เรื่องนี้ ฟังดูชื่ออาจจะเหมือนเป็นเรื่องราวของนักบัญชีนักการเงิน แต่รับรองได้ว่าเกี่ยวข้องกับชีวิตของคุณแน่นอนครับ
เมื่อหลายปีก่อน ผมมีโอกาสได้เข้าไปอ่าน Web Board ของ Intranet ของบริษัทที่ผมทำงานอยู่ แล้วก็ได้อ่านกระทู้ของเพื่อนพนักงานคนหนึ่ง ถามหาวิธีปลดหนี้ เพราะว่าหมุนเงินอย่างไร ก็รู้สึกว่าหนี้ยิ่งพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ก็ปรากฏว่า มีเพื่อนเข้าไปตอบกระทู้นี้หลายคนทีเดียว ให้คำแนะนำต่างๆ กันไป บางคนก็เสนอให้ลองหมุนเงินโดยการเล่นแชร์ก็มี ฯลฯ ซึ่งผมก็ไม่เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาของเขาได้ ผมเองโชคดี ไม่เคยมีประสบการณ์ต้องแก้ปัญหาหนี้สินส่วนตัวอย่างนี้ แต่ก็ได้ยินได้ฟังมาว่ามีเพื่อนๆ หลายคนต้องประสบปัญหาไม่ต่างจากเจ้าของกระทู้เท่าไหร่นัก
ถึงแม้ผมจะไม่เคยต้องแก้ปัญหาการหมุนเงินหรือหนี้สินส่วนตัว แต่ก็พอจะมีความรู้ประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารการเงินของบริษัทอยู่บ้าง เมื่อมาลองคิดเปรียบเทียบดูแล้ว เวลาบริษัทมีปัญหาหนี้สินมาก หมุนเงินไม่ทัน ก็มีวิธีการวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ผมก็เลยได้ความคิดว่า ถ้าเราสามารถประยุกต์หลักการวิธีการในการบริหารการเงินของบริษัทมาใช้กับการบริหารการเงินส่วนตัว ก็น่าจะเป็นประโยชน์
แนวคิดแรกที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ คือเรื่องกระแสเงินสดครับ สำหรับบริษัท จะมีการจัดทำงบกระแสเงินสด โดยจัดแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
(ในทางบัญชีจะมีการคิดกระแสเงินสดโดยวิธีทางตรงและโดยวิธีทางอ้อม ซึ่งจะไม่ขอพูดถึงในที่นี้
ใครต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระแสเงินสด หาอ่านได้ที่นี่ครับ http://th.wikipedia.org/wiki/งบกระแสเงินสด และ http://en.wikipedia.org/wiki/Cash_flow แล้วก็ http://en.wikipedia.org/wiki/Cash_flow_statement ด้วย
สำหรับกระแสเงินสดประเภทแรก คือ กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน พูดอย่างง่ายๆ ก็คือ เงินที่ทำมาหาได้ หักเงินที่จ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ และหักเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแล้วด้วย ในการบริหารการเงินของบริษัทจะให้ความสำคัญกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานนี้มากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่บริษัทเงินสะดุดหมุนเงินไม่คล่องตัวจะยิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นตัวที่บอกว่าบริษัทสามารถ Generate เงินได้หรือไม่ ไม่ได้หมายความว่าบริษัทสามารถพิมพ์ธนบัตรได้เองนะครับ แต่หมายความถึงการที่กิจการของบริษัทสร้างรายได้เป็นเงินสดจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น บริษัทก็ยังมีความหวังที่จะดำเนินการไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง
แต่ถ้ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทติดลบ นั่นคือ บริษัทไม่สามารถทำมาหาได้เพียงพอกับเงินค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไป หรือว่าทำมาหาได้พอสำหรับเงินค่าใช้จ่าย แต่ไม่พอเหลือเอาเงินไปจ่ายดอกเบี้ย นั่นแปลว่าบริษัทตกอยู่ในภาวะลำบากมากๆ แล้วครับ ถ้าไม่แก้ไขอย่างถูกวิธีให้ทันการณ์ ก็มีโอกาสจะล้มละลายได้ครับ
ลองนำวิธีการนี้มาประยุกต์ใช้กับการบริหารเงินของตัวเองก็น่าจะดีนะครับ เราควรจะมีการทำงบกระแสเงินสดของเราเองที่ได้มาหรือจ่ายไปในแต่ละเดือน หรือพูดง่ายๆ ก็คือจดบันทึกเงินได้เงินจ่าย (เหมือนที่มีการประชาสัมพันธ์ให้ทำบัญชีครัวเรือน จดรายรับรายจ่ายแล้วจะไม่จนนั่นไงครับ) แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ควรจะแยกประเภทด้วย เป็นกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน กระแสเงินสดจากการลงทุน และกระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน แล้วก็ควรจะตรวจสอบว่า กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเรายังเป็นบวกอยู่หรือไม่อยู่เสมอ
สนใจเรื่องบัญชีครัวเรือน หารายละเอียดอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.cb.ktb.co.th/prod/commbank.nsf/Tell90/A3676E4AFADA5E21472571390082828D?OpenDocument&Start=1 และ http://www.bkkonline.com/accounting/30-sep-48.shtml เป็นต้น
กลับมาเรื่องกระทู้ใน Web Board วันนั้น ผมเลยเสนอวิธีการแก้ปัญหาไป 2 ข้อครับ ข้อแรก หรือเป็นอันดับแรกก็ว่าได้ คือ เขาควรจะตรวจสอบกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของตัวเองว่าเป็นอย่างไร ถ้าติดลบ ต้องหาวิธีเพิ่มรายได้หรือลดค่าใช้จ่ายเสียก่อน การเพิ่มรายได้ก็เป็นไปได้หลายวิธี แต่ปกติก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เพราะมักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก (เช่น หารายได้เสริมจากอาชีพเสริมต่างๆ ก็ต้องหาลูกค้าให้ได้ เป็นต้น) แต่การลดค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่เราทำได้ด้วยตัวเองโดยการตัดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก และควบคุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นให้ลดลง
สำหรับวิธีการแก้ปัญหาอีกข้อ และเรื่องกระแสเงินสดอีก 2 ประเภท จะขอเล่าถึงในตอนหน้าครับดิฉันความรู้แค่หางอึ่ง กำลังเรียนปริญญาตรี ปี 2 แล้ว โครงการณ์มหาวิทยาลัยชีวิต หลักศูตร์ศิลปศาสตร์บัณฑิต ศูนย์เรียนรู้อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ดิฉันกำลังสอบ ไม่มีเวลาอ่านมาก แต่เปิดมาเห็นเรื่องเงิน คุณพูดถูกแล้วหละ มันเป็นเรื่องของทุกคน ที่จะต้องแก้ไข ดฺฉันไม่ได้เรียนวิชาเศรษฐศาตร์ วิชาเอกการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่นเรียนไ ปเป็นผู้นำหมู่บ้าน แต่ดิฉันเรียนประดับความรู้เพราะอายุมากแล้ว อยากเพิ่มเติม ว่าเขาเรียนอะไรกันมีแต่นักศึกษาผู้ใหญ่ คนมีอายุแล้วไปเรียน เป็นผู้ใหญ่บ้าน อบต.สจ. สส.กำนันและคนที่สนใจก็เรียนได้
เข้ามาอ่านในบล็อคของคุณ คุณพูดเรื่องเงินน่าสนใจไม่รู้ว่าคุณกำลังเรียนหรือวิจัยอะไร ถ้าจะเข้าไปอ่านในบล็อคของดิฉันไปไกลคนละเรื่องเดียวกันเลย ถ้าว่างสอบเสร็จจะมาอ่านนะ
สวัสดีครับ คุณเล็ก และขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นครับ
ตอนนี้ผมไม่ได้เรียนหรือวิจัยอะไรหรอกครับ เพราะเรียนจบมาแล้ว แต่ผมชอบแสวงหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอๆ แล้วก็อยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างน่ะครับ พอดีมีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับ Gotoknow ผมก็เลยสมัครมาเป็น Blogger ในที่นี้ด้วยคนครับ
แล้วจะแวะเข้าไปอ่าน Blog คุณเล็กครับ
สวัสดีคะ คุณรู้ไหมคะ บล็อคของดิฉันที่เปิดอยู่นี้เป็นการบังคับให้ทำรายงาน ผ่านอินเตอร์เน็ท ตอนนี้อาจารย์สั่งให้พิมพ์เรื่องขึ้น 10 เรื่อง แต่ดิฉันพิมพ์ 20 เรื่อง ไปหลายแนว และการที่มีคนเข้ามาเยี่ยมดิฉันในบล็อคของดิฉัน เหมือนดิฉันมาเยี่ยมคุณมัรจะมีคนมาแสดงความคิดเห็น 1 ความคิดเห็น หนึ่งคะแนนคะ วันนั้นที่ดิฉันกดเข้ามาเรื่องเงิน เพราะดิฉันกำลังจะเขียนเรื่องกองทุนการเงินสวัสดิการ ก็เลยเจอเรื่องเงินของคุณ แต่ไม่ตรงกับที่ดิฉันต้องการ แต่ดิฉันก็ได้รับความรู้จากคุณ เรื่องการบริหารเงินคะ ถ้าหากว่าคุณอยากเชียดิฉัน คุณเข้าไปอ่าน แสดงความคิดเห็นหรือสวัสดีเฉยๆ ก็ได้แล้ว 1คะแนนตอนนี้ก็เขียนเรื่องไปเรื่อยๆ ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ จะต้องปริ้นงานส่งครู ทำเป็นรูปเล่มคะ และจะคัดเลือกตรงที่มีคนแสดงความคิดเห็นมากที่สุดส่งงานคะ และเป็นเรื่องที่สร้างสรรคะ กำลังพิมพ์แนวใหม่คะ
น่าเห็นใจนะครับ คุณเล็ก ผมได้เข้าไปให้ความเห็นในหัวข้อเกี่ยวกับการจัดการความรู้ของคุณเล็กที่ http://gotoknow.org/blog/leke/118294 แล้วนะครับ ขอให้โชคดีนะครับ