ตลาดนัดกรมอนามัย 2550 - Press Tour (22) ตามรอย KM ย่างก้าวสู่ LO ... no.4


คือ อย่าเริ่มโดยไม่มีหัวปลาชัดเจน หรือเริ่มอะไรก็ไม่รู้ ไม่สัมพันธ์กับภาระกิจเลย ... และอย่าเริ่มเดินโดยไม่มีการ share tacit เลยนะ เดี๋ยวจะไปติดหลายๆ หน่วยที่ share แต่ explicit และก็เป็น explicit ที่ลอยๆ ด้วยนะ ... และอย่าลืมทำคลังความรู้ด้วยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวมีปัญหานะ เพราะว่า share share กันไป share ทิ้ง share ขว้าง ก็ไม่ได้อะไรที่ดี ไม่มีใครเก็บเกี่ยวมาใส่คลังความรู้เลย ...

 

บันทึกนี้ มาเกี่ยวข้องกับโมเดลปลาทูสักเล็กน้อยละค่ะ 

  • เพื่อให้ท่านเห็นนะครับ ว่าในที่สุดแล้ว หัวใจ KM มีอยู่แค่นี้เอง คือ อย่ามองข้าม tacit knowledge อย่าไปจัดการแต่ Explicit knowledge หรือเราบอกว่า ชาวบ้านจัดการแต่ tacit แล้วไม่มีวิชาการ backup เลย ดีมั๊ย ไม่ดี เพราะมันไม่มีพลัง
  • บางเรื่องเอาวิจัยเลย เช่น เรื่องปุ๋ย แล้วอันนี้ทำไมใช้ใบใหม่มันดีกว่าใช้ใบอะไร .... ก็ทำวิจัยสิ เรามีนักวิจัยทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วท่านก็จะได้ explicit มารองรับ tacit ด้วย
  • ตกลงเมืองไทยดีตรงนี้นะครับ มีทั้งความรู้ คน และมีทั้งภูมิปัญญา มีความรู้เป็นสากลใหม่ด้วยนะ ผมหมายถึงความรู้สากลด้วยนะ วิจัยด้วยนะ ผู้เฒ่าผู้แก่นะ เมื่อไรเราเอา 2 วงนี้มาร่วมกันได้ละก็ ผมกำลังพยายามทำในรูปนี้
  • ... ท่านเห็นมั๊ยว่า 2 วงนี้มันหมุนนะ แต่ผมอยากจะให้การหมุนของมัน ไม่ใช่ต่างคนต่างหมุนนะครับ มันเป็นการ cross นะ ก็คือ tacit หมุนไปๆ เดี๋ยวมีงานวิจัยมา backup ... จะเป็นวิชาการที่เด็ดมากเลย ตะวันตกอ้าปากค้างเลย ไม่รู้เลยว่า เรื่องนี้มันมาได้ยังไง นี่ก็คือ ภูมิปัญญาที่เราพิสูจน์ออกมานะ ผมยังเชื่อว่า ภูมิปัญญาหลายเรื่องพิสูจน์ไม่ได้
  • ตกลงท่านเห็นมั๊ย จากตรงนี้ขึ้นมาตรงนี้ได้ หรือจากตรงนี้พอเอาไปทำงาน มันขึ้นมาเป็น tacit ได้ ไปๆ มาๆ มันเป็นสิ่งที่ผมเรียกว่า Infinity Model … “วงจรความรู้ไม่รู้จบ” ตรงนี้ที่ผมอยากให้เห็น แล้วมันหมุนไปเรื่อยๆ ถ้าท่านจัดการความรู้แบบ Infinity แบบนี้นะ และเอาวงกลมล้อมรอบมันนะ แล้วระบายสีสักนิดหนึ่ง ท่านจะเห็นว่า มันเป็นสุญญากาศ
  • พอเห็นภาพก็พอจะมองเห็นว่า version ใหม่ จะเป็นอย่างนี้ คือ Infinity Model มันไปสู่ หยิน หยาง คือ tacit และ explicit มันเกี่ยวกัน อย่าไปแยกมันออกจากกันเลย ณ วันนี้ถ้าเราเป็นผู้เริ่มต้น เรามาแก้ให้มันง่าย ให้รู้ว่า tacit จัดการอย่างไร explicit จัดการอย่างไร เวลาไปถึงจุดหนึ่งแล้ว ท่านไม่ต้องไปแยกว่า อะไรคือ tacit อะไร คือ explicit ให้มันไหลไปตามธรรมชาติ ผมเชื่ออย่างนั้นครับ
