จึงได้เตรียมประเด็นที่จะไปพูด ไว้ดังนี้
1. หน้าที่หรือลักษณะงานทางด้านการเกษตร (เกษตรกร ค้าขายที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร บริษัท ราชการ อื่นๆ )
2. ผู้ประกอบอาชีพ การเกษตร ควรมีบุคลิกภาพ อย่างไร
3. ต้องศึกษาด้านใดบ้าง จึงสามารถประกอบอาชีพ การเกษตรได้
4. ปัญหาอุปสรรค ในการประกอบอาชีพ การเกษตร เป็นอย่างไร
5. รายได้ หรือเงินเดือน ของผู้ประกอบอาชีพ การเกษตร เป็นอย่างไร
6. ความต้องการของตลาดแรงงาน หรือการหางานทำ จากการศึกษาทางด้านการเกษตรเป็นอย่างไรบ้าง
7. ข้อเสนอแนะ สำหรับผู้ต้องการประกอบอาชีพ การเกษตร
จากการสอบถามข้อมูล ของนักเรียน ส่วนใหญ่ พ่อ-แม่ ทำการเกษตร ทำสวนยาง สวนปาล์มน้ำมัน ไม้ผล มีค้าขาย และรับราชการบ้างเล็กน้อย เด็กๆ จึงไม่อยากเป็นเกษตรกร เหมือนพ่อ-แม่ เขาอยากเป็นหมอ พยาบาล ตำรวจ ทหาร นักบิน ฯลฯ เด็กๆก็มีความไฝ่ฝันสูงเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า คนรุ่นหลังๆ ไม่ค่อยให้ความสำคัญทางด้านการเกษตร แต่มีเด็กรุ่นใหม่ กลุ่มหนึ่งที่ยังสนใจทางด้านอาชีพการเกษตร เขาบอกว่าชอบลุย แต่ก็มีปริมาณจำนวนน้อย จึงน่าเป็นห่วงในอนาตค ถ้ามีแต่คนสนใจทางด้านอุตสาหกรรมหรืออื่นๆ จนละเลย อาชีพที่เป็นพื้นฐาน รากฐาน ของบรรพบุรุษ ของประเทศ ผมคิดว่า นักส่งเสริม จึงต้องช่วยกันให้ความรู้ความเข้าใจ แก่สังคม ครับ
สุดท้ายก่อนจบ จึงได้อันเชิญ แนวพระราชดำรัส ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ได้ทรงดำรัสไว้ มาอ่นให้น้องๆ ฟังว่า “อาชีพการเกษตร เป็นอาชีพ ที่เสริมสร้างความสุขสมบูรณ์ให้ แก่บ้านเมือง โดยส่วนรวม ผู้ที่มีอาชีพการเกษตร จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความรู้จักสังเกต ความขยันหมั่นเพียร และ ความมานะ บากบั่น อดทน”
บันทึกมา ลปรร. ครับ
ชัยพร นุภักดิ์
สวัสดีหนุ่มร้อยเกาะ.......ต้องขอบใจมากที่เข้ามาให้กำลังใจตลอด ก็เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กันเพื่อนักส่งเสริมของเรานะ
พูดถึงเด็กรุ่นใหม่น่ากลัวจะยากนะที่ให้หันหน้ามาทำอาชีพเกษตร...เพราะรู้สึกว่าเขากลัวความเหนื่อยส่วนตัวผมเองที่ทำเกษตรส่วนตัวทุกวันนี้เกิดจากจิตสำนึกหลายๆ อย่างครับ
* ด้วยใจรัก
* เพื่อออกกำลังกาย
* อยากทำให้คนอื่นได้ดูด้วย
สวัสดีครับ พี่หนุ่มร้อยเกาะ
เป็นมาทุกรุ่นละค่ะ เมื่อ 20 ปีก่อนตัวเองก็เคยคิดแบบนี้ ไม่อยากเป็นเกษตรกร เพราะมันเหนื่อย ตื่นเที่ยงคืนกว่าจะเสร็จปาเข้าไปบ่ายโมง(ทำยาง)
เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็มีความคิดเหมือนๆ อยากเป็นนู่น อยากเป็นนี่ แต่พอ 20 ปีผ่านไป จากเด็กในห้องที่เรียนมาด้วยกัน 30 คน คนที่เรียนจบประสบผลสำเร็จ ได้ทำงานตามที่ตัวเองเรียน มีไม่ถึง 5 ใน 30 คนเลยค่ะ
สุดท้ายก็ต้องกลับไปเป็นเกษตรกรกันหมดเพราะว่าเรียนๆ ไปก็เบื่อ ไม่อยากเรียนต่อแล้ว เมื่อจบไม่สูงมาก ก็เลือกงานลำบาก เงินเดือนก็น้อย กลับไปตัดยางที่บ้านดีกว่า สบาย เงินได้เยอะกว่า ไม่มีใครมาใช้ วันไหนฝนตกก็ยังอู้ได้อีก ^__^
พูดเรื่องสวนยางกำลังฝันหวานอยู่ดีๆ ว่าราคาแพง ส่วนหนึ่งเพราะประเทศจีนเปิดประเทศนำเข้ายางพารามากขึ้นและประเทศเพื่อนบ้านคู่แข่งสำคัญก็โดนไฟป่าไหม้สวนอยู่บ่อยๆ แต่บังเอิญวันนี้ไปอ่านข่าวเจอ มีนักลงทุนจากไทยกำลังจะไปกว้านซื้อที่ดินในประเทศลาวเพื่อปลูกยางพาราแข่งกับประเทศเรา ยังไงชาวสวนยางก็อย่าใช้เงินกันเพลินจนลืมเตรียมกับมือกับอนาคตข้างหน้าด้วยน่ะค่ะ ...