ในการทำงานเป็นแพทย์ของแพทย์หลายคนที่อยู่ในโรงพยาบาลของรัฐ โดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชนที่ทั้งอำเภอหรือทั้งโรงพยาบาลที่มีหมอ2-5 คน นั้น ผมเชื่อว่าแพทย์หลายคนน่าจะมีประสบการณ์อย่างนี้
ตอนที่ผมอยู่ที่โรงพยาบาลแม่พริก ขนาด 10 เตียง ช่วง ปี 2537-2539 ผมเป็นแพทย์คนเดียวทั้งโรงพยาบาล เรียกได้ว่าทั้งอำเภอ จึงต้องตรวจคนไข้ทุกวัน อยู่เวรทุกวัน มีบางช่วงที่ป่วยหรือไม่สบายอย่างไร ก็ต้องลูกมาตรวจคนไข้ เพราะถ้าไม่ตรวจก็ไม่มีแพทย์ตรวจ จะให้คนไข้กลับไปก่อน ตอนนี้หมอป่วยอยู่ ก็ทำไม่ได้ ตอนที่มาอยู่ที่บ้านตาก อยู่กัน 2-3 คน ในช่วงแรกก็มีน้องแพทย์ที่เจ็บป่วย เป็นไข้เป็นหวัดก็ยังต้องมาตรวจคนไข้ เพราะถ้าไม่มาช่วยตรวจแพทย์อีกคนที่เหลือก็แย่ ตรวจไม่ทัน ผมเชื่อว่าแพทย์หลายๆคนก็คงเจอแบบนี้ แต่เนื่องจากความรับผิดชอบและห่วงคนไข้ เราก็ต้องฝืนสังขารตนเองมาตรวจ
ในขณะที่บางอาชีพ ที่เกี่ยวกับความเป็นความตายเหมือนแพทย์ ถ้าเจ็บป่วยหรือแค่ไม่สบายใจหรือเครียด ก็สามารถขอหยุดพักได้เช่นนักบิน เป็นต้น แต่แพทย์ของโรงพยาบาลรัฐหลายแห่งทำไม่ได้
การตรวจรักษาในขณะที่แพทย์เจ็บป่วย แล้วหากเกิดความผิดพลาดขึ้นกับผู้ป่วยแพทย์ก็ต้องมีความผิดอีก แต่จะไม่ตรวจก็ไม่ได้ ปัญหาอย่างนี้ใครจะแก้ไขให้ได้บ้าง ถ้าไม่ตรวจถูกร้องเรียนก็บกพร่องต่อหน้าที่ พอมาตรวจถ้าผิดพลาดก็หมอชุ่ย ดีไม่ดียิ่งในขณะนี้ถ้าผิดพลาดมีสิทธิติดคุก โดนคดีอาญาเข้าไปอีกและส่วนใหญ่มักจะเห็นใจคนไข้มากกว่าแพทย์ แม้ไม่ผิดกระแสก็ตีไปแล้วว่าผิด ยิ่งมีผู้มีอำนาจบางคนที่หวังเอาหน้าด้วยแล้วแพทย์คนนั้นก็ซวยไป
ทุกกลุ่มมีคนดี คนไม่ดี แต่การไม่แยกกลุ่ม ทำให้คนดีท้อถอยและอาจหนีออกจากระบบไป การรักษาทางการแพทย์ไม่มีอะไร 100%แต่คนไข้หวังต้องการ 100 % และยิ่งอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมแบบโรงพยาบาลชุมชนแต่พอผิดพลาดเอามาตรฐานชั้นสูงหรือต่างประเทศมาจับ อย่างนี้ก็แย่
ก็ได้แต่ภาวนาว่า เหตุการร์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการฟ้องร้องแพทย์จะลดลงภายใต้การสรางความเข้าใจที่ดีต่อกันของแพทย์และประชาชน โดยไม่ต้องอาศัยกฎหมายตัดสินเพราะกฎหมายเป้นการเอาแพ้เอาชนะกัน ในขณะที่คู่ความเสียทั้งคู่ มีคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ได้ประโยชน์แท้จริง
ไม่มีความเห็น