เพิ่งนึกได้ค่ะ ที่กระบี่ ดิฉันก็ยังไม่เคยไปเลย ... เพิ่งจะไปครั้งนี้จริงๆ แต่ว่า เจอแต่ฝน ... แต่ทว่าได้ผู้อำนวยทีมที่ดีมาก เพราะเธอมีคนคุ้นเคยอยู่กระบี่ (พี่ชายค่ะ) จึงได้ราชรถพอที่จะพาไปผ่อทะเลเมืองกระบี่บ้าง ก็คือ อ่าวพระนาง และหาดนพรัตน์ละค่ะ
มาครั้งนี้ก็มาประชุมสัมมนา "การติดตามผลการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพในรอบ 9 เดือน ปี 2550" ที่ รร.กระบี่มารีไทม์ ปาร์ค แอนด์ สปา รีสอร์ท ละค่ะ ... หน่วยงานของดิฉัน กองทันตสาธารณสุข ก็นำเสนอผลการดำเนินงานนี้ด้วย แต่จะมาเล่าเรื่องให้ฟัง ถึงข้อความกล่าวเปิดของท่านอธิบดี นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา ที่ปิ๊งแว่บ ละค่ะ
- ... เราได้ทำงานไปแล้ว จบโครงการ 9 เดือน ก็เป็นช่วงระหว่างกลางก่อนที่จะจบปีงบประมาณ ที่เราจะมาพูดคุยกัน เหมือนๆ กับเป็นกึ่งๆ monitoring / evaluation ... แม้จะไม่ได้เป็นในรูปของ study แต่เราก็เอาผลจากการที่เป็นรูปของรายงานที่เทียบกับเป้าหมาย กับผลของการที่เจ้าของโครงการต่างๆ เจ้าของพื้นที่ หรือตามศูนย์ฯ ได้ไปทำงานร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายของเรา ได้แลกเปลี่ยนในกลุ่มด้วยกันเอง รวมทั้งจังหวัด และ อปท. รวมทั้งที่เราได้ติดตามนิเทศจากพื้นที่ต่างๆ และมาพูดคุยกันว่า ในงาน ภายใต้แผนงาน/โครงการต่างๆ ที่เราทำกันอยู่นั้นเป็นอย่างไร
- ... เราอย่ากลัวความจริง ถ้าความจริงออกมาว่า มันไม่ได้เรื่องก็ต้องไม่ได้เรื่อง ... แต่ในความที่ไม่ได้เรื่องนี่ มันเป็นเพราะคนทำไม่ได้เรื่อง หรือว่าคนคิดไม่ได้เรื่อง หรือไม่ได้เรื่องทั้งคู่ ... ไม่ได้เรื่องตรงจุดไหนก็ต้องไปแก้ ... เพราะว่าสำคัญที่สุดก็คือ เราต้องไม่กลัวความจริง
- และเราอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของประเทศ ถ้าเราคิดถูก และก็ส่งสัญญาณลงไปถูก ... การปฏิบัติก็ถูก ... ปลายทางคือ ประชาชนได้ประโยชน์
- ... แต่ถ้าเราคิดผิด ส่งสัญญาณผิด ก็เกิดการกระทำผิด และเรารู้ว่าผิด และเรายังเดินหน้าต่อ ประชาชนทั้งประเทศได้รับผลกระทบจากความที่เราไม่ยอมรับความจริง มันเกิดความเสียหายอย่างมาก
- ... พวกเรา realized อยู่อย่างหนึ่งก็คือ พวกเราคนเดียว หน่วยเดียว ทำไม่ได้ มัน need collective health form ซึ่งเป็น concept ของ Primary health care ซึ่งทำตั้งแต่สมัย สสม. ซึ่ง อ.อมร พูดอยู่เสมอว่า มันต้องเป็น collective leader
- เพราะฉะนั้นถ้าที่ไหน หน่วยงานไหนมีผู้นำชูธงอยู่คนเดียว ตอบได้เลยว่า ไปไม่รอด ว่า need คนนำทุกคน ถ้าเป็นไปได้ ก็ทุกคนเป็นผู้นำ และชูธง แต่ตกลงกันให้ดีก่อนว่า ธงสีเดียวกัน จะเดินไปตรงจุดนี้ด้วยกัน ... อันนี้เป็น afford มหาศาล
- แต่การที่จะถือธงอันเดียวกัน มันต้องเป็นธงที่ในการบริหารสมัยใหม่ เราเรียกว่าเป็นการ share value, share vision, share target หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่จะมีความเห็นร่วมกัน และได้ข้อยุติ มันคงไม่ใช่ concensus ทุกคนเห็นด้วยกันหมด
- แต่ว่าโดยส่วนใหญ่ เพราะว่าความแตกต่างเชิงความคิดเป็นเรื่องที่ดี และสร้างสรรค์ และแนวคิดส่วนใหญ่ ณ วันนั้น ถ้าไปทำ M&E แล้ว รู้ว่ามันไม่ได้เรื่องนะ เราก็มาปรับ ก็จะมี list ไว้ว่าเคยมีคนให้ความเห็นอย่างนี้ เอาต้องโน้นมาปรับไหม เพราะฉะนั้นเราจะไม่มีการทิ้งแนวคิดที่ถูกเสนอ มันถูกกลั่นมาจากความรู้ประสบการณ์ มันจะเกิด recurrent หรือความถนัดของแต่ละคน ซึ่งมันก็มีข้อดี
- แต่เราอย่าไปเอาสิ่งที่เรานำเสนอ ว่า ถ้าเราเสนอแล้วแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้เราจะคอยขัดขาเขา ถ้ายังงั้นเราไม่ใช่นักวิชาการที่แท้จริง
- เพราะนักวิชาการที่แท้จริง ต้องใจกว้าง และยอมรับในการที่จะเกิด มันเป็นเรื่องของคนกลุ่มใหญ่ มี unique อะไรออกไป ถ้า area ของคุณ ไป modify ไม่ว่ากัน แต่ถ้าคุณมีคำตอบแล้วว่า มันดีกับพื้นที่ของคุณ OK คุณ นวก แต่ถ้าคุณรับ study มาแล้ว บอกไม่รู้ ช่างมัน ฉันไม่สน ฉันจะทำแบบนี้ นี่พวกหัวดื้อ เพราะว่าเชื่อมั่นในตัวเอง อธิบายไม่ได้ ...
- ผมเชื่อในกระบวนการทำ KM ... มันไม่มี absolute answer ทุกอย่างมี relative ทั้งนั้น ไม่มีใครผิดที่สุด ไม่มีใครถูกที่สุด มันจะ relative ตาม factor ตามปัจจัยที่เป็นทั้งภายนอก ภายใน ทั้งความพร้อมของทรัพยากร stakeholder ของแต่ละพื้นที่ก็ไม่เหมือนกัน และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
- นักกลยุทธ์คนไหนที่ fixed idea ??? … เพราะฉะนั้น หูต้องเปิดตลอด ตาต้องมองยาวๆ แต่ปากไม่ยาว เพราะจะไปหาเรื่องเขา ปากก็ต้องพูดในสิ่งที่ควรพูด แต่ว่าเราต้องหูตาไว ได้ยินอะไรไกลๆ
อีกปิ๊งแว่บหนึ่งค่ะ จากท่านอธิบดี
แวะมาตามคำเชิญขอรับพี่อัมพร
สวัสดีครับคุณหมอนนท์
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับคุณหมอนนทลี