เซี่ยงไฮ้บทที่ 1


ประสบการณ์ใช้ชีวิตนอกประเทศครั้งแรก เป้เขียวคู่กาย
 บทนำเรื่อง

เป้เขียว เป็นชื่อที่เพื่อนๆต่างเรียกผมจนเป็นที่รู้จักในหมู่เครื่องใช้ของเจ้านาย เปา ผมเป็นกระเป๋าเป้ที่พร้อมใส่สัมภาระและสิ่งของต่างๆเพื่อพร้อมเดินทางไปกับเจ้านายเปาแบบถึงไหนถึงกัน เป้ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาอย่างผมมักมีเรื่องราวการผจญภัยและการเดินทางอันโชติโชนมาเล่าให้เพื่อนๆฟังเป็นประจำ เพื่อนๆเลยตั้งฉายาผมว่า เป้เขียวนักเดินทาง  ผมได้มารับใช้เจ้านายตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่ที่มีคนนำผมมาให้เจ้านาย และผมเองก็เป็นสมบัติประจำตัวชิ้นหนึ่งของเจ้านายที่เธอมักจะสะพายไปด้วยเสมอเลยทำให้ผมมีได้รู้โลกกว้างและนำเรื่องราวที่ผมได้พบมาบอกเล่าได้ ผมเองพร้อมที่จะถวายทั้งตัวและใจรับใช้เจ้านายตลอดไปถึงแม้บางครั้งเธอจะไม่ใส่ใจและโยนผมลงพื้นหลังจากใช้ผมเสร็จก็ตาม แต่ผมเองก็ดีใจและตื่นเต้นเสมอหากเมื่อใดก็ตามที่เจ้านายผมนำเอาข้าวของใส่มาที่ตัวผม วันนี้เจ้านายจะพาผมไปไหนนะ??   เมื่อมองย้อนกลับไปดู แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าตัวผมเองจะมีประวัติการเดินทางอันยาวนานเกือบร่วม 6 ปีแน่ะ ตอนนี้เองผมก็แก่เต็มทีหากเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่บางคนก็ขาดวิ่น หรือไม่ก็ต้องตกยุค ผมนับว่าค่อนข้างโชคดีที่ผมถูกสร้างขึ้นด้วยวัตถุดิบที่ดี สีสันกลางๆ แะที่สำคัญที่สุดผมได้เจ้านายที่ใช้ของเป็น ถนุถนอมผม (แม้จะไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าคนอื่น ไม่อย่างนั้นผมจะอยู่มาจนกว่า ปีได้อย่างไร ? ) แต่ว่าทั้งตัวและใจของผมเองยังแข็งแรงและเต็มที่ที่จะร่วมเดินทางไปกับเจ้านายผมเมื่อเธอต้องการตลอดไป แน่นอนมันเป็นธรรมดาที่ผมเองจะถูกเพื่อนๆในกลุ่มอิจฉาและค่อนแคะเสมอ แต่ผมก็จำไม่สนใจ และต้องทำใจ เพราะไม่อย่างนั้นละก็ประสาทเสียแน่นอน และผมเองก็จะไม่มีความสุขด้วย ณ ตอนนี้ผมเองได้มีโอกาสมารับใช้และอยู่กับเจ้านายที่ประเทศจีน เธอตัดสินใจย้ายมาทำงานที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปแค่สามเดือนแต่ผมเองก็รู้สึกว่ามันนานมากเนื่องจากมีมันมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายกับการที่ผมได้เดินทางไปกับเจ้านายของผมนั่นเอง ผมยังจำวันแรกที่เดินทางมาถึงที่นี่ได้ เจ้านายมากับสายการบินไทย TG 664 ผมยังจำวันนั้นได้ดี วันนั้นทรมานมาก ผมละสงสารเจ้านายผมเพราะเธอเองต้องยืนรอเข้าคิวที่กองรอตรวจคนเข้าเมืองเซี่ยงไฮ้ เจ้านายผมยืนรอประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆเห็นจะได้ พอหลุดออกมาได้เท่านั้นเธอก็่ตรงรี่เรียกแท็กซี่ทันที ผมเองจะตื่นเต้นกับการใช้ชีวิตใหม่ที่นี่เสียแล้วครับ อะไรอะไรที่เห็นมันดูแปลกตาและน่าสนใจไปหมด มีหลายๆอย่างที่เหมือนและไม่เหมือนกับประเทศไทยบ้านเรา คนแปลกหน้าที่คุยภาษาต่างจากเจ้านายเรา (ซึ่งเจ้านายเองก็บอกกับตัวเองว่ารู้สึกว่าคนที่นี่จะไม่ค่อยเป็นมิตรและไม่ค่อยเป็นกันเองเท่าไหร่นัก) ทั้งตัวผมและเจ้านายต้องรับสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าเมืองไทย และที่สำคัญต้องเปลี่ยนการสื่อสารใหม่ แต่จะว่าไปเจ้านายผมก็ใช่ย่อย เธอพอจะสื่อสารได้พอสมควรเลยทำให้หลายอย่างดูง่ายขึ้นแต่ว่าก็มีบ้างที่เธอเองก็ต้องใช้ภาษาใบ้เช่นกัน ผมเองก็เพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้ว่าที่นี่ว่าเขาพูดภาษาถิ่นกันด้วย เป็นภาษาจีนเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นภาษาถิ่นที่ฟังเอายากมากๆและเจ้านายเองก็คงไม่คิดจะเรียนเป็นแน่  พูดถึงสภาพอากาศแล้วที่นี่เขามีถึงสี่ฤดู คิดว่าเจ้านายเองคงจะได้สัมผัสตามที่เธอได้เรียนจากหนังสือ และผมเองก็จะได้สัมผัสไปด้วยเพราะว่าเธอต้องพาผมไปด้วยแน่นอน เนื่องจากเซียงไฮ้เป็นเมืองที่ติดกับทะเลเลยทำให้สภาพอากาศที่นี่จะหนาวยะเยือกโดยเฉพาะหากเทียบกับเมืองอื่นที่มีอุณหภูมิเหมือนกัน จากที่สัมผัสมาอากาศหนาวจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมและจะมาสูงสุดที่เดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ (เอาเป็นว่าต้องรอดูถึงตอนเดือนกุมภาพันธ์ก่อนแล้วจะมาเล่าให้ฟังกัน) สภาพอากาศที่บอกไปนั้นเป็นคำบอกเล่าของคนในเมืองนี้เท่าที่เจ้านายได้ไปสอบถามมา ก็เพราะเธอเองก็ควรต้องรู้ไว้เพื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจต้อนรับและต่อสู้ป้องกันสภาพอากาศที่แตกต่างนี้ได้  เราเองก็ยะเยือกไปด้วยเหมือนกัน

หมายเลขบันทึก: 119769เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2007 12:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 17:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท