แต่คุณภาพในการตอบ เชื่อว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจครับ เพียงแต่บรรยากาศอาจเป็นวิชาการไปนิด (เหมือนกับอยู่ในห้องสมุด) คือคนไม่คุย ไม่แซว ไม่เล่นหัวกัน แต่ก็ดูเป็นมือโปรในการตอบดี โดยถ้าตอบมีปัญหามาก ๆ เราจะช่วยลบ เป็นการกรองให้อีกชั้น
2. การทำระบบ documentation ของการบริการ webboard
ตลอดหลายปีมานี้ ระบบ QA เข้ามา ทำให้ต้องมีการบันทึกกิจกรรมการตอบ เพื่อคิดภาระงานของคณาจารย์ที่หลงเข้ามาตอบ
ปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงแรกคือ ต้องบันทึกโดยใช้คนประสานงาน ซึ่งระบบยุ่งยากมากสำหรับคนทำงาน เพราะคนตอบ อาจตอบในกระทู้เก่าหน่อย มองเห็นยาก คุ้ยหาก็ยาก จะให้เขารายงานว่าเขาตอบกระทู้ไหน เขาก็ไม่อยากทำ แล้วฐานข้อมูลก็โตขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน
ต่อมา ก็มีการพัฒนาระบบ semi-automated self documentation ขึ้นใช้เอง โดยดึงฐานข้อมูลของ webboard มาวิเคราะห์ ทำ data mining นิดหน่อย ทำให้สามารถแจกแจงข้อมูลส่วนภาระงานได้
ที่เรียก semi-automate คือ เป็นระบบ data mining ที่ระบบ interface ออกแบบมาไม่ได้ตามใจผู้ใช้เลย ต้องรู้ทางหนีทีไล่ในโปรแกรม ถึงจะสั่งให้โปรแกรมทำงานได้ แต่ถ้าสั่งเป็น ก็เดี๋ยวเดียวเสร็จ
ผลคือ สามารถดูสถิติเกี่ยวกับการเข้าถาม-ตอบได้ง่ายขึ้นมาก ผมเคยเขียนเล่าเรื่องการสู้รบปรบมือกับ spam หลายตอนในบล็อกนี้ ก็ดึงข้อมูลมาจากระบบที่ว่า
ข้อดีคือ ระบบนี้ สามารถตามไปเห็นการตอบในกระทู้ที่อยู่ลึก ๆ ตรงไหนก็ได้ และจำรูปแบบชื่อสกุลของผู้ตอบได้ โดยที่บางที พิมพ์ชื่อตัวเองผิดไปนิด ๆ หน่อย ๆ ระบบก็ยังมองเห็น และจับมาใส่รายงานให้
ผลคือ การทำรายงานประกอบ QA ง่ายขึ้นมาก หากทราบว่าเป็นผู้ตอบที่ต้องการนำบันทึกภาระงานไปใช้ ทางหน่วยจะบริการส่งสรุปภาระงานไปให้ ก็ถือว่า ทุ่นแรงไปได้มาก
ที่เล่ามา ไม่รู้เกี่ยวกับ KM รึเปล่า แต่ใช้ ICT กันเข้มข้นครับ
กราบสวัสดีครับท่านอาจารย์
เม้ง สมพร ช่วยอารีย์ ---------> http://www.somporn.net
สวัสดีค่ะ
ถ้ายังงั้น ขออนุญาตถามคร่าวๆตรงนี้เลยค่ะ
ยา สำหรับการรักษาผู้ที่มีความบกพร่องจากระบบประสาทความจำ
โดยธรรมชาติของโรค หากระบบพยาธิสภาพไม่เลวร้ายนัก ยาที่ช่วยกระตุ้นสารเคมีในสมอง (เน้นการฟื้นตัวไม่ให้การทำงานของสมองเสื่อมลง) ก็สามารถช่วยได้ แต่ไม่ได้ช่วยให้กลับมาทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตได้ทั้งหมด
ตอนนี้มีอยู่ใช่ไหมคะ ใครๆว่ายารักษาโรคอัลไซเมอร์ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
ที่ดีที่สุด มีชื่อทางการค้าไหมคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