  • เพราะฉะนั้น นี่คือการทบทวนว่า KM คืออะไร การจัดการความรู้ ก็เป็นการจัดการความรู้ทั้งสองประเภท
  • สิ่งที่ผมอยากเตือนใจทุกท่านก็คือว่า มันจะเป็นอะไรก็ตามนะ KM แต่อย่าให้มันมาเป็นก้อนแบบนี้ เพราะถ้าเป็นก้อน ท่านก็ยุ่งเลย ต้องแบกทั้งก้อน ก็จะมีหลายก้อนนะ เดี๋ยว PMQA ก็มาแล้วนะ ก.พ.ร. เริ่มใช้แล้ว ก.พ.ร. เริ่มที่ LO เริ่ม PMQA
  • ... แต่ที่ว่าไม่พูดถึง ท่านจะพบว่า ยุทธศาสตร์มันเชื่อมกันหมด ถ้าท่านมีฐาน KM ดีดี ท่านก็ไปสู่ PMQA ได้ง่ายขึ้น ท่านจะไปสู่ LO ได้ง่ายขึ้น
  • ความสำคัญคือว่า ฐานเราแน่นไหม เหมือนกับใครก็ตามที่มีฐาน 5 ส พอมาทำเรื่อง quality ง่ายเลย อย่าทิ้งนะๆ ท่านอาจจะไม่เรียกชื่อมันๆ ให้อยู่ข้างหลัง แต่ท่านจะต้องมีมันอยู่นะ ไม่ใช่ท่านเลิกนะ
  • ตรงนี้ที่ผมอยากให้ท่านเห็น แล้วท่านก็คงทำกันอยู่แล้ว กุศโลบายที่เราทำ KM ให้มันเนียนอยู่ในเนื้องาน ... เราจึงใช้เรื่องของโมเดลปลาทูนะครับ ซึ่งอย่างน้อยจะต้องมี 3 ขั้นตอน หรือ 3 ส่วนด้วยกัน
  • คือ อย่าเริ่มโดยไม่มีหัวปลาชัดเจน หรือเริ่มอะไรก็ไม่รู้ ไม่สัมพันธ์กับภาระกิจเลย ... และอย่าเริ่มเดินโดยไม่มีการ share tacit เลยนะ เดี๋ยวจะไปติดหลายๆ หน่วยที่ share แต่ explicit และก็เป็น explicit ที่ลอยๆ ด้วยนะ ... และอย่าลืมทำคลังความรู้ด้วยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวมีปัญหานะ เพราะว่า share share กันไป share ทิ้ง share ขว้าง ก็ไม่ได้อะไรที่ดี ไม่มีใครเก็บเกี่ยวมาใส่คลังความรู้เลย ...
  • ท่านเห็นมั๊ยว่า ปลาทูก็เป็นแค่กุศโลบายเท่านั้นนะครับ
  • แต่ที่ผมต้องเอาเรื่องนี้มาพูดอีกที เพราะใน 3 ปี ที่ท่านเห็นโมเดลปลาทูมา ท่านรู้มั๊ยว่าผมโดนว่าเยอะแยะเลย ว่าทำให้เรื่องนี้มัน simple ง่ายเกินไป ทำให้คนหลายคนไม่รู้เลยว่า KM มันมีอะไรอีกมากมาย เพราะมัวแต่เอาโมเดลปลาทู
  • ผมก็เพียงแต่บอกว่า กุศโลบายเบื้องต้น ท่านจะทำวิลิศมาหราอย่างไรก็เชิญเถิดครับ ผมเพียงแต่บอกว่า Minimum อย่างน้อย ต้องมีหัวปลา ตัวปลา และหางปลา เท่านั้นเอง นั่นคือ เจตนา
  • หัวปลา คืออะไร หัวปลาคือ การที่จะบอกว่า เราจะเอา KM นั้น ไปใช้ทำอะไร เพื่อจะได้เอาเป้าหมายเป็นเรื่องงาน ไม่ใช่เรื่อง KM
  • และมันเป็นการทำให้เราได้ทบทวนด้วย ว่า องค์ความรู้อะไร หรือประเด็นอะไร ที่เป็นประเด็นหากิน ที่เป็นประเด็นของหน่วยงานเรา ส่วนกลาง กองแผนฯ ก็มีประเด็นของเขา ศูนยอนามัย แต่ละพื้นที่ก็มีประเด็นหากิน แต่ประเด็นทั้งหลาย มันต้องนำไปสู่หัวปลาใหญ่ได้นะครับ นี่ผมก็พยายามจะแยกเป็นหัวปลาใหญ่ หัวปลาย่อย
  • ผมไปเวทีของเบาหวาน หัวปลาใหญ่ของเขาคือ การดูแลผู้ป่วยเบาหวาน
  • คนในวงการเบาหวาน 400 คน มารวมกันที่สถาบันจุฬาภรณ์ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพื่อทำ KM เพื่อศึกษา KM และ share สิ่งที่เขารู้กันมา
  • หัวปลาใหญ่ของเขาคือ การดูแลผู้ป่วยเบาหวาน หัวปลาย่อยของเขา คือ บางกลุ่มพูดเรื่องการดูแลเท้า และหัวปลาเรื่องดูแลเท้ายังซอยย่อยอีกนะครับ กลุ่มหนึ่งสนใจเรื่อง การคัดกรองความเสี่ยง อีกกลุ่มพูดเรื่องการป้องกันรักษาแผล อีกกลุ่มสนใจเรื่องรองเท้า ถ้ายังงั้น ความสนใจ ความตระหนักของแต่ละคนมีไม่เหมือนกันครับ
  • เพราะฉะนั้น เราต้องเอาผู้ที่สนใจเรื่องเดียวกันมา share กันครับ เพราะฉะนั้น สนุกสนาน เพราะความสนใจของเขาอยู่ในประเด็นของเขาที่ทำ คือ งานนะครับ เขาไม่ได้บ้าเรื่อง KM เหมือนหลายหน่วยงาน
  • ตกลงคนพวกนี้เขาบ้าเรื่องงาน เขามีความรู้ เขา share tacit ก็จะไปบอก explicit ได้ครับ สนุกมาก
  • ผมไปนั่งฟังในแต่ละกลุ่ม เรื่องโภชนาการก็อยู่ในนี้ เขาบอกว่า คู่มือออกก็ โอ้โห ถ้ากินเนื้อเท่านี้ 1 กลักไม่ขีด มันไม่เห็นภาพเลยว่า 1 กลักไม้ขีดคืออะไร เขาบอกว่า แล้วพวกนี้จริงๆ เขาไม่มีโอกาสกินเนื้อหรอก เขากินตั๊กกะแตน จิ้งเหลน ภาษาอีสาน (กะปอม หรือเปล่าคะ ...) ตกลงเขาพูดกัน และเขาเล่าเลยว่า เขาทำกันอย่างไร และเขาบอกคนไข้ไหม ว่า น้ำตาลเท่าไร เอาตั๊กกะแตนไปผัด ทำนองนี้ นี่ละ tacit เลย ไม่มีตำราเขียนไว้ ท่านเห็นมั๊ย
  • ผมอยากให้ท่านเห็นว่า จริงๆ แล้ว หัวปลามันเป็นการเริ่มที่ดีมากเลย ไม่ให้ท่านหลงประเด็น
  • เพราะว่าหัวปลามันจะโยงไปกับพันธกิจ และวิสัยทัศน์ของท่าน อย่าได้ไปทำ KM เรื่องอื่นใด ที่มันไม่เกี่ยววิสัยทัศน์ พันธกิจองค์กร นี่คือ ข้อเตือนใจอันแรก ตกลงการสร้างหัวปลา ผมไว้เพื่อไปทำเท่านั้นเอง ส่วนท่านจะไม่เลือกหัวปลา หรือไปทำวิลิศมาหราขนาดไหน ท่านอาจจะเรียก Knowledge Mapping ท่านจะไปทำอะไร ก็เป็นเรื่องของท่านเอง
  • แต่อย่าไปติดโมเดล โมเดลคือ กุศโลบาย เพื่อสร้างความเข้าใจ ใช้สื่อสารกัน
  • แต่ว่าท่านเข้าใจแล้วทิ้งมันไปเลย อย่าไปติดมากไป ทำตามสไตล์ของท่านเลย
  • ขอเพียงแต่ว่า มีทิศทางที่ชัดเจน ประเด็นที่จะเล่นต้องเป็นประเด็นที่สำคัญของท่าน แล้วเสร็จแล้วท่านก็เข้าไปในตัวปลาได้เลย ก็คือกุศโลบายหนึ่งเช่นกัน ให้พวกเราหันมา share กัน ก็คือ tacit k เพราะได้เรียนแล้วว่า ถ้าท่านมีกุศโลบายนี้ เดี๋ยวไปสู่วิชาการมากไป ... ผมไม่ได้บอกว่า วิชาการไม่ดีนะ คู่มือ วิชาการ ดี แต่ผมคิดว่าไม่พอครับ
  • ในเชิงของ KM เราบอกว่า ถ้าคุณจะเล่นแต่ความรู้สีฟ้าไม่พอครับ ต้องเล่นความรู้สีเขียว เพราะมันมีเยอะมากเลยจริงๆ ตกลงมันเป็นที่มาครับ ว่าความรู้ที่อยู่ในคนสำคัญมาก
  • และบังเอิญไม่มีใครคิดเครื่องมือแบบนี้ขึ้นมาสักที ถ้ามีเราก็คงจะดูด tacit จากหัวหนึ่งไปใส่อีกหัวหนึ่งเลยนะ พวกเราที่กำลังจะ early ก็ขอน้องดูดความรู้ไว้ก่อนนะ น้องๆ ที่เพิ่งเข้ามา มาดูดความรู้จากพี่เขาไป มันมีมั๊ย เครื่องมือนี้น่ะ พอมันไม่มีก็เลยต้องมานั่งคุยกันแบบที่เราทำ ก็จะดีมากเลย
  • ท่านคงเห็นว่า กรมอนามัย ก็นอกจากเจอหน้าเจอตากันเท่านั้น ท่านยังคุยกันในเวปไซต์ด้วยนะ ใน Gotoknow ใน Internet แลกเปลี่ยนทาง e-mail กันก็ได้ ถือว่าเป็นการ share กัน แลกเปลี่ยน e-mail สอบถามกัน ถามเทคนิค อีกคนหนึ่งส่งเอกสารกัน ส่งเอกสารวิชาการไปให้ เป็นการแลกทั้ง tacit และ explicit ไม่ผิดอะไรนะ
  • ขอเพียงแต่ว่า ผมเอาตัวปลามาเพราะผมกลัวตกทิศทางเท่านั้นเอง แต่ถ้าท่านเห็น ท่านก็ share ทั้ง tacit และ explicit ตกลงสิ่งที่สำคัญ ซึ่งตรงนี้ผมเชื่อว่า ท่านรู้ดีแล้วว่า สิ่งที่ท่านควรทำคือ การชื่นชม การรับฟัง
  • ถ้าเรา share ให้เพื่อนฟัง แล้วมันไม่สนใจ แล้วจะรู้สึกอย่างไร ในที่สุดวงนี้แตกครับ ตกลงเรื่องการฟัง ผมว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่ฟังอย่างตั้งใจ แต่มันเหมือนกับใจต้องเปิดนะ ใจต้องชื่นชม ใจต้องรู้สึกถึงคุณค่าของสิ่งที่ได้ฟัง เพราะมันไม่ใช่เรื่องตรงๆ มันไม่ใช่เรื่อง 1 2 3 4 5 นะ แต่บางครั้งมันเป็นเรื่องเล่า ที่ท่านต้องเปิดรับฟังนะ จะเข้าไปในใจท่าน
  • ภาษาไทยนี่ดีมากเลยนะ เข้าใจ เข้าไปถึงใจนะ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่า
  • สิ่งที่สำคัญคือ ตรงนี้ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัย ... การเปิดตา มองผู้เล่า มองผู้เล่าเรื่องด้วยแววตาแสดงความสนใจ แสดงความชื่นชม สายตาผู้ฟังสามารถแสดงบรรยากาศที่ดีได้ ... เปิดหู ตั้งใจรับฟังด้วยความชื่นชมยินดี เมื่อคนฟัง ฟังจากใจ คนพูดจะถูกกระตุ้น ทำให้พูดได้ลึกขึ้น ปล่อยความรู้ฝังลึกออกมาได้มากขึ้น และอย่าลืมความคิดที่เกิดขึ้น

 

ตรงนี้มีเสียงเพลงมาฝากด้วยนะคะ click ที่ภาพได้ค่ะ 

  • ถ้าท่านได้ฟังจนเข้าใจ ท่านก็จะรู้ว่า เราจะทำของเราแบบไหน อาจจะไม่เหมือนที่เราฟังก็ได้ แต่ปัญหาคือ เราฟังได้ไม่ถึง 50% และเราฟังไปเขียนไป พอฟังจบ เราก็มีคำตอบในใจแล้วว่า ชั้นทำไม่ได้ แทนที่จะฟังว่าเราจะทำได้ ได้อย่างไร ฟังไปมัดชัดมากเลยว่า ชั้นทำไม่ได้ เพราะอะไร พอฟังแล้วจบ ไม่ได้เพราะอะไรๆ พอฟังแล้วจบ ไม่ได้แน่ๆ เพราะสาเหตุดังต่อไปนี้
  • ... นี่ เป็นการฟังตัวเองมาโดยตลอด ไม่ได้ฟังเขาน่ะ ถ้าท่านฟังเขา ฟังไปเรื่อยๆ ฟัง ฟัง ฟัง และเดี๋ยวท่านมีเวลา มาพูดคุยกัน แล้วเราจะทำได้ยังไง รูปแบบเราอาจไม่เหมือนส่วนกลางนะ เราอาจทำได้อย่างนี้ นี่ของศูนย์ฯ 8 นะ ศูนย์ฯ 5 เราน่าจะทำอย่างนี้ นี่มันออกมาเลย
  • แต่นี่ไม่ใช่แล้ว ฟังไป ... ทำไม่ได้หรอกวะ เรามัวแต่คิดว่าไม่ได้เพราะอะไร ไม่ได้เพราะอะไร มันจะสับสนไปเรื่อยเลยนะ ที่ผมพูดอย่างนี้ เพราะผมก็เป็นอย่างนั้นนะ นะครับ เดี๋ยวท่านจะพูดว่า ทำไมผมพูดตรงนี้ได้ดีเหลือเกิน เพราะผมเป็นอย่างนั้น ผมชอบวิเคระห์ แล้วผมไม่รู้หรอกว่า ที่ผมวิเคราะห์ก็คือ ผมทำไม่ได้เพราะอะไร
  • มีคนไปดูงานที่ไม้เรียง ที่นครศรีธรรมราช ของชุมชนไม้เรียง ก็ถามท่านที่รับผิดชอบตรงนี้
  • หลายคนเขาไปดูงาน ฟังเลย เขาทำได้สิ เพราะทีมงานเขาแข็ง เขาปรองดองกัน หมู่บ้านเรานั้นมันทะเลาะกัน
  • และทางนั้นก็บอกเราว่า เขาไม่รู้หรอกว่า ทางเราก็เหมือนเขานั่นแหล่ะ เพียงแต่เรากัดฟันนะ เราสู้ไปนะ แต่ผมเห็นแล้ว ว่าคนที่มาดูงานทีไร ก็พูดแต่ว่า ทำไม่ได้เพราะอะไร เพราะอะไร คนมันไม่ปรองดอง เพราะอะไร ... ของเราก็เหมือนกัน
  • แต่เราไม่ยอมหยุดนะ เราก็ทำ ทำ ทำ กัน ถึงจุดหนึ่งก็ OK ของเขาแทนที่จะมาดูแล้วได้ไป มาดูก็เป็นจุดหนึ่ง แต่ก็อย่างที่เล่า เหมือนว่า เขาไม่ได้อะไรไป กลับได้ว่า ทำไม่ได้เพราะอะไร
  • ส่วนตัวสุดท้ายนี่สำคัญเลย เรื่องเปิดใจนี่สำคัญมากเลยครับ ถ้าไม่เปิดใจจะไม่ลึก แต่เรื่องพวกนี้ต้องทำไปเรื่อยๆ และจะไม่ค่อยเปิดนะ
  • ที่ผมพูดเปิดตา เปิดหู และเปิดใจ ที่เอาเพลงมาให้ฟังนี้ ไม่ใช่หมายถึงทุกทีมันเปิด เหมือนเปิดวิทยุนะ ต้องทำไปเรื่อยๆ ตกลงกระบวนการพวกนี้นะ ต้องใจเย็นๆ นะครับ เขาเรียกเป็น Slow process ไม่ใช่ Fast Process ไม่ใช่ Fast Food ซื้อแฮมเบอร์เกอร์ ซื้อไก่ทอด
  • ไม่ใช่นะ มันเหมือนทำตำราไทย ค่อยตำน้ำพริก ค่อยๆ ไปเอาอะไรมานะ นี่แบบไทย ไม่ใช้ Fast food, KFC หรือ McDonall นะครับ อย่างนั้นไม่ใช่เลย
  • เพราะฉะนั้น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากให้ท่านเห็น ที่ท่านทำมา บางคนก็รู้สึกว่า อึดอัดกับกระบวนการพวกนี้
  • แต่ว่า ใจเย็นๆ ครับ เมื่อไรมันเปิดได้กับทั้ง 3 ทางนี้ ท่านจะรู้เลยครับว่า องค์กรเปลี่ยนไป ท่านจะรู้รักกันมากขึ้น Outcome จะหลั่งไหลมาเลย งานจะออกมาเลย ออกมาแบบธรรมชาติด้วย ไม่ใช่แบบผักชี ไม่ใช่ออกมาเพื่อเอาผลส่งผู้ใหญ่เท่านั้นเอง
  • มันเป็นผลของแท้ ซึ่งดีกว่าของเทียมแน่นอน เพราะว่าของเทียม ออกไปปึ๊บส่งไป เดี๋ยวก็ต้องมาทำใหม่ เพราะว่าของเทียมมันก็เทียม ถามว่า หลอกใคร หลอกตัวเอง อย่าไปคิดว่า เราหลอกผู้ใหญ่ ไปหลอกกระทรวง อะไรเลย มันก็หลอกทั้งหมดน่ะ
  • แต่หลอกก็คือหลอก จริงก็คือจริง และใช้ต่างกันมั๊ย ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก เพียงแต่ใจต้องเย็นสักนิดหนึ่ง ทำของแท้ต้องใจเย็นนะครับ

ตอนนี้ เป็นเรื่องโมเดลปลาทู (ที่ยังไม่จบ) และ 3 เปิดละค่ะ 

รวมเรื่อง ตลาดนัดความรู้กรมอนามัย 2550 

 

หมายเลขบันทึก: 120392เขียนเมื่อ 18 สิงหาคม 2007 12:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท