งานโครงการหลวงเฉลิมพระเกียรติที่ประเทศเดนมาร์กและสวีเดน


ผู้เข้าชมงานได้ชื่นชมการจัดบูธของโครงการหลวงว่าจัดได้สวยงาม น่าสนใจและสมพระเกียรติอย่างยิ่ง
งานโครงการหลวงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 80 พรรษา ณ ประเทศเดนมาร์ค และสวีเดน              ระหว่างวันที่ 8 -17 มิถุนายน 2550ได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปจัดงานโครงการหลวงเฉลิมพระเกียรติ ที่เดนมาร์กและสวีเดนจึงขอนำสรุปรายงานมาไว้ดังนี้                        นับเนื่องจากเมื่อ 37 ปีที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเขา ที่ทำลายป่าเพื่อปลูกฝิ่นอยู่ทั่วไปแต่ยากจน  จึงพระราชทานพระราชดำริตั้งโครงการหลวง โดยมีพระราชประสงค์จะลดพื้นที่การปลูกฝิ่น รักษาพื้นที่ต้นน้ำลำธาร และช่วยเหลือชาวเขาที่มีฐานะยากจนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภูเขาสูง ซึ่งอยู่ห่างไกลและทุรกันดาร เป็นกำลังใจแก่อาสาสมัคร นักวิจัย และผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่โครงการหลวงอย่างต่อเนื่องยาวนาน   จากเดิมพื้นที่บนภูเขาในภาคเหนือของประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่เคยมีการปลูกฝิ่นอยู่ทั่วไปเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ปัจจุบันเปลี่ยนสภาพมาเป็นพื้นที่ทำการเกษตรภายใต้ระบบ
การอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสม ทั้งนี้สืบเนื่องจากการที่โครงการหลวงได้นำผลจากการศึกษาและวิจัยที่ได้พืชชนิดใหม่ๆ ที่เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมและสังคมของที่สูง ด้วยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานของรัฐในการพัฒนาด้านต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ ในการพัฒนาด้านการชลประทาน การอนุรักษ์ดินและน้ำ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ  และการพัฒนาสังคม เพื่อให้เกิดความสงบสุขและยั่งยืน ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ชาวเขาได้นำความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดไปใช้ในการปลูกพืชเพื่อดำรงชีวิต ทดแทนการพึ่งพาปลูกฝิ่นได้อย่างเหมาะสมและได้ผลดี ปัจจุบันการปลูกฝิ่นหมดไปจากประเทศไทย ชาวเขามีความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพการเกษตรและนอกการเกษตร มีรายได้เฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 64,000 บาทต่อครัวเรือน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสิ่งแวดล้อมได้รับการฟื้นฟู โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน นับเป็นการวางรากฐานและแบบอย่างที่สำคัญของการแก้ไขปัญหาการปลูกพืชเสพติดบนพื้นที่สูงได้อย่างยั่งยืน ส่งผลให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของตามแนวชายแดน 
 ปัจจุบันพื้นที่โครงการหลวงเป็นพื้นที่บนภูเขาสูง มีความหนาวเย็นและมีธรรมชาติที่งดงาม  ชุมชนในพื้นที่โครงการหลวงซึ่งประกอบด้วยชนชาวเขารวม 15 เผ่าเป็นชุมชนที่มีความสงบสุข มีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทำให้พื้นที่โครงการหลวงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเพิ่มขึ้นตลอดเวลา นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มีศักยภาพของประเทศ นอกจากนี้ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของชาวเขาจากโครงการหลวง ที่ส่งออกจำหน่ายสู่ตลาดหลากหลายชนิด ทั้งผลผลิตสดผลิตภัณฑ์แปรรูป งานหัตถกรรม และดอกไม้แห้ง ซึ่งมีมากกว่า 1,600 ชนิด ถือเป็นสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่น่าเชื่อถือของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ    เพื่อเป็นการเชิดชูและเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในต่างประเทศถึงพระอัจฉริยภาพในงานด้านการพัฒนาการเกษตรและสังคม ทำให้ชาวเขาในประเทศไทยเปลี่ยนสภาพจากการพึ่งพาปลูกฝิ่นกันอยู่ทั่วไปกลับมาเป็นการปลูกพืชและทำการเกษตรภายใต้ระบบการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสม สภาพธรรมชาติได้รับการฟื้นฟูโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานของรัฐในระดับต่างๆ เกษตรกรชาวเขาสามารถปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ที่ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ รวมทั้งการแปรรูปไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ  มูลนิธิโครงการหลวงและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงจึงได้จัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติโดยการเผยแพร่ไปยังชุมชนต่างประเทศให้แพร่หลาย โดยในปี พ.ศ.2550   นี้ได้จัดขึ้น  2 ครั้ง ใน 2   ประเทศคือ  ประเทศเดนมาร์ก และประเทศสวีเดนโดยขยายผลจากเดิมที่เป็นการจัดงานให้เฉพาะเฉพาะกลุ่มเป้าหมายในวงจำกัด เป็นการส่งเสริมและเผยแพร่โดยการเปิดงานให้กับประชาชนโดยทั่วไปได้มีโอกาสเข้าชมอีกด้วย ซึ่งการดำเนินงานเป็นแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ มูลนิธิโครงการหลวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูต และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ  รวมทั้งผู้ประกอบการภาคเอกชนทั้งในประเทศไทย และสหภาพยุโรป  สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการคือ         1  เพื่อเฉลิมพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 80 พรรษา โดยการส่งเสริมและเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับงานโครงการหลวงให้แพร่หลายในสหภาพยุโรป.2  เพื่อเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวโครงการหลวงของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มีความงดงามทางธรรมชาติ มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เดินทางได้ตลอดปี 3  เพื่อให้สินค้าโครงการหลวงเป็นที่รู้จัก   รูปแบบและกิจกรรมในงาน                 การจัดงานในปี พ.ศ. 2550 เป็นการจัดงานซึ่งมีกิจกรรมแตกต่างจากปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มการจัดกิจกรรมเพื่อเปิดให้กับประชาชนที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมนิทรรศการได้ทั้งสองแห่ง คือที่ ประเทศเดนมาร์ค ในวันที่ 12 มิถุนายน 2550 และประเทศสวีเดน ในวันที่ 15 – 16 มิถุนายน 2550 1  การประชาสัมพันธ์  มีการประชาสัมพันธ์ก่อนงาน  เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจ และกิจกรรมโครงการหลวงทางสื่อมวลชน และเว็บไซด์  รวมทั้งการติดโปสเตอร์หน้าสถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุล  สถานที่จัดงาน  การส่งจดหมายเชิญ  บัตรเชิญ ไปตามกลุ่มเป้าหมายต่างๆ              2   กิจกรรมเผยแพร่พระราชกรณีกิจ (1) การจัดนิทรรศการแสดงพระราชกรณีกิจเกี่ยวกับงานโครงการหลวง แสดงถึงผลสำเร็จของโครงการหลวงในการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนฝิ่น รวมถึงการเผยแพร่เอกสาร การฉายวีดีโอและวีดีทัศน์ และการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับโครงการหลวง รวมทั้งความก้าวหน้าของงานในด้านต่างๆ   (2)  การจัดเลี้ยงแก่กลุ่มเป้าหมาย (ประเทศละ 200 – 300 คน)                 3   กิจกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเผยแพร่ผลผลิตและผลิตภัณฑ์  (1)  การจัดนิทรรศการแหล่งท่องเที่ยวโครงการหลวงแสดงถึงความสวยงามทางธรรมชาติ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมชนเผ่า โดยมีการฉายวิดีโอเผยแพร่กิจกรรมต่างๆ  การออกร้านจำหน่ายอาหารไทย และผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง  ผลิตภัณฑ์ OTOP  (2)  กิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย  และการเผยแพร่ข้อมูลการท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่โครงการหลวงให้แก่กลุ่มเป้าหมาย   (3)  การแสดงผลผลิตด้านการเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโครงการหลวง รวมทั้งนำเสนอข้อมูลสินค้าผลผลิตของโครงการหลวง เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อผลผลิตและสินค้าโครงการหลวงที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งเพื่อผลักดันและทดสอบการส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์โครงการหลวงในตลาดสหภาพยุโรป  ได้แก่  ผลิตภัณฑ์การแปรรูป  ชา  สมุนไพร  หัตถกรรม  และดอกไม้แห้งหน่วยงานรับผิดชอบหลักของการจัดงานนี้คือ มูลนิธิโครงการหลวงร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง(องค์การมหาชน)  สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำสหภาพยุโรป สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโคเปนเฮเกนและกรุงสตอคโฮล์ม  นอกจากนี้ยังมี หน่วยงานสนับสนุนในประเทศคือกรมส่งเสริมการส่งออก กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัทการบินไทยจำกัด
(มหาชน) สถาบันการศึกษา และภาคเอกชนที่ร่วมโครงการ รวมทั้ง  หน่วยงานสนับสนุนในสหภาพยุโรปคือ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ สำนักส่งเสริมการท่องเที่ยแห่งประเทศไทย                              พิธีเปิดงาน ณ กรุงโคเปนเฮเกน  ประเทศเดนมาร์ก                                                         ม.จ.ภีศเดช  รัชนี  ประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้เสด็จมายังสถานที่จัดงานเวลา  11.00 น.  โดยมี  ออท.ชัยสิริ  อนะมานและภริยา  รวมทั้งข้าราชการและชาวไทยที่อาศัยอยู่ในเดนมาร์ก  เป็นผู้ถวายการต้อนรับ  ต่อมา  เวลาประมาณ  11.15  น.  ม.จ.ภีศเดชฯ ได้ประทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเดนมาร์กเกี่ยวกับภูมิหลังและวัตถุประสงค์ของโครงการหลวง  รวมทั้ง  ความร่วมมือของโครงการหลวงกับต่างประเทศ  โดยมีนักข่าวเดนมาร์กประกอบด้วย                  นาย Uzi  Frank  จากหนังสือพิมพ์  Copenhagen  Post  นาย  Hasse  Fenold  ช่างภาพจากหนังสือพิมพ์ Copenhagen Post นาย Peter  Steensen  นักข่าวอิสระ  นาย  Mikkel  Tofte  Jorgensen  นักข่าวอิสระ  และนาง  Hanna  Munkebo  นักข่าวจากหนังสือพิมพ์  Kalundborg Folkeblad  เข้ารับฟังการประทานสัมภาษณ์                               ต่อมา เวลา 12.00 น.  ได้มีพิธีเปิดงานโดย ออท.ชัยสิริฯ เป็นผู้กล่าวต้อนรับ ม.จ.ภีศเดชฯ และแขกรับเชิญ  ประกอบด้วยคณะทูตานุทูต  สมาชิกสมาคม Danish-Thai Society  กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ไทยประจำกรุงโคเปนเฮเกนและกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำวิลนีอุส  นักธุรกิจ  สื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติอื่นๆ รวมประมาณ 150 คน  ซึ่ง ม.จ.ภีศเดชฯ ได้ตรัสว่า  ในวโรกาสที่ปี 2550  เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา  จึงมีการจัดงานโครงการหลวงเฉลิมพระเกียรตินี้ขึ้น  และโครงการหลวงได้จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อริเริ่มโครงการปลูกพืชทดแทน  สร้างอาชีพให้เกษตรกรชาวเขา  และการที่เลือกมาจัดโครงการหลวงในเดนมาร์ก  ก็สืบเนื่องมาจาก  การที่ไทยและเดนมาร์กมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาเป็นเวลานาน  และตรัสถึงการถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดระยะเวลา 38 ปีที่ผ่านมา  โดยไม่ท้อถอยตลอดจนและการที่โครงการหลวงได้รับรางวัลแม็กไซไซด้วย                              ภายหลังการกล่าวเปิดงานได้มีการฉายวีดีทัศน์เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของโครงการหลวงให้แขกรับเชิญได้ชม  มีการแสดงนาฏศิลป์และการบรรเลงดนตรีไทย  ก่อนที่จะมีงานเลี้ยงรับรองแก่แขกรับเชิญ  ในระหว่างการจัดงานครั้งนี้ ม.จ.ภีศเดชฯ ได้มอบโล่ห์และประกาศนียบัตรแก่บรรดาคนไทยในเดนมาร์กที่มีส่วนร่วมในการจัดงานในครั้งนี้  ประกอบด้วย  นักแสดง  ผู้ประสานการจัดงานของคณะฯ  ประธานสมาคมการค้าไทย-เดนมาร์ก  ร้านอาหารไทย  และผู้ที่มาสาธิตการแกะสลักผักและผลไม้ไทย                           ภายในงาน  ได้มีการจำหน่ายอาหารไทยโดยร้านอาหารไทยจำนวน 7 ร้านในกรุงโคเปนเฮเกน  ซึ่งเป็นร้านที่ได้รับใบประกาศรับรองคุณภาพ Thai Select  ได้แก่  Thai Thai take away, ร้านบ้านแก้ว, Lemongrass, Blue Elephent White Elephant, Thai Esan และร้าน Bangkok รวมทั้ง  ซุ้มอาหารของ สอท.ซึ่งจำหน่ายอาหารไทยให้ผู้เข้าชมงาน  ซึ่งอาหารไทยได้รับความนิยมจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมาก  นอกจากนี้  ยังได้มีการจัดตั้งซุ้มแสดงสินค้า OTOP  และสินค้าหัตถกรรมไทย  โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ  ซุ้มของสำนักงานการบินไทย  ซุ้มสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  ซุ้มแสดงสินค้าโครงการหลวงและซุ้มการแกะสลักผักและผลไม้  เพื่อเป็นการแสดงศิลปะวัฒนธรรมของไทยให้เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวต่างชาติและเพื่อส่งเสริมให้ชาวเดนมาร์กสนใจไปท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น  และส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าไทยในเดนมาร์ก ทั้งนี้ หลังจากพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการแล้ว ได้มีผู้เข้าชมงานอย่างต่อเนื่องอีกจนถึงเวลา 19.00 น.                          การจัดงานครั้งนี้  นับว่าประสบความสำเร็จในด้านการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นที่รู้จักในหมู่สาธารณชนเดนมาร์ก  โดยเฉพาะโครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่น  เกษตรกรรมแบบยั่งยืนและที่สำคัญการมีความร่วมมือกับต่างประเทศในด้านการริเริ่มโครงการปลูกพืชทดแทน อาทิ อาฟกานิสถาน  โคลัมเบีย เป็นต้น  นอกจากนี้  ยังเป็นการแนะนำการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิทยาบริเวณทางภาคเหนือของไทยให้แก่คณะทูตานุทูตและชาวเดนมาร์ก  ตลอดจนนักธุรกิจและสื่อมวลชนที่สนใจได้รู้จัก  นับเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว  เพื่อชักชวนให้ผู้เข้าชมงานเดินทางไปท่องเที่ยวไทยทางภาคเหนือมากขึ้นสำหรับ สินค้าโครงการหลวงและสินค้า OTOP ที่นำมาจำหน่ายสามารถจำหน่ายได้มากกว่า 80 เปอร์เซนต์                           พิธีเปิดงานที่กรุงสตอคโฮล์ม                                   ม.จ.ภีศเดช รัชนี  ประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้เสด็จมายังสถานที่จัดงานเวลา 10.15 น. โดยมี อทป.ธนวิทย์  สิงหาเสนี  และภริยา  ในฐานะผู้แทน ออท. และภริยา เป็นผู้ถวายการต้อนรับ ต่อมาเวลา 10.30 น. ม.จ.ภีศเดชฯ ทรงประทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การดำเนินงานโครงการหลวง และประโยชน์ของโครงการ และเมื่อเวลา 11.30 น. ได้มีพิธีเปิดงานโดย อทป.ธนวิทย์ฯ ได้กล่าวต้อนรับ ม.จ.ภีศเดชฯ และแขกรับเชิญ และกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้  ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะเป็นวโรกาสเฉลิมฉลอง 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนสถานที่ก็มีความเหมาะสมเพราะสวีเดนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับไทย  โดยเฉพาะในเหล่าพระราชวงศ์ และประชาชน  และมีบทบาทสนับสนุนโครงการพัฒนาต่างๆ ของไทยมาตลอด  ต่อจากนั้น ม.จ.ภีศเดชฯ ได้กล่าวเปิดงาน  โดยกล่าวถึงความเป็นมาของโครงการหลวง  ประโยชน์ที่ได้รับต่อชาวเขา  และต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  และเล่าถึงการถวายงานเกี่ยวกับโครงการในหลายๆ สิบปีที่ผ่านมา  จากผลงานและคุณประโยชน์ของโครงการหลวง  ทำให้ได้รับรางวัลแมกไซไซ  ต่อด้วยการฉายวีดีทัศน์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  และโครงการหลวง  และหลังจากนั้นเป็นงานเลี้ยงรับรองแก่แขกรับเชิญที่มาร่วมงาน                  ม.จ. ภีศเดชฯ ได้เป็นประธานมอบโล่ห์ที่ระลึกแก่ผู้ที่สนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้  สำหรับแขกรับเชิญระดับสูงที่มาร่วมงาน  มีอาทิ  อดีต สมุหราชมณเฑียร  อธิบดีกรมพิธีการทูต  ข้าราชการระดับสูงจาก กพ.สวีเดนรวมทั้งส่วนราชการต่างๆ นักธุรกิจสวีดิช สื่อมวลชน คณะทูตานุทูต ประจำสวีเดน และผู้แทนสมาคมชุมชนไทยในสวีเดน โดยมีแขกร่วมงานประมาณ 200 คน ส่วนงานที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วม เริ่มเวลา 14.00 ถึง 19.00 น. ซึ่งมีผู้เข้าชมรวมประมาณ 300 คน ส่วนในวันที่ 16 มิ.ย. 50 งานเปิดระหว่างเวลา 10.00 - 19.00 น. มีผู้เข้าชมงานรวมประมาณ 400 คน รวมทั้งสองวันมีผู้เข้าร่วมงาน 900 คน                          การจัดงานเผยแพร่โครงการหลวงเฉลิมพระเกียรติ ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก  และกรุงสตอคโฮล์ม  ประเทศสวีเดน  ครั้งสรุปได้ว่า                1)  การจัดงานเลี้ยงรับรองและงานเผยแพร่โครงการหลวงเฉลิมพระเกียรติ  ซึ่งเป็นกิจกรรมหลัก  ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี  โดยมีผู้เข้ามาร่วมงานตามจำนวนเป้าหมายที่กำหนดไว้  จากการสอบถามความคิดเห็นผู้มาร่วมงาน  พบว่ามีความพึงพอใจมาก  โดยได้รับความรู้และรับทราบงานของโครงการหลวง  รู้สึกประทับใจและรู้สึกชื่นชมในพระจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่ง  รวมทั้งในด้านของสิ้นค้าดอยคำซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ  มีชื่อเสียงและกำลังจะขยายด้านการตลาดเพื่อให้แพร่หลายยิ่งขึ้น                2)  การจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  นิทรรศการแหล่งท่องเที่ยว  และสินค้าโครงการหลวงในงาน  ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน  โดยมีผู้เข้ามาร่วมงานจำนวนมาก  ซึ่งส่วนใหญ่ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยได้มีการสอบถามข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับงานของโครงการหลวง  รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวและสินค้าของโครงการหลวง  ผู้เข้าชมงานได้ชื่นชมการจัดบูธของโครงการหลวงว่าจัดได้สวยงาม  น่าสนใจ  สมพระเกียรติอย่างยิ่ง                3)  สินค้าของโครงการหลวง  ที่นำไปจัดแสดง  ซึ่งได้แก่  ผลิตภัณฑ์แปรรูป  อาทิ  น้ำผลไม้ดอยคำ            ชาสมุนไพร  งานหัตถกรรม  อาทิ  ผ้าทอดคลุมไหล่  เครื่องเงิน  พบว่ามีผู้สนใจซื้อเป็นจำนวนมาก                4) การจัดงานโครงการหลวงเฉลิมพระเกียรติฯในครั้งนี้ถือว่า  ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งในด้านการเผยแพร่พระเกียรติคุณ  พระมหากรุณาธิคุณ  และพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  โดยเฉพาะแนวพระราชดำริในการลดพื้นที่ปลูกฝิ่น  รักษาพื้นที่ต้นน้ำลำธาร  และช่วยเหลือชาวเขาที่มีฐานะยากจนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  ทำให้เป็นที่ประจักษ์และสร้างความประทับใจแก่ผู้ชมทั้งชาวสวีเดน  สื่อมวลชนสวีเดน  และคณะทูตานุทูตในสวีเดน  นอกจากนั้นยังเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทย  อาหารไทย  และสินค้าไทย  ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย  ตอกย้ำกระแสนิยมไทยให้แก่ชาวสวีเดนและการเชิญชวนให้ไปท่องเที่ยวและเยี่ยมชมศูนย์ต่างๆ ของโครงการหลวง  สมตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ตั้งไว้                                     
หมายเลขบันทึก: 119371เขียนเมื่อ 14 สิงหาคม 2007 00:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม 2012 11:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท