g_bass
ว่าที่ ร.ต. กริช สอิ้งทอง

ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ตอนที่ 1


Trip ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ 1

สวัสดีครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียนนะครับ ก็คงจะเขียนเรื่องใกล้ตัวก่อนก็แล้วกัน ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน หลายๆ คนคงจะคิดว่าการท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนแบบนี้ไม่ค่อยมีอะไรน่าเที่ยวซักเท่าไหร่ จะไปที่ไหนก็ลำบาก แต่ผมขอบอกไว้ก่อนนะครับว่า การท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนอาจจะทำให้เรารู้สึกไม่สนุก แต่ในความไม่สนุกนั้นมีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าดู และน่าศึกษาครับ 

มาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมาผมได้พานักศึกษาที่เรียนในรายวิชาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ผมสอนออกทัศนศึกษาในเส้นทางเดินป่าบริเวณ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งในครั้งนี้ผมได้ซื้อโปรแกรมทัวร์จาก บานาน่า เกสต์เฮาส์ ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ในเชียงใหม่ (บอกก่อนนะครับว่าไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ เพียงแต่ขออ้างอิงนิดหน่อยครับ) 

โปรแกรมทัวร์ที่ไปกันในครั้งนี้เป็นทัวร์เดินป่า หรือที่เราจะรู้จักกันในคำว่า Trekking Tour ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดินป่าที่ผมคิดว่าตั้งแต่ผมเดินป่ามาเส้นทางนี้ถือว่าเป็นเส้นทางที่โหดร้ายอีกเส้นทางหนึ่งในชีวิต คือ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดียวกันกับเทือกเขาดอยอินทนนท์ (คือถ้าเดินต่อไปอีกซัก 3 กิโล....แม้ว ก็จะถึงดอยอินทนนท์แล้วครับ) 

เราออกเดินทางกันประมาณ 8 โมงเช้า จาก ม.ราชภัฎเชียงใหม่ โดยรถกระบะของ บานาน่า เกสต์เฮาส์ และรถสี่ล้อแดง เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ที่แรกที่เราไป คือปางช้าง ไปนั่งช้างก่อนครับ ก็ลองดูภาพเองก็แล้วกันครับว่าสนุกสนานกันแค่ไหน   ซึ่งปางช้างนี้เปิดโอกาสให้นักศึกษาที่ไปได้สัมผัสกับการนั่งคอช้าง ซึ่งเป็นที่ที่ควาญช้างนั่ง อย่าง 3 ภาพหลังนี้เป็นนักศึกษานะครับ แต่ก็ยังอยู่ในความดูแลของควาญช้างครับ (หลายคนอาจจะสงสัยนะครับว่า แล้วควาญช้างจะดูแลเราอย่างไร ในเมื่อที่นั่งของควาญถูกนักศึกษายึดไปแล้ว คำตอบก็คือ ควาญช้างก็เดินตามช้างไปด้วยไงครับ)

 

<div style="text-align: center"> </div><p>ไปคราวนี้ผมก็ได้ความรู้ใหม่อีกอย่างครับ หลายคนอาจจะสงสัยว่าควาญช้างเขาบังคับให้ช้างเดินเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวาอย่างไร ผมก็พึ่งได้คำตอบจากการทัศนศึกษาในครั้งนี้ครับ ก็คือว่า ถ้าจะให้ช้างเลี้ยวซ้ายให้เอาเท้ากระทุ้งที่หลังหูขวาของช้าง แต่ถ้าจะให้เลี้ยวขวาก็เอาเท้ากระทุ้งที่หลังหูซ้ายของช้าง (เท้าที่กระทุ้งนี้เป็นเท้าของคนที่นั่งบนคอช้างนะครับ ไม่ใช่เท้าของคนที่นั่งหลังช้างนะครับ) อีกอย่างพอดีที่ปางช้างนี้มีลูกช้างที่พึ่งเกิดใหม่ อายุประมาณ 5 เดือน กำลังน่ารัก น่าเอ็นดู และก็กำลังซน อยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่องและก็เป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน รวมถึงนักศึกษาที่ไปด้วยกัน  </p><p> </p><p>หลังจากที่นั่งช้างแล้วเดินทางต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึงหมู่บ้านต้นทาง จุดเริ่มต้นของเส้นทางการเดินป่า  เดี๋ยวคราวหน้าผมจะมาเล่าต่อนะครับ ไม่ใช่ขี้เกียจนะครับ พอดีกำลังสัมมนา KM ที่เชียงใหม่ (555 ขอสารภาพว่า แอบพิมพ์เวลาสัมมนาครับไม่ใช่ไม่ฟังนะครับ ฟังครับ ประมาณว่า มือพิมพ์ หูฟังครับ)</p>

หมายเลขบันทึก: 119493เขียนเมื่อ 14 สิงหาคม 2007 12:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ตามมาดู
  • ชอบอ่านเรื่องแบบนี้
  • เขียนมาอีกนะครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

ชอบ "เที่ยว" และชอบอ่าน "เรื่องเที่ยว" มากค่ะ

จะคอยตามอ่านและแอบนำความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อาจารย์สอนมาบรรจุเพิ่มเติมไว้ใน "กระเป๋าเดินทาง" ส่วนตัวนะคะ

( เป็นชาว km chiangmai เหมือนกันค่ะ แต่วันที่สัมมนาไม่ได้พบอาจารย์ มาพบกันในนี้ ก็ขอทักทายคำว่า "สวัสดี" และ "ยินดีที่พบกัน" ณ โอกาสนี้ค่ะ")

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท