เรื่องการกลับชาติมาเกิดเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อและยากที่จะพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์แต่ข่าวคราวเรื่องการกลับชาติมาเกิดมีปรากฏอยู่เนืองๆ เฉกเช่นเดียวกับเด็กชายชาวอินเดียคนหนึ่งที่มีชื่อว่าราเจซ
ราเจซ อายุ 15 ปี เกิดอยู่ในครอบครัวอัตคัตขัดสนม๊ากกกก.... พ่อและแม่มีอาชีพทำงานขายแรงไปวันๆ ราเจซมีพี่ชายร่วมมารดาเดียวกันอีกหนึ่งคนซึ่งพี่ก็มีอาชีพเฉกเช่นเดียวกับบิดามารดร ความโชคร้ายผ่านเข้ามาเยือนครอบครัวของราเจซอีกครั้งและเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมความจนยากของครอบครัวเข้าไปอีก เพราะพ่อของราเจซกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนและต้องหยุดทำงานชั่วนิรันดร์
อนึ่งทุกคนในครอบครัวของราเจซทั้งพ่อแม่และพี่ชายต่างไม่มีใครอ่านหนังสือได้เลย อาจเป็นเพราะไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนหนังสือด้วยเหตุที่ยากจนโชคดีที่ราเจซได้เข้าเรียนที่โรงเรียนท้องถิ่นในหมู่บ้าน
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ราเจซทำให้บรรดาคุณครูและเพื่อนๆแปลกใจคือราเจซพูดภาษาฮินดีไม่คล่องเลย (พูดได้บ้างแต่ไม่คล่องแคล่ว) แม้ว่าคนในพื้นที่และเพื่อนนักเรียนต่างก็ใช้ภาษาฮินดีในการสื่อสารทั้งพูดและเขียน
ยิ่งกว่านั้นต่อมาราเจซหยุดอ่านหยุดเขียนภาษาฮินดีไปเลยอยู่มาวันหนึ่งราเจซโกรธพ่อเพราะพ่อทำลายข้าวของในบ้าน ด้วยความโกรธราเจซจึงคว้าเอาก้อนอิฐปาหัวพ่อเป็นเหตุทำให้พ่อหัวแตกเลือดอาบด้วยความเสียใจกับการกระทำของตัวเองราเจซไม่พูดกับใครเลยและพยายามหลบหน้าฝูงชนเข้าไปอยู่ในซอกหลืบในโลกส่วนตัวของตนเองอยู่เป็นเวลา 3 เดือนแม้มีคนพยายามทำให้ราเจซพูดแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
หลังจากเวลาผ่านไป 3 เดือน ราเจซเริ่มปริปากพูดคุยกับคนในครอบครัวและบุคคลรอบข้าง แต่ภาษาที่ราเจซพูดไม่ใช่ภาษาฮินดี แต่เป็นภาษาอังกฤษและที่สำคัญราเจซพูดอังกฤษสำเนียงอเมริกันเสียด้วย
ชาวบ้านต่างพากันงุนงงกับพฤติกรรมของราเจซอย่างยิ่งเพราะไม่น่าเชื่อที่ราเจซจะพูดอังกฤษได้เพราะแม้แต่ภาษาฮินดีก็ยังไม่คล่อง ยิ่งไปกว่านั้นราเจซยังสร้างความอัศจรรย์ใจต่อบรรดาครูที่สอนเพราะราเจซเก่งในวิชาฟิสิกซ์และคณิตศาสตร์ เขาสามารถแก้โจทย์เพียงแค่สองสามวินาทีเท่านั้น แม้แต่ครูผู้สอนเองต้องใช้เวลานานในการแก้โจทย์ปัญหา
ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ชื่อว่าวิลเลี่ยมเจฟเฟอร์สันที่ราเจซสมัครเข้าเรียนเมื่อปีที่แล้ว (2006) กล่าวถึงบทความที่ราเจซเขียนเกี่ยวกับความทรงจำ สังคมวิทยาและเสรีภาพว่า เขาเขียนจากความรู้ที่น่าทึ่งจริงๆ
ราเจซเคยบอกผู้อำนวยการว่าเขาฝันบ่อยๆว่าเขาเห็นตัวเองอยู่ในสถาบันการศึกษาใหญ่มากในต่างประเทศ และในฝันเขาเห็นตัวเองทำงานในห้องแลปวิทยาศาสตร์
เมื่อถามราเจซเกี่ยวกับอดีตชาติ ราเจซมักจะบอกว่าในอดีตชาติเขาคือนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า Willis Regarde เขาจำทุกอย่างได้เกี่ยวกับชีวิตของนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ Willis ได้ และราเจซยังกล่าวอีกว่ามันช่วยไม่ได้ที่ความจำเช่นนี้ไม่เลือนหายไปจากตัวเขาตอนนี้สื่อมวลชนที่ทราบข่าวเกี่ยวกับราเจซต่างก็เดินทางไปหมู่บ้านเพื่อสัมภาษณ์และพบปะพูดคุยกับราเจซไอ้หนูมหัศจรรย์อย่างไม่ขาดสาย
แต่คนที่ทุกข์ใจที่สุดก็คือแม่ของราเจซเอง เพราะเธอไม่สามารถสื่อสารกับลูกชายของเธอได้เพราะเธอไม่รู้ภาษาอังกฤษเลยแม้แต่คำเดียว และตอนนี้ลูกชายของเธอไม่พูดภาษาฮินดีแล้วแม่ของราเจซเชื่อว่าตอนนี้ลูกชายของเธอถูกปีศาจร้ายเข้าสิงในร่าง เธอต้องการหาหมอผีมาทำพิธีปัดเป่าขับไล่วิญญาณและรักษาลูกของเธอให้เร็วที่สุด
สมมติว่าคนข้างเคียงท่านไม่เคยเรียนไม่เคยรู้ภาษาอังกฤษมาก่อนเลย วันหนึ่งลื่นเปลือกกล้วยล้มหัวน็อคพื้นสลบไปแล้วฟื้นตื่นขึ้นมาพูดภาษาอังกฤษจ้อ แล้วท่านจะคิดว่า เขากลับชาติมาเกิดมั้ย
* ขอบคุณ Deccan Chronicle 14-7-07
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วน่าสนใจนค่ะ ดิฉันเพิ่งจะพบคุณลุงคนหนึ่ง เล่าว่า ถอดจิตได้ตั้งแต่อายุได้ 2 เดือน และรู้เรื่องมาตลอด แต่พูด ไม่ได้ ต่อมาโตขึ้นพยายามที่จะสื่อสาร แต่ไม่มีคนเชื่อ และทุกวันนี้คุณลุงปฎิบัติธรรม อยู่ตลอด และมาเล่าให้ดิฉันฟัง เพราะคุณลุงบอกว่า ดิฉันต้องรับฟังแน่ๆ ก็เลยเป็นกัลยาณมิตร สนทนาธรรมกันมาตลอดค่ะ
สวัสดีค่ะ
การกลับชาติมาเกิด เป็นความเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดของวิญญาณทั้งในชีวิตนี้และหลังจากตาย ดิฉันเคยอ่านเจอในหนังสือ ว่า"ชีวิตเป็นเหมือนวงล้อใหญ่ ที่มีการเวียนว่ายตายเกิดและความทุกข์อย่างไม่มีวันจบสิ้น ที่จะทำให้วงเวียนชีวิตนี้ยุติลงได้ก็โดยการดับกิเลศหรือความปรารถนาของเนื้อหนังอย่างหมดสิ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่กรรมได้ยึดหรือผูกมัดจิตวิญญาณไว้ ถ้าทำดังนี้ได้ก็จะบรรลุถึงนิพพาน"
เรื่องนี้น่าสนใจมากเลยค่ะ เพราะส่วนตัวแล้วชอบอ่านหนังสือด้านนี้มาก
ที่เข้ามาทักทาย
ไม่ทราบท่านใดมีประสบการณ์ที่คิดว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาแลกเปลี่ยนกันบ้างครับ....
ผมก็มีเรื่องที่ผมไมอยากเล่าให้ฟังเหมือนกัน
ผมเป็นหนุ่มแล้วตอนนี้ผมอายุ 22 คุณรู้มั้ยก่อนจะเกิดคุณต้องผ่านอะไรมาบ้าง
ผมไม่ได้ระรึกชาติได้ แต่ชาติที่แล้วกับชาตินี้ผมคิดว่ามันเป็นชาติเดียวกัน
นอกจากเพื่อนสนิทผมกับแฟนผมแล้วผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย
เพราะถ้าใครรู้ผมจะกลายเป็นหมาตัวหนึ่งเลยละ
เรื่องก็คือ ในชาติที่แล้วผมชื่อ ทวีศักดิ์ วิจิสาทร ชื่อเล่นชื่อศักอยู่จังหวัดชัยภูมิ ผมจำได้ว่าในบัติประชาชนผมผมเกิดวันที่ 25 เดือน มกราคม พศ 2501 อยู่อำเภอแก้งคร้อ แต่ในชาตินี้ผมอยู่ในตัวจังหวัดและไม่คิดที่จะกลับไปที่แก้งคร้อเลย ไม่ใช่ผม อกตัญญูนะ แต่เพราะผมไม่อยากจำหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกับผมได้ ผมจะเล่าให้ฟังแต่มีข้อแม้ว่าผมจะไม่บอกชื่อจริงในชาตินี้ให้รู้กัน ผมจำด้ายว่าผมเรียนที่โรงเรียนแก้งคร้อหนองไผ่ ในอำเภอ ผมเรียนจบ
ชั้นประถมศึกษาปีที่4 ผมก็ออกมาทำงานช่วยพ่อแม่ทัมนา ผมมีพี่อยู่ 3 คน พี่ผมคนที่
3 อายุมากกว่าผม 7 ปี ผมเป็นลูกหล่าตามภาษาพื้นบ้าน พี่สามคนนี้จะอิจฉาผมเพราะแม่กับพ่อจะเอาใจใส่ผมมาก พี่ผมทั้งสามคนเรียนไม่จบสักคนเพราะมัวแต่ทัมงาน
แต่เวลาได้เงินมาไม่เคยเอามาใช้ในครอบครัวเลย เอาไปใช้ส่วนตัวหมด พี่ผมคนแรกชื่อป้อม เป็นพี่คนโต อายุมากกว่าผมตอนนั้น 10 ปี คนที่2 ชื่อ น้อย ผู้หญิง อายุมากกว่าผม 8 ปี และคนที่3 ชื่อแสง 7ปี พอผมอายุได้5ขวบพี่คนโตผมก็ย้ายไปอยู่กับเมียพอผมอายุ7ขวบพี่สาวผมก็แต่งงานไปอยู่ที่บ้านผัว ผมเคยถามแม่ว่าทัมไมไม่ให้พี่น้อยมาอยู่ที่บ้านละแม่บอกบ้านเราก็แค่นี้จะอยู่กันยังไง ส่วนพี่อีกคนคือพี่แสงตั้งแต่ผมทำงานได้เค้าไม่เคยเอาเงินมาให้ทางบ้านสักสลึงเลยพอผมอายุได้9ขวบแม่ก็เสียเพราะ รถชน
และที่มากกว่านั้นคือ ไม่มีหมาตัวใหนกลับมาดูแม่เลย โดยเฉพาะไอ้แสง ทั้งที่มันอยู่ใกล้กับไปอยู่บ้านเพื่อนที่ตัวจังหวัดเฉยเลย พองานศพแม่เสร็จผมก็เลยไปทำงานที่กรุงเทพ
คิดดูผมออกจากบ้านตอนอายุ 9 ขวบ ผมทำงานไม่เคยกลับบ้านเลย ทัมงานรวมทั้งหมดสามปีส่งตังมาอย่างเดียว ผมทำงานก่อสร้างกับลุงลุงผมชื่อลุงสม ที่ผมหยุดทำก็เพราะพ่อผมเสียในปี2513 ผมก็กลับบ้านพ่อผมโดนยิง เพราะมีเรื่องกับพ่อค้าวัว แต่ก็จับยังไม่ด้ายสักทีจนวันนี้ เพราะคดีหมดอายุความ เสร็จงานผมก็กลับมาอยู่กับลุงสมแล้วทัมงานเหมือนเดิมวันนั้นผมไปตลาดพอผมซื้อของกลับมาตอนประมาณ6โมงเย็นกำลังเข้าบ้านก็มีคนไล่ยิงกันมาผมโดนลูกหลงเข้าที่หัวแต่ผมวิ่งหนีมาจนถึงบ้านลุงโดยไม่หันกลับไปดู
แต่รู้สึกเจ็บที่หัว แพราะความตกใจจึงวิ่งมาถึงบ้านลุง พอถึงก็รีบเข้าไปหาลุงแต่หาทางเข้าไม่เจอเลยเดินไปที่หลังบ้านเห็นลุงกำลังตั้งเตาอยู่จึงเรียกลุงแต่เรียกยังไงก็ไม่ตอบทั้งที่อยู่ใกล้ๆกันแต่พอมีคนวิ่งมาเรียกลุงที่หน้าบ้านลุงกลับด้ายยินพอลุงได้ยินเรียกก็เดินไปหน้าบ้านผมจึงตามไปคนที่มาก็ตะโกนบอกว่าพี่สมหลานพี่ถูกยิงในใจก็คิดอ้าวพึ่งรู้หรอ
เลือดเต็มหัวอยู่เนียะแต่ประโยคต่อไปนี้สิหลานพี่นอนอยู่หน้าซอยนู้น ลุงผมก็วิ่งไปผมก็ตามไปจนถึงที่ที่ผมนอนอยู่ผมไม่ยอมรับผมวิ่งไปที่บ้านแล้วร้องใหอยู่หน้าบ้านจนมีผู้ชายคนหนึ่งอายุใกล้เคียงผมมายืนดูผมผมก็เลยถามมองเห็นกูหรอเค้าก็บอกก็กูตายแล้ว
ผมยิ่งหมั้นใจว่าผมตายแล้ว เค้าเลยถามผมว่าไปอยู่กับกูมั้ยผมก็ไม่รู้จะทัมยังไงก็เลยบอกไปว่าไปก็ไปเค้าก็เดินนำผมไปที่บ้านหลังหนึ่งหลังเล็กๆแต่สูงมากมีบันไดวนขึ้นไปข้างบนมีคนนั่งตามบันไดเต็มไปหมด แต่มีแม่ชีคนหนึ่งใส่ชุดขาวแต่ไม่โกนหัวบอกผมว่า
ศักเอ้ยออกมาเถอะอย่าไปอยู่ในนั้นเลยแล้วแม่ชีก็จูงมือผมออกมาพอหันหลังกลับไปดู
จากเป็นรูปร่างเหมือนบ้านกลับกลายเป็นต้นไม้สูงใหญ่ทีเดียว ผมจึงบอกแม่ชีว่าผมอยากดูศพผมแม่ชีจึงพาผมไปดูแต่ไม่ได้เดินไปนะพอคิดว่าจะไปก็แว๊บไปถึงเลย แล้วเวลาพูดก็ไม่ได้ขยับปากเลยแต่เพียงนึกว่าจะพูดอะไรอีกฝ่ายก็จะเข้าใจที่เราพูด พอเห็นศพที่โรงบาลผมก็ร้องให้ผมเลยถามแม่ชีว่าผมอยากไปหาแม่กับพ่อพอคิดก็มาเจอพ่อแม่กำลัง
โดนทรมาณอยู่เนื้อที่ตรงนั้นกว้างมากตอนนี้ในชาตินี้ผมก็อยู่แถวๆที่เค้าเรียกว่านรก
ทุกคนอาจจะไม่เข้าใจ ก็คือ นรกที่พ่อกับแม่ผมอยู่นะมันตั้งอยู่ในอำเภอภักดีชุมพล
ซึ่งไม่ใกลจากตัวเมืองเท่าไหร่นักโดยพื้นดินของนรกนี้จะตำกว่าพื้นดินธรรมดาเพียงหัวเข่าเท่านั้นผมเจอแม่แม่ก็บอกอย่ามาลูกออกไปชาติหน้ามีจริงเราค่อยพบกันใหม่ ผมโดดจะเข้าไปหาแม่จะช่วยแม่แต่ก็เข้าไม่ด้ายเหมือนมีประตูกระจกกั้นใว้แล้วก็มีคนตัวใหญ่ๆ
มาไล่ผมออกไปพอกลับมากรุงเทพผมก็ถามแม่ชีว่าทำยังไงผมถึงจะช่วยแม่กับพ่อผมได้
แม่ชีจึงบอกผมว่าตอนนี้ทำอะไรไม่ด้ายทั้งนั้นต้องมีชีวิตก่อนจะทำความดีหรือความชั่วก็อยู่ที่ตัวเราผมจึงถามทัมไมผมไม่ได้อยู่ในนรกละ เพราะชาติที่แล้วได้ตกนรกเพื่อใช้กรรมหมดแล้วมาชาตินี้ก็ไม่ได้ทำกรรมอะไรหนักหนาแต่ที่หนักที่สุดก็คือตอนสามขวบผมเอาไม่ไปทุบหัวจิ้งจกแต่ไม่ตายจึงทุบไปสิบกว่าครั้งจนมันตายจึงมีเจ้ากรรมนายเวรติดตามมาตั้งแต่นั้นแม่ชีก็คอยขอร้องอยู่ทุกวันแต่เค้าไม่ยอมฟังเมื่อตอนที่ถูกยิงแม่ชีก็เห็นแต่ช่วยอะไรไม่ด้ายเค้าผลักปืนมาทางศักแล้วเค้าก็กลับไปแต่เพราะความกตัญญูที่เคยทำมาเลยไม่มีกรรมติดตัวมาและมองเห็นแม่ชีได้ก็นับว่ามีบุญมากแล้วแล้วผมจึงถามว่าถ้าผมจะเกิดผมทัมยังไงครับแม่ชีก็บอกผู้หญิงที่เราจะไปเกิดด้วยนั้นจะต้องมีดวงที่เหมาะสมกับเราดูที่เอวจะมีวงสีส้นพันอยู่ผมจึงนึกถึงวงสีส้มผมก็แว๊บมาเจอผู้หญิงคนหนึง
(แม่ผมเอง)กำลังซื้อของอยู่ผมก็เลยเดินไปจับที่วงนั้นผมก็จำอะไรด้ายอีกทีก็ปี2533
ผม3ขวบผมเริ่มคุ้นกับอะไรหลายๆอย่าง อย่างเช่นแม่พูดถึงเรื่อง อ.แก้งคร้อ ผมก็นึกสะกิดใจว่าผมเคยรู้จักใช่มั้ย ยิ่งนานก็ยิ่งจำด้ายหลายๆเรื่อง จนผมอายุ10ขวบผมจำได้ทุกอย่างเหมื่อนชาติที่แล้วกับชาตินี้เป็นชาติเดียวกันผมจึงขอแม่ว่าผมอยากบวชเรียนแม่ก็ปลึกษาพ่อ(ผมขอไม่บอกชื่อคนในครอบครัวผมนะครับ)จึงตกลงกันว่าให้ผมไปบวชผมขอบวชวัดคลองลี้ใกล้กับที่ที่แม่ผมในชาติที่แล้วอยู่ตอนตายผมก็สวดมนต์กับพระทุกรูปอย่างเคร่งครัดทำตามศิลทั้งสิบอย่างเคร่งครัดโดยหวังว่าแม่จะได้รับบุญมากๆ
จนผมบวชเรียนจบผมก็สึกโดยพ่อกับแม่บอกให้สึก จึงมาเรียนต่อ ม.3 ในโรงเรียนในเมืองจนจบ ม.6 ทุกปีช่วงสงกรานต์ผมจะบวชภาคฤดูร้อนทุกๆปี และวันใหนว่างๆผมก็จะไปนั่งเล่นในตัวอำเภอภักดีชุมพลอยู่เสมอเพราะอยากให้แม่รู้ว่าผมไม่ทิ้งพ่อกับแม่นะ
และผมไม่คิดจะตามหาพี่น้องของผมเลยและไม่เคยกลับไปแก้งคร้อด้วย ส่วนลุงผม
ปีที่แล้วผมเคยไปตามหาที่กรุงเทพแต่มันกลายเป็นห้างโลตัสเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีวาสนาก็คงได้เจอกันแต่ถ้าลูกลุงมาอ่านเจอก็ติดต่อกลับมาหาผมนะ ผมยังไม่ได้ตอบแทนลุงเลยที่เลียงดูผม กลับมาตายซะก่อน แต่ยังไงก็ฝากเพื่อนๆช่วยโพสให้หน่อยนะครับ
อยากเจอลุงมาก ใครอยากคุยกับผมก็แอตมานะครับ [email protected] ขอบคุณครับที่รับฟัง
และอยากฝากใว้ว่า อย่าประมาถกับชีวิตนะครับคุณอาจจะตายตอนใหนก็ด้าย
อยากทำอะไรที่ดีๆกับใครก็รีบๆทำนะครับ ถึงวันนั้นอยากจะทำก็ทำไม่ด้ายนะครับ
เคยรู้จักหรือปล่าววะอะไรอย่างนี้ผ่านไป