วันสุดท้ายของการเริ่มต้น


tacit knowledge
          วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าทุกวัน  ตั้งใจจะไปออกกำลังลดพุงที่กำลังเป็นอุปสรรคกับชีวิตมากขึ้นทุกที เดินออกมาก็เปลี่ยนใจครับ  ธรรมชาติช่างแสนสุขสงบงดงาม  …tacit knowledge คงจะเกิด(พุงเอาไว้ก่อน)            อยากรู้ว่า บนเนินข้างหน้ามีอะไร ทางที่จะไปถ้าง่าย ๆ ต้องไปตามถนนลาดยาง (เกือบจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ) แต่ต้องใช้เวลาอ้อมไปเยอะ  หากจะไปลัดและเร็วต้องออกแรงขึ้นบันได  สัจธรรมที่พบก็คือ ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ             ผมมาคิดว่า Blog เป็นหนทางที่ง่ายและเร็วในการแสวงหา แต่เป็นความรู้เสมือนจริง  อาจารย์มาด้วยกันท่านหนึ่งถามผมว่า หากเทียบกับหนังสือแล้วข้อดีข้อเสียเป็นอย่างไร ผมตอบแบบคนเพิ่งรู้ว่า หากยึดความถูกต้องของข้อมูลต้องหนังสือ  แต่ Blog มีชีวิตกว่า เพราะเห็นตัวตนที่แท้จริง           ผู้เข้าร่วมอบรมจากแบงก์ชาติ ส่งต่อจักรยานให้ผมด้วยไมตรี แน่นอนไปได้เร็วและไกลขึ้น ผมพบว่าที่นี่ นกกะปูดเยอะมากครับ (ในห้องพักก็มีภาพเขียน) และยังพบมันนอนตายกลางถนนอยู่หนึ่งตัว คงมีคนเห็นบ้างนะครับ           เวลาปั่นขึ้นเนินต้องออกแรงมาก ไปได้ช้า แต่ธรรมชาติจะมีสมดุลในตัวเองเสมอ เมื่อมีขึ้นก็ต้องมีลง และลงด้วยแรงโน้มถ่วง ที่รวดเร็ว ไปได้ไกลโดยไม่ต้องออกแรง แต่หากจะขึ้นเนินถัดไป ต้องเสริมด้วยแรงส่งเล็กน้อย            ผมกำลังเห็นอะไรบางอย่างที่จะไปปรับปรุงชีวิตครับ (อย่างแรกก็เปลี่ยนชื่อ blog)
คำสำคัญ (Tags): #km เชียงใหม่
หมายเลขบันทึก: 119743เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2007 11:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีค่ะ อ. khan 

เห็นด้วยมากๆ เลยว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ  ^ ^

Blog อาจดูมีแหล่งความรู้ที่หาอ่านได้ง่ายๆ แต่ก็ต้องอาศัยผู้อ่านและผู้เขียนที่เป็นผู้กลั่นกรองสิ่งที่นำเสนอ และกลั่นกรองสิ่งที่ได้อ่าน ได้แลกเปลี่ยนในเวทีแห่งนี้

ขอบคุณค่ะสำหรับข้อคิดดีๆ

หมายเหตุ ต้องแก้ tasit เป็น tacit knowledge จึงจะถูกต้องค่ะ ^ ^ ไม่ว่ากันนะคะ ช่วยกันตรวจค่ะ    

จะเปลี่ยนเป็นชื่ออะไรเอ่ย 

เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกชมรมคนมีห่วงยางคะ...ข้อดีของห่วงยางคือช่วยให้จมน้ำเร็วขึ้นอิอิ...แต่ข้อดีของบล็อกคือเป็นเวทีคะ...แต่ความรู้ที่ได้ขึ้นอยู่กับผู้รับคะ....รู้เร็วรู้ช้า..รู้มากรู้น้อย..รู้จริงรู้ปลอม..ต้องใช้เวลาคะ

P
สวัสดีค่ะ
ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์

   ยินดีที่ได้รู้จักมากๆครับ

   หวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนเพิ่มเติมกับอาจารย์ต่อไปครับ

  แค่บันทึกแรกก็ดูไม่ธรรมดาแล้วละครับ

  เชื่อแน่ว่า TK คงมากมายเลยละครับ

  เป็นกำลังใจครับอาจารย์

 ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ อาจารย์

ดีใจที่ได้รู้จักอาจารย์ ป่านนี้คงกลับถึงบ้านแล้วนะครับ เห็นอาจารย์เขียนแล้วรู้สึกดีใจครับ

เขียนอีกนะครับ ผมอยากอ่าน!!! 

อืมส์

ออกกำลังลดพุง

อยากลดได้มั้งจังครับ ...:)

แต่มักจะคิดได้หลังกินอิ่มแปร้แล้วและคิดตอนหลังจากต้องตื่นไปทำงานแล้วทุกที

สำนวนดีแล้วครับ อยากตามมาอ่านต่อนะครับ

หวัดดีครับอาจารย์ ผมมาให้กำลังใจอาจารย์ครับ ไม่ได้คุยกันเลยครับ อย่างไรเสีย กลับถึงบ้านสมเด็จแล้ว อย่าลืมเขียนบล็อคต่อนะครับ ผมจะติดตามอ่านครับ

หวัดดีค่ะอาจารย์ (Be myself)

เห็นด้วยอย่างมากค่ะว่ามีขึ้นก็ต้องมีลง .... เพราะวันแรกที่ไปสัมมนาก็ได้ไปปั่นจักรยานเล่นเหมือนกัน

ตอนปั่นขึ้นเนินมันเหนื่อยมาก ต้องใช้แรง ความอดทน และความพยายามจริงๆ แต่เวลาเราขับลงมันช่างง่ายดายเสียจริง เร็วปื๊ด.... แต่เราต้องประคับประคองดีๆ ถ้าไม่ดีก็อาจพลาดล้ม หรือ ออกนอกเส้นทางได้ 

มันก็เหมือนกับชีวิตคนเรา......มีขึ้นมีลงนั่นแหละ ดูแลตัวเองดีๆ ก็อยู่ในโลกนี้ได้อย่างสมดุลเนอะ ....

ได้อ่านของอาจารย์   คงจะเป็นคนแรกๆ  แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็น  ด้วยเวลาและสถานที่ไม่อำนวย   อย่างที่บอกอาจารย์ด้วยวาจานะค่ะ  ว่าอาจารย์สิ่งที่อาจารย์เขียนเป็นสัจธรรม แล้วเขียนได้ดีแล้ว  และหวังว่าอาจารย์คงเขียนสาระดีๆ  ให้ชาว Gotoknow   ได้อ่านกันต่อไปนะคะ      จาก... สู้ทน

ตามมาดูธีมสวยๆ ใครทำเนี่ย 555 ดีใจที่ได้มาอ่านบันทึกของบล็อกเกอร์รุ่นน้อง ถือโอกาสเรียกเป็นรุ่นน้องเลย ทะลึ่งไปมั้ยคะ

การส่งต่อจะไปได้เร็วขึ้น และดีขึ้น ก็ต่อเมื่อมีแรงส่งที่ดี...

เนินเขาข้างหน้า ถ้าหากอยากจะขึ้นไป ก็ต้องออกแรงเยอะหน่อย   ....ตอนนี้ advisor  ทั้งถีบ ทั้งส่ง ..ไม่รู้เท่าไหร...แต่หนูก็ยังต้องการแรงส่งเยอะ ๆ อยู่ดี ..แง ๆ  ...จะพยายามต่อไป  และเป็นกำลังใจให้เพื่อนร่วมชะตาเดียวกันคะ...

 

จาก น้องนิว (อ.ราชภัฎ เหมือนก้นจ๊ะ...) อิอิ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท