ผมร้องไห้อยู่อย่างเงียบ ๆ


น้ำตา หาใช่สัญลักษณ์ของความเปลี่ยวเศร้าเสมอไป
ผมร้องไห้อยู่อย่างเงียบ ๆ

ผมขึ้นต้นบันทึกนี้ด้วยถ้อยคำข้างต้นเพียงเพื่อจะบอกว่า   ผมเป็นเช่นนั้นจริง ๆ  ... 

บล็อกเกอร์หลายท่านบอกกล่าวสู่สาธารณะอย่างชัดเจนแล้วว่า รัก, ประทับใจ, ซึ้งซาบ, อิ่มสุข  กับงานสัมมนา KM  ที่เชียงใหม่มาแล้วเกือบทั้งนั้น  และหลายท่านก็สารภาพอย่างไม่เขินอายว่า  น้ำตาได้หยาดไหลด้วยความปลื้มปิติมาแล้วก็หลายคน    

 

ผมมักจะโดนบล็อกเกอร์ด้วยกันแซวอยู่เสมอว่า ..  เงียบจัง ... อายเหรอ...หรือไม่ก็จิกแซวอย่างสาหัสว่า ... พูดเป็นด้วยเหรอ 

ผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง.  เงียบขรึม  แปลกแยก  ไม่ค่อยยิ้ม  ไม่ชอบถ่ายรูป - ห้าวห้วนและตรงไปตรงมาอย่างไม่น่าให้อภัย  .. รวมถึงการไม่พึงใจนักต่อการเข้าสังคมในแบบศักดินา  ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้หลายคนจึงไม่กล้าและเข้าไม่ถึงที่จะมานั่งคุยอยู่ในโลกเงียบอันรื่นรมย์ 

ของผม - 

     

งานสัมมนาที่เชียงใหม่   ผมเห็นความรักและมิตรภาพหลากไหลอยู่อย่างมีชีวิต  แต่ละคนแต่ละท่านเปิดเปลือยตนเองอย่างไม่มี กำแพง .. 

   

จะว่าไปแล้ว,  ผมเป็นวิทยากรผู้ชายที่น่าจะมีอายุน้อยที่สุด ..  บ่อยครั้งก็เขินอายที่จะร่วมวงสรวลเสเฮฮากับมิ่งมิตร  จึงได้แต่เฝ้ามองและเฝ้าชื่นชมต่อความงดงามของมิตรภาพที่ถูกถักทอขึ้นอย่างมหัศจรรย์

  

ทำไมนะ,  คนเราถึงรักและผูกพันกันได้มากถึงเพียงนี้ ... นั่นคือ  สิ่งที่ผมเพียรพยายามถามตนเองอย่างสุภาพ  และความเป็น G2K  ก็คือคำตอบที่ตอบผมอย่างไม่ซับซ้อน ...

   

ผมเห็นหลายท่านน้ำตาเอ่อล้นขอบตาตั้งแต่เมื่อครั้งโผซบเข้าสวมกอดกันอย่างสนิทแน่น,  บางท่านซึมไหลตั้งแต่ดนตรีแห่งเพลง G2K  กระหึ่มเสียงออกมาอย่างมีชีวิต,  หลายท่านบอกลากันด้วยดวงตาที่ฉ่ำชื้นด้วยน้ำตา   หลายท่านทิ้งคราบน้ำตาไว้ที่ไหล่ซ้ายและไหล่ขวาของเพื่อน   และที่สุดแล้ว  น้ำตาทุกหยาดหยดก็ไหลรวมเป็นหนึ่งเดียวอยู่ใน หัวใจ  ของทุกคน

   

ผมเห็นหลายคนร้องไห้ ...  แต่คงไม่มีใครรู้กระมังว่า   ผมเองก็ร้องไห้อยู่อย่างเงียบ ๆ   และร้องไห้อย่างแสนดังอยู่ในตัวเองเพียงลำพัง ...

   

ผมร้องไห้อยู่อย่างเงียบ ๆ   ... นั่นคงไม่ใช่ว่าผมถูกละเลยจากมิ่งมิตร  

 

ผมร้องไห้อยู่อย่างเงียบ ๆ   ... นั่นคงไม่ใช่เพราะผมปลีกวิเวกออกจากสังคม

 

ผมร้องไห้อยู่อย่างเงียบ ๆ   ... นั่นคงไม่ใช่เพราะเขินอายต่อความเป็นผู้ชายที่พ่ายแพ้ต่อความอ่อนไหวของมิตรภาพและความรัก

  

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนะถึงร้องไห้ได้มากมาย  และร้องไห้ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้

  

ทำไมนะ  ความรัก  ถึงต้องทำให้คนเราร้องไห้อยู่อย่างไม่รู้เบื่อ ...

ทำไมนะ  ความรัก  ถึงต้องทำให้คนเราร้องไห้อยู่อย่างไม่รู้ร้าง ...   

นั่นนะสิ  ทำไมนะ  คนเราถึงมีความสุขที่จะแสดงความรักด้วยการร้องไห้

สิ่งเหล่านี้  ไม่ใช่คำถาม  หากแต่เป็นการรำพึงรำพันที่ย้ำกับตัวเองว่า  น้ำตา  หาใช่สัญลักษณ์ของความเปลี่ยวเศร้าเสมอไป   .....   

 

ผมได้รับการดูแลที่ดีจากมิ่งมิตรที่เป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่จากขอนแก่น,  และเมื่อถึงเชียงใหม่ชีวิตของผมก็ได้รับการดูแลที่ดีจากเจ้าภาพและมิ่งมิตรทุกคน

   

ผมลุกขึ้นมาเขียนบทรำพึงรำพันนี้หลังจากการร้องไห้ของตนเองได้เงียบเสียงลง...  และไม่ลืมที่จะหันกลับเข้าไปมองห้องหัวใจของตนเองว่าบัดนี้หยดน้ำตาของใครบ้างกำลังนั่งสนทนากันอยู่ในหัวใจของผม  ...

ดูสิ !  หยดน้ำตาเหล่านั้นกำลังพูดคุยและหยอกล้อกันอย่างน่ารัก   แถมยังกำลังตั้งวงเสวนา "จัดการความรู้"  ในเรื่อง "น้ำตาแห่งความปลื้มปิติ"  อย่างออกรสออกชาติ ...

จะมีสักกี่ครั้งกันนะที่คนเราจะได้สัมผัสกับการพานพบอย่างมีความสุขและจากลาอย่างมีความสุขเฉกเช่นครั้งนี้ ...   

 

 

หมายเหตุ  

(๑)   บันทึกนี้เป็นความจริงในทุกถ้อยคำ   และขอมอบกำนัลให้ทุกชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวกันที่เชียงใหม่   และโดยเฉพาะพี่สาวสองท่านที่ผมเห็นน้ำตาหยาดไหลอยู่อย่างบ่อยครั้ง  คือ พี่อึ่งอ๊อบ  และ อ.ติ๋ว .. หรือแม้แต่  ครูอ้อย  (พี่อ้อย)  ที่แอบร้องไห้อยู่คนเดียวเหมือนกับผม !

(๒)  ภาพถ่ายในบันทึกนี้  ได้รับความอนุเคราะห์ "ลักถ่าย"  โดย  อ.แป๋ว

หมายเลขบันทึก: 120014เขียนเมื่อ 16 สิงหาคม 2007 16:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (36)
  • สวัสดีครับพี่
  • บอกได้คำเดียวครับว่า  อิ่มเอม  และ ตื้นตัน
  • อ้าว... สองคำครับ 55555
  • ขอบคุณในความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพแห่งโลกใบนี้จะพึงมีครับ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

          ขอแวะมาซึมซับความรุ้สึกดี ๆ ด้วยคนค่ะ

ขอขอบคุณอาจารย์แผ่นดิน...

  • ผมเองก็น้ำตาซึมหลายครั้งในช่วงการอบรม km ที่เชียงใหม่
  • มิตรภาพบน Go2know + น้ำใจจากทีมงานราชภัฏเชียงใหม่ให้บทเรียนชีวิตกับผมอย่างมากมายทีเดียว..

เสียดายจัง...

  • เสียดายที่อบรมกัน 3 วัน
  • ได้ทั้งสาระ และมิตรภาพอย่างนี้
  • มันน่าจะอบรมกันคราวละ 3 ปีเลย...
มาขออภัยที่เป็นหนึ่งในคนที่กัดพี่ว่า ...เอ้ย พูดได้ด้วยหรือ ตอนนี้ขอสารภาพว่า ถ้าให้ย้อนเวลาได้ก็คงพูดคำเดิมอีกนั่นแหล่ะ 555 แต่พูดเล่นด้วยความรักนะคะ ตามมาบอกรักถึงที่ เดี๋ยวจะหาว่าน้องไม่ใช่คนจริง เหอๆๆ

เป็นธรรมดาของคนขี้เล่นที่ชอบแหย่คนขี้อายค่ะ ไม่มีอะไรหนุกกว่านี้อีกแล้ว แหย่คนซ่าส์แบบพี่ติ๋วบางทียังเจ็บตัวโดนตอกกลับมา เลยสู้แกล้งพี่ไม่ได้ มันส์กว่าเยอะ แกล้งเท่าไหร่ไม่มีการตอบโต้ ยิ้มอย่างเดียว ^ ^

พี่กำลังสงสัยว่าที่ไม่ยอมนั่งรถกลับด้วย...เป็นเพราะกลัวพวกเราสาวๆ จะแอบเห็นน้ำตารึปล่าว... หรือมีเจตนาจะร้องไห้อย่างปิติสุขเงียบๆคนเดียวในระหว่างทางนั่งรถกลับบ้าน..... 

  • สวัสดีครับ น้องสายลม
    P
  • โลก G2K  ได้สะท้อนจุดยืนอันเข้มแข็งด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างชัดเจน
  • ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพเรื่องราวความผูกพันของชาวบล็อกอย่างน่าอัศจรรย์
  • ....
  • พี่เอาเสื้อมาให้ 2 ตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ
  • แล้วค่อยหาเวลามาเจอกัน  หรือจะให้ส่งทางไปรษณีย์ก็ไม่ติดขัด ..
  • มีความสุขนะ น้องรัก

สวัสดีค่ะ

  • ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆบอกว่าพูดเป็นด้วยหรือ
  • ในบันทึกเขียนเป็นกวี- -เขียนได้เขียนดี
  • แต่พอได้เจอหน้าจริง ๆ กลับเงียบๆไม่ค่อยพูด ยืนยัน ช่แล้ว ถูกตัว- -ตัวจริงค่ะ 555 

 

 

สวัสดีครับท่านแผ่นดิน
ไม่มีองค์กรใดอีกแล้วที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างแบบ
G2NO

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน

มาขอบคุณสำหรับการเก็บบรรยากาศจาก ชม.มาฝากได้อย่างอบอุ่น ละเมียดละไมค่ะ และขอบคุณที่ทำให้รู้ว่า 

รอยต่อระหว่างการพบเจอและการลาจาก คือคุณค่าและความหมายของ " ความทรงจำ "

ขอบคุณมากๆค่ะ 

  • สวัสดีครับ พี่แป๊ด
    P
  • คิดถึงพี่แป๊ดและพี่เมตตามาก .. เสียดายเราน่าจะได้เจอกันที่เชียงใหม่
  • พี่อึ่งอ๊อบเอาภาพร้องคาราโอเกะมาให้ดู... ยิ่งคิดถึงขึ้นเท่าตัว
  • คงอีกนานกระมังครับจะได้เจอกัน...
  • แต่ตอนนี้เราก็เจอกันเสมอในบล็อก
  • มีความสุขมาก ๆ นะครับ..
  • อิอิ...แวะมาบอกคุณน้องว่า  "ล้อเล่นจ้ะ"
  • ก็แหม..คิดเหมือนซูซานนี่นา  คนอะไรก็ไม่รู้นั่งยิ้มอย่างเดียว
  • มาพูดได้ก็เกือบวันที่สามแล้ว  พอพูดได้ก็เหมือนอัดอั้น
  • กัด  จิก ด้วยวาจาไม่ใช่เล่นทีเดียว...
  • ว่าแต่...เปลี่ยนรูปได้แล้วนะคะ    เพราะตอนนี้สมองจดจำได้แต่ภาพที่เชียงใหม่ค่ะ
  • มิตรภาพที่เชียงใหม่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไปค่ะ
อ่านแล้ว ก็ไม่รู้จะบันทึกอย่างไร ...แม้จะไม่ได้ไปร่วมในบรรยากาศด้วย แต่จากการติดตาม และการอ่านบันทึกทึกนี้ ก็บอกได้เพียงว่า.."ปลื้มปิติ" ไปด้วยจริงๆ ..จะว่าไปแล้ว คุณพนัส คุยเก่งมากๆ ...แต่คุยด้วยใจผ่านปลายนิ้วเป็นตัวอักษร...เหมือนกับที่บางคนพูดเก่งมาก แต่พอให้บันทึกกับรู้สึกว่า จะให้บันทึกอะไร..ยากจัง..(แต่แหววว่านะ..ยังไง้..ยังไง..ก็มาจากใจเดียวกัน เพียงแต่.. ต่างช่องทางออกเท่านั้นเองน่า...นะ...(อย่างเงี้ยะ ..มีประโยชน์มากกับการทำ Blog ค่ะ..)

    ...รู้สึกประทับใจไปด้วยกับ งานของ g2k ในครั้งนี้  แม้ตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์อันน่ารื่นรมณ์นั้น

     ...ท่านพี่แผ่นดินพูดได้กินใจเหลือเกินค่ะ..

     ทำไมนะ  ความรัก  ถึงต้องทำให้คนเราร้องไห้อยู่อย่างไม่รู้เบื่อ ...

  ทำไมนะ  ความรัก  ถึงต้องทำให้คนเราร้องไห้อยู่อย่างไม่รู้ร้าง ...   

นั่นนะสิ  ทำไมนะ  คนเราถึงมีความสุขที่จะแสดงความรักด้วยการร้องไห้

     ... หากคำรำพึงรำพันที่ว่านั้น ต้องการหาคำตอบ....

     ...ท่านพี่แผ่นดิน พอจะชี้แจงคำตอบได้บ้างมั๊ยค๊ะ

                         "JasmiN"

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน

        ดิฉันประทับใจคำถามของคุณแผ่นดินนะคะ   

        “ทำไมนะ,  คนเราถึงรักและผูกพันกันได้มากถึงเพียงนี้ 

          ดิฉันไม่ได้เข้ามาตอบ  : )   แต่อยากบอกตามความรู้สึกจากใจว่า   ....บนพื้นที่สาธารณะ ที่เราเปิดเผยตัวตนอย่างมีวุฒิภาวะ     และสื่อสารเพื่อถ่ายทอดความเป็นเราอย่างที่เราเป็น 
          ......หากมีผู้สัมผัสได้ และสื่อสารด้วยความเปิดเผยและจริงใจเช่นเดียวกันนั้น ก็ย่อมทำให้เกิดความปิติประทับใจในตัวตนของกันและกัน 
          ....โดยเฉพาะเมื่อได้มาพบกันในโลกที่สัมผัสตัวตนกันได้จริงๆ......

         คงไม่แปลกที่เรายังคงมีตัวตนอีกชุดที่อยู่ในโลกส่วนตัว
         แต่ก็น่าชื่นใจนัก..ที่ผู้อื่นสามารถ "รู้จัก เข้าใจ และรัก" ตัวตนของเราได้อย่างที่เราเป็น   : )
        
การสื่อสารทำให้เกิดความรัก"และเข้าใจ"เช่นนี้   มิได้เกิดขึ้นง่ายๆในสังคมออนไลน์ทั่วไป

              .....เป็นการสื่อสารที่น่ารักมากนะคะ.....

สวัสดีครับ อาจารย์หมอวัลลภ

P

ผมประทับใจอาจารย์หมอฯ มาก  , เป็นกันเองและมีความเมตตาต่อผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด

งานสัมมนาที่เชียงใหม่ได้เรียนรู้และหยิบยื่นอะไรต่อมิอะไรให้กับผู้เข้าร่วมอย่างหลากหลาย   การหลอมรวมให้วิทยากรก้าวเช้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานนั้นถือว่าต้องถือเป็นแบบอย่างของการทำงานที่น่ายกย่อง

ในห้องนอนของผมที่ประกอบด้วย พ่อครูบา,  อ.พินิจ, อ.ขจิต  .. เราคุยกันเรื่องงานในแต่ละวันเสมอ..  บางวันมีเจ้าภาพอย่างคุณเอกมาร่วมวงเสวนา  ทั้งปวงนั้นก็เพราะเรามาด้วยใจ  จึงอุทิศใจให้กับงานนี้...

เห็นด้วยกับอาจารย์หมอฯ  เป็นอย่างยิ่ง  .. ควรจัดงานเช่นนี้ขึ้นบ่อย ๆ  เอาเป็นปีละ 3 ครั้งพอไหว  แต่ให้ครั้งละ 3  ปีตามที่อาจารย์หมอเปรยนั้น.... เห็นทีผมสำลักมิตรภาพและความรู้กลางเวทีแน่ครับ

 

  • อยากจะบอกว่าผู้อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง  ของการจัดการต้อนรับ  ใช้จิตวิทยา  ผนึกกับวิทยายุทธ  กำลังกาย กำลังปัญญา  เล่นเอาพวกเรานี่อ่อนปวกเปียก ไปตามๆ กัน เลยครับ

ขอบคุณครับ...อย่าร้องให้คนที่บ้านเห็นนะ..เดี๋ยวคราวหน้า..อด

คุณแผ่นดิน น้องรัก

  • คุณทำให้พี่ร้องไห้เป็นวันที่ 4 แล้ว...หลังจากที่ไม่เคยร้องมาเป็นเวลานาน
  • ฮือๆๆๆๆ.....

ขอบคุณสำหรับบันทึกที่เข้าถึง"หัวใจคนร้องไห้"

ขอบคุณคุณแผ่นดินมากครับ

ผมอ่านบันทึกนี้จบ เกิดอาการน้ำตาซึมเหมือนกันครับ

เพราะภาพทั้งหมดจะพรั่งพรูเข้ามา

โดยเฉพาะ คุณแผ่นดิน เป็นคนที่ลึกมาก...ซึ้งมาก

จนผมต้องแหวกว่ายตามไปเพื่อสัมผัสส่วนที่ลึกที่สุดของคุณแผ่นดินได้

อย่างไรก็ตาม...ผมได้สัมผัสทั้งภายนอก(กอด)และสัมผัสใน(จิต) ของคุณแผ่นดินมาแล้ว

 

น้องแผ่นดิน..กวีหนุ่มแห่งลุ่มน้ำ..(อะไรอ่ะ..มูล ชี หรือโขง??)

คนมีน้ำตาคือคนมีน้ำใจนะ

ไม่ว่ามันจะไหลรินออกมาอาบแก้มหรือรดรินให้หัวใจฉ่ำชื้น

ก็ล้วนหยาดหยดลดไล่ความแห้งผากของอารมณ์ไปได้

น้ำตาพี่หรือ..ไม่รู้แฮะ..นึกว่าที่มันไหลเพราะว่ามันแสบตาจากเครื่องฉายภาพบนเวทีกับเพราะจ้องคอม......แต่ไม่กล้าสบตาใครอ่ะ.....ได้แต่ท่องน้ำตาไหลหนอ น้ำตาไหลหนอ....(อิอิ)

สวัสดีครับ  น้องซูซาน 

P

คงหายเหนื่อยแล้วกระมัง,   ...

ไม่เป็นไรนะครับยินดีให้หยิกแซวอย่างแสนสนุก  บ่ ต้องเกรงใจอ้ายดอกอีหล่า ... หยิกให้แฮง ๆ  อ้ายกะ บ่ ว่าดอกอีนางเอ้ย ...

....

อย่าลืมรักษาความห้าวหาญชาญชัยไว้คู่กับตนเองตลอดไปนะ,  ดูแล้วมันเป็นตัวตนของเธอจริง ๆ ...

ว่าแต่อาการปวดหลังหายดีหรือยังน้อ...

สวัสดีครับ  อ.แป๋ว

P

ผมอยากเดินทางในระยะทางอันยาวไกลอย่างไม่รีบร้อน ,  อยากใช้ชีวิตกับตัวเองบนรถเมล์นาน ๆ หลังจากที่ไม่ค่อยได้นั่งรถโดยสารประจำทางในลักษณะเช่นนี้มานานแล้ว.. รวมถึงการได้ให้เวลากับตนเองได้คิดและรำลึกถึงบรรยากาศของงานที่เพิ่งผ่านมาอย่างประทับใจ

และอีกอย่างอยากให้ทุกท่านได้นั่งรถอย่างสบาย ๆ ...

ผมมีความสุขกับการเดินทางที่มี อ.แป๋ว และ อ.ติ๋ว อยู่ข้าง ๆ เสมอ.. เหมือนญาติผู้ใหญ่ที่มองแล้วอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

....

ขอบพระคุณครับ

 

สวัสดีครับ คุณพิชชา

P

คุณพิชชาก็เห็นมากับตาแล้วว่าผมเป็นคนเขิน ๆ อาย ๆ อย่างไม่เสแสร้ง  และแม้แต่บล็อกเกอร์หน้าใหม่หลายท่านก็ทักผมว่าตัวจริงทำไมพูดน้อยจังเลย  แต่พอเขียนบันทึกทำไมเขียนเสียยืดยาว ...

ผมเป็นเช่นนี้เสมอ   แต่ก็พยายามที่จะปรับปรุงให้ตนเองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี... อยากร้องเพลงได้,  ช่างพูดและช่างคุยเหมือนคนอื่น ๆ ...

ระลึกถึงเสมอนะครับ,

  • ซื้อหวยทำไมไม่ถูกฮึ...
  • ในใจน่ะกะแล้วว่า  น้องแผ่นดินต้องกลัวพวกเราจะนั่งลำบากแน่ๆ  เลยอ้างว่าไปต่อรถรวดเดียว  แสดงว่าพี่ดูคนไม่ผิดจริงๆ...สาธุ..งวดนี้ขอให้ถูกหวย(อุย...ไม่เล่นหนอ...ไม่เล่นหนอ....)

สวัสดีครับ

  ^_^  ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชอบมานั่งด้วยกัน

   เข้าใจว่าทำไม่พี่ไม่กล้าถ่ายรูปกับท่านอ.ประพนธ์

  เพราะว่าเรา

    ชี้อายเเละมีโลกส่วนตัวบางส่วนที่อาจจะเหมิอนกัน??  หรือเปล่านะครับ

  ขอบคุณมาตรภาพที่งดงามครับ..

สวัสดีครับ

P

ไม่ว่าวันนี้ หรือวันข้างหน้า  ผมก็ยังยืนยันว่าในโลกแห่งการเรียนรู้ใบนี้  เราไม่สามารถสวมหน้ากากเข้าหากันได้หรอกนะครับ

รู้ก็คือรู้,  ไม่รู้ก็คือไม่รู้.... เราช่วยกันได้ ...

ขอบคุณครับ...

และผมขอเป็นกำลังใจในการก้าวเดินในโลก G2K  นี้เสมอไป

  • สวัสดีค่ะ  คุณแผ่นดิน ..

น้ำตาแห่งความปิติ จะวาววิบวับอยู่ในหัวใจใครต่อใครหลายคนนะคะ   ^_^    ดีออก  ต้อมว่า..

 

ผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง.  เงียบขรึม  แปลกแยก  ไม่ค่อยยิ้ม  ไม่ชอบถ่ายรูป - ห้าวห้วนและตรงไปตรงมาอย่างไม่น่าให้อภัย  .. รวมถึงการไม่พึงใจนักต่อการเข้าสังคมในแบบศักดินา  ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้หลายคนจึงไม่กล้าและเข้าไม่ถึงที่จะมานั่งคุยอยู่ในโลกเงียบอันรื่นรมย์ 

ของผม - 

อันนี้  ต้อมเองก็เป็นค่ะ  เป็นเอามากเสียด้วย

สวัสดีครับ คุณเบิร์ด

P

งานสัมมนาครั้งนี้ใช้มิตรภาพเป็นตัวขับเคลื่อนในกลุ่มของเจ้าภาพและวิทยากร  ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น  ไม่มีกำแพงชนชั้นใดมากางกั้นวิถีความสัมพันธ์ ...

ครั้นพอจากลาก็เป็นการจากลาอย่างรื่นรมย์ อัดแน่นไปด้วยความตื้นตัน  และห้วงอารมณ์เช่นนั้น  จึงไม่แปลกที่หลายท่านปล่อยให้น้ำตาได้หยาดไหลอย่างไม่เขินอาย

ย้ำครับ,  นี่คือการจากลาอย่างรื่นรมย์...

สวัสดีครับ  อ.ลูกหว้า

P
  • ขอบคุณนะครับที่แวะมาให้กำลังใจ
  • ผมหนักใจไม่น้อย  ไม่รู้จะหาภาพที่ไหนดีมาลงในบล็อก
  • ภาพปัจจุบันก็มีแต่จะฟ้องร่องรอยแห่งวันเวลาอันเยาว์วัยที่ผ่านไปนานและแสนนาน
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ  คุณแหวว

P

ผมอ่อนไหวและหวั่นไหวเสมอกับความงดงามของมิตรภาพ  และนี่คือการจากลาที่รื่นรมย์  ซึ่งหมายถึงเป็นการจากลาที่เต็มไปด้วยความสุข ..

ยิ่งจากลาอย่างรีบเร่ง  ก็ยิ่งทำให้รู้สึกถึงรสชาติแห่งการจากลานั้นว่ายิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ

ไม่ใช่ญาติ  แต่เหมือนญาติที่ขาดไม่ได้จริง ๆ ครับ

สวัสดีครับ

P

ทำไมนะ  ความรัก  ถึงต้องทำให้คนเราร้องไห้อยู่อย่างไม่รู้เบื่อ ...

ทำไมนะ  ความรัก  ถึงต้องทำให้คนเราร้องไห้อยู่อย่างไม่รู้ร้าง ...   

นั่นนะสิ  ทำไมนะ  คนเราถึงมีความสุขที่จะแสดงความรักด้วยการร้องไห้

...

สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นการรำพึงรำพันกับตนเอง ซึ่งเป็นการรำพึงรำพันโดยไม่ปรารถนาซึ่งคำตอบ  แต่ถ้าต้องขบคิดว่า  สาเหตุอันใดล่ะ  คือ มูลเหตุแห่งการร้องไห้ก็ดูประหนึ่งว่าจะยากเอาการอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ผมเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใด  และมนุษย์ก็อ่อนไหวต่อการแสดงความรักต่อกันและกันมาแต่ไหนแต่ไร   หรือเพราะความรักเดินทางอยู่เหนือเหตุผลหรือไรก็ไม่รู้

สรุปว่า... ผมเองก็คงหาคำตอบไม่ได้จริง ๆ แหละครับ...

รู้แต่เพียงว่า  น้ำตา  เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของการมีความสุขของมนุษยชาติ ..

...

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ

P

เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก ครับ  นั่นคือ  "การสื่อสารทำให้เกิดความรัก"และเข้าใจ"เช่นนี้   มิได้เกิดขึ้นง่ายๆในสังคมออนไลน์ทั่วไป "

นี่คือข้อสังเกตแห่งยุคสมัย   และดูจะข้อวิพากษ์สังคมได้อย่างน่าคิด  ซึ่งเราก็พบเห็นข้อเท็จจริงอยู่บ้างในโลกออนไลน์ทั่วไป  ดังจะเห็นได้จากภาพในหน้าข่าวสื่อสิ่งพิมพ์ หรือแม้แต่โทรศัพท์ที่สื่อให้เห็นผลพวงอันเลวร้ายของโลกออนไลน์

ยกเว้น G2K  ที่เป็นโลกออนไลน์ที่มีคุณค่าต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้   ช่วยให้แต่ละท่านเกิดโลกทัศน์และชีวทัศน์ที่ดีขึ้น

....

ขอบคุณครับ, 

ขอบคุณข้อสังกตที่ผมเองก็นึกไม่ออก..

สวัสดีครับ  พี่สมนึก

P

ขอบพระคุณพี่ชายท่านนี้มากเลยที่มาช่วยเตือนสิต

ขืนร้องไห้ให้เขาเห็น  มีหวังคราวหน้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่ไหนไกล ๆ เป็นแน่

ว่าแต่,  ตอนนี้สงสัยแอบมาอ่านบันทึกนี้แล้วกระมังครับพี่ !

สวัสดีครับ  อ.ติ๋ว

P

ก็อย่างที่ผมบอกแหละะครับ  บันทึกนี้ชัดเจนคือเขียนขึ้นเพื่อมอบให้ อ.ติ๋ว..  ผู้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเสียงหัวเราะและนำพาหยาดน้ำตามาสู่ผู้คน  ซึ่งทำให้เสียงหัวเราะและน้ำตากลายเป็นส่วนหนึ่งของงานอย่างเปิดเผย ...

 

สวัสดีครับ คุณหมอสุพัฒน์

P

พี่เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวในสังคมเสมอ..  ดังนั้นจึงไม่ชอบอยู่กับระบบพิธีรีตอง  และมักหลบเร้นปลีกวิเวกมาอยู่ด้านหลังเพื่อเฝ้ามองและเก็บเกี่ยวเรื่องราวต่าง ๆ  อย่างเงียบ ๆ ...

แปลกแต่ก็จริง,  ไม่ชอบเข้าสังคม  และก็อยู่กับสังคมแห่งการสังสรรค์อย่างบ่อยครั้ง ...

แต่งานที่เชียงใหม่... เต็มไปด้วยความสุขและความประทับใจ ครับ -

สวัสดีครับ คุณต้อม

P

ผมดีใจมากครับที่รู้ว่าคุณต้อมก็มีตัวตนคล้ายกันอยู่บ้าง ... 

ผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง.  เงียบขรึม  แปลกแยก  ไม่ค่อยยิ้ม  ไม่ชอบถ่ายรูป - ห้าวห้วนและตรงไปตรงมาอย่างไม่น่าให้อภัย  .. รวมถึงการไม่พึงใจนักต่อการเข้าสังคมในแบบศักดินา  ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้หลายคนจึงไม่กล้าและเข้าไม่ถึงที่จะมานั่งคุยอยู่ในโลกเงียบอันรื่นรมย์ 

ของผม

 

....

 

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท