การละเล่นเพลงโลมหางเชือก( 2 )
มาติดตามกันต่อนะครับ ว่าการเพลงโลมหางเชือกเป็นอย่างไร สำหรับ การเล่นฉุดหนัง คือการชักเย่อระหว่างฝ่ายหญิงกับฝ่ายชายเมื่อฝ่ายใดแพ้จะต้องออกมารำวง ต่อมา พ่อสิน ขุนแก้ว ครูเพลงฉ่อยที่มีชื่อเสียงที่สุดของหมู่บ้านสะเดียง เห็นว่าการเล่นฉุดหนังไม่ออกรสชาติเท่าที่ควร จึงให้ร้องเพลงเกี้ยวฝ่ายหญิงและให้ฝ่ายหญิงร้องเพลงแก้ เมื่อพ่อเพลงและแม่เพลงร้องเพลงจบ จึงเล่นฉุดหนังกันระหว่างฝ่ายหญิงกับฝ่ายชาย
เพลงที่ร้องก่อนการเล่นฉุดหนังนี้ พ่อสิน ขุนแก้ว ผู้เป็นบิดา ของแม่ตะเหลี่ยม ภาชนะทอง และนายเหรียญ ขุนแก้ว เป็นผู้คิดขึ้นเป็นคนแรกเพลงชนิดนี้เรียกว่า “เพลงโลมหางเชือก” และนิยมเล่นในโอกาสเทศกาลงานตรุษสงกรานต์ ต่อมาหลังจาก พ่อสิน ขุนแก้ว พ่อเพลงฉ่อยที่มีชื่อเสียงของประชาชนชาวบ้านสะเดียง เสียชีวิตลง แม่แป้ง ขุนแก้ว ผู้เป็นภรรยา ก็นำเหล่าชาวบ้านเล่นเพลงโลมหางเชือกต่อมา จนถึงช่วงที่เพลงพื้นบ้านหมดความนิยม เพลงโลมหางเชือกก็หมดความนิยมเช่นเดียวกัน
เมื่อ ปี พ.ศ.2532 ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ให้นางตะเหลี่ยม ภาชนะทอง บุตรสาวของพ่อสิน ขุนแก้ว รวบรวมพี่น้องบุตรหลาน มาพื้นฟูการละเล่นเพลงโลมหางเชือก ในงานประเพณีสงกรานต์ของจังหวัด โดยให้แม่แป้ง ขุนแก้ว ผู้เป็นภรรยา ของ พ่อสิน ขุนแก้ว เป็นผู้สอนให้ หลังจากนั้นเพลงโลมหางเชือกก็ไม่ได้แสดงอีกเลย จนกระทั่ง นายชลอ นุเทศ อาจารย์ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยครูเพชรบูรณ์ เกรงว่าการละเล่นเพลงโลมหางเชือกนี้จะเลือนหายไป จึงได้รวบรวมประวัติและวิธีการเล่นเพลงโลมหางเชือก จึงได้ขอให้ นางตะเหลี่ยม ภาชนะทอง ช่วยเล่าประวัติและวิธีการเล่นอีกครั้ง เพื่อรวบรวมเป็นผลงานการวิจัยวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดเพชรบูรณ์
เพลงโลมหางเชือกยังไม่จบนะครับ ในบันทึกหน้าจะเล่าถึง ลักษณะคำประพันธ์ และวิธีการร้องต่อไป ถ้ากล่าวถึง แม่แป้ง ขุนแก้ว ผมเองก็เคยมีโอกาสได้พบท่านอยู่ ช่วงนั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่ เมื่อครั้งเมื่อท่านเสียชีวิต ผมเพื่อนๆรุ่นพี่และรุ่นน้อง ยังได้มีโอกาสไปรำในงานศพของ แม่แป้ง บรรยากาศและความรู้สึกนั้น ยังอยู่ในความทรงจำตลอดมา
สวัสดีครับคุณบัวชูฝัก
มาเยี่ยมมายาม ฟังเรื่องเล่าเพลงโลมหางเชือก ซึ่งไม่รู้จักมาก่อน ดูเฉพาะชื่อก็เดาความหมายได้ยากครับ อ่านแล้วจึงรู้จัก ขอบคุณครับ