"ชุมชนอินทรีย์" ผลัดกันเป็นเจ้าภาพคนละปี...ดี...จริงหรือ...
จากข้อความที่ว่า "...ทุกหน่วยงานเป็นของชุมชน มิใช่ชุมชนจะเป็นของหน่วยงาน ชาวบ้านจะหยิบใช้หน่วยงานใด ไปใช้ประโยชน์ในเรื่องใดก็สามารถทำได้ ชาวบ้านและภาค ราชการ หรือหน่วยงานต่าง ๆ จะต้องมีการเรียนรู้ และมีจิตสาธารณะร่วมกันในการทำงาน..."
เป็นปาฐกถา ของท่านผู้ว่าวิชม ทองสงค์ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งผมในฐานะที่เป็นคนปฏิบัติงานในพื้นที่ตัวน้อยๆ ไม่ค่อยมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นในเวทีที่สูงใหญ่ หรืออาจเรียกว่าระบายออกไปก็เป็นภัยกับตัวทำนองนั้น
มองจากคำพูดของท่านผู้ว่าฯ ท่านต้องการให้ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกันโดยใช้ประชาชนเป็นฐานในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของทุกหน่วยงาน และหากเป็นไปได้ ก็น่าที่จะบูรณาการการทำงานร่วมกัน...และหากมองถึงโครงการพัฒนาตามนโยบายของจังหวัด...(ชุมชนอินทรีย์) ที่ท่านผู้ว่าตั้งความหวังไว้สูงมากสำหรับโครงการนี้...โดยได้วางแผนการดำเนินกิจกรรมไว้ 5 ปี และได้ให้หน่วยงานบูรณาการการทำงานโดยใช้การจัดการความรู้ (KM) เป็นเครื่องมือในการดำเนินงานเต็มพื้นที่ 165 ตำบล 1,551 หมู่บ้าน โดยมีเจ้าภาพหลักเป็นรายปี
เจ้าภาพหลักที่ว่านี้คือ ปีที่ 1 สำนักงานปกครองร่วมกับเครือข่ายยมมนา ปีที่ 2 ให้กศน. เป็นเจ้าภาพหลัก ปีที่ 3 ให้เกษตร เป็นเจ้าภาพหลัก ปีที่ 4 ให้สาธารณสุขร่วมกับพัฒนาชุมชนเป็นเจ้าภาพหลัก โดยทุกหน่วยงานจะต้องทำงานร่วมกัน...หมายถึงการจัดกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นของปีใหนทุกหน่วยงานจะต้องเข้าไปร่วมทำ
จากการดำเนินโครงการที่ผ่านมา...น้อยครั้ง...หรือเกือบไม่มีเลยที่ทุกหน่วยงานไปทำกิจกรรมกระบวนการเวทีชุมชนร่วมกันทั้งทุกพื้นที่ตำบล.... อาจเป็นเพราะงานในหน่วยงาน หรืองานฟังค์ชั่น มีมาก หรือด้วยเหตุผลกลใดก็มิอาจทราบได้...แต่หมายถึง...คำพูดที่ท่านผู้ว่าฯ พูดไว้และฝากความหวังก็ทำให้ดูเหมือนจะไม่เป็นผล...
ในความคิดของผม ผมคิดว่าหากหน่วยงานภาคีเครือข่าย ไม่เข้าร่วมกิจกรรมก็ไม่สามารถที่จะสานต่อโครงการในปีต่อไปได้เพราะไม่รู้เป้าหมายอยู่ตรงใหน หรือแม้แต่งานในฟังค์ชั่น ของตัวเองก็เดินไปได้ยากเพราะไม่รู้ถึงความต้องการของชาวบ้านจริง.... ผมเอาเองจากการดำเนินงานที่ผ่านมาครับว่า....ภาคีเครือข่ายรอให้ถึงเวลาที่เป็นเจ้าภาพหลักแล้วค่อยทำงาน...ประสบการณ์จากปีที่ผ่านมาบอกชัดเจนครับ...ว่าส่งไม้กันไม่ถูก....ปีแรกเล่นเป็นกลุ่มเป้าหมายครัวเรือน...แต่คนที่รับไม้ต้องการเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเพื่อที่หน่วยงานของตนเองจะลงไปจัดกิจกรรมได้สะดวก....และถึงปีต่อไปก็คงมีปัญหาอีก....เพราะเป้าหมายหรือธงของแต่ละหน่วยงานไม่เหมือนกัน....และคิดว่าเมื่อรับไม้ต่อไปก็มองเป้าหมายที่เป็นงานฟังค์ชั่นของตนเอง ซึ่งคิดว่าผิดไปจากเป้าหมายเดิมขึ้นไปอีกรอบหนึ่ง....
แต่...หากทุกหน่วยงานเข้าไปร่วมกันทำกิจกรรมกระบวนการตั้งแต่เริ่มปีที่ 1 จนถึงปีที่ 5 คิดว่าการดำเนินการคงจะดำเนินไปด้วยดีทั้ง 5 ปีเพราะแต่ละหน่วยงานจะได้ตั้งฐานของตัวเองกับกลุ่มเป้าหมาย แสดงถึงว่าชาวบ้านจะได้รับรู้เป้าหมาย หรืองานฟังค์ชั่นของแต่ละหน่วยงานตั้งแต่ต้น และจะเป็นเรื่องดี ที่ชุมชนจะมีโอกาสและเวลาในการเตรียมตัวได้ตั้งรับโครงการกิจกรรมต่าง ๆที่จะลงรายละเอียดไปปีต่อๆไปอีกด้วย....
จากการดำเนินงานที่ผ่านมามันจะเข้ากับคำปรารภของท่าน ผู้ว่าฯ ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 ว่า "...ตอนนี้หน่วยงานที่มาร่วมกระบวนการน้อยเพราะเป็นห่วงงานในฟังค์ชั่นของตนเอง ต้องดูงานที่สามารถเชื่อมโยง และบูรณาการกันได้จึงจะทำได้สะดวกขึ้น..." หากพิจารณาให้ดีแล้วคือท่านผ้ว่าต้องการให้ทุกหน่วยงานลงไปทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้น....และให้งานโครงการเนียนไปกับเนื้องานของตนเองหรืองานฟังค์ชั่นของแต่ละหน่วยงาน...
อีกอย่างหนึ่งครับ...หากหน่วยงานไม่เข้ามาร่วมกระบวนการตั้งแต่ต้นแล้วการทำกระบวนการไม่สามารถที่จะทำได้ อย่างราบรื่นเพราะไม่รู้ว่าแต่ละหน่วยงานลงไปร่วมตรงใหน....เรื่องอะไร...ที่มันตรงกับความต้องการของชาวบ้าน บางครั้งที่ชาวบ้านมีคำถามปรึกษาแต่หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนั้นโดยตรงไม่มา ก็ไม่สามารถให้ความกระจ่างกับเวทีได้....
จะว่าไปแล้วก็อยู่ที่คุณเอื้อ ของแต่ละหน่วยงานละครับ...ตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ก่อนที่จะมาถึงคนทำงานระดับพื้นที่เหมือนพวกผม....หากมีการบูรณาการการทำงานกันอย่างจริงจังตั้งแต่ระดับข้างบนลงมา....ระดับพื้นที่คงไม่มีปัญหาหรอกครับ...เพราะงานของพวกเรานั้นคลุกในพื้นที่อยู่แล้ว.... น่าจะมองตรงจุดที่เราใช้คำพูดว่า "...บูรณาการการทำงานร่วมกัน..." ในการขับเคลื่อนโครงการ คือเปลี่ยนจากการพูดมาทำอย่างจริงจังๆ อย่ารอกับการเป็นเจ้าภาพรายปี แล้วเราจะได้เห็น "ชุมชนอินทรีย์" ตามที่หวังนะครับ....