เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา ทางออกของปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้


ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

 

 

คุยกันพาเพลิน

                 สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน คงเหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว เราประชาชนชาวไทยควรไปร่วมใช้สิทธิ ในการลงประชามติ รับ ร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ใครจะรับหรือไม่รับ ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล Sunday – weekly คิดว่าหลัง 16 สิงหาคม 2550 คงจะทำการเมืองชัดเจนมาก หลังจากได้มีโอกาสฟังเพลง แผ่นดินของเรา เป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์ http://www.rspg.org/songs/hm28.htm  จึงทำให้ Sunday- weekly  ได้เขียนบทความอันใหม่ขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

                    แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ 21- 24 สิงหาคม 2550 ชุมนุมคุ้มครองผู้บริโภคโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค


 

                    

เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา ทางออกของปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

                   วันนี้ปัญหาใหญ่ของประเทศมิได้อยู่ที่ ร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 จะผ่านหรือไม่ผ่านการลงประชามติ เพราะกลไกลทางสังคมจะเป็นตัวกำหดว่าหากร่างรัฐธรรมนูญผ่าน สังคมจะก้าวไปอย่างไร และ หากร่างรัฐธรรมนูญนั้นไม่ผ่านสังคมจะก้าวไปจุดใด  แต่ปัญหาที่แท้จริง ณ วันนี้คือ ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้เกิดเป็นวิกฤตเรื้อรังของประเทศ กระนั้นแล้วทางฝ่ายรัฐบาลเองก็ยังได้ออกมายอมรับว่าการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คงมิอาจแก้ไขได้ในช่วงเวลาของรัฐบาลชั่วคราว

                   ดังนั้นอะไรคือแนวทางหรือทางออกของปัญหาวิกฤต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีคำอยู่ 3 คำที่เป็นจะเป็นทางออกของปัญหาคือ เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา หากท่านทั้งหลายหรือหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าใจในบริบทของ คำทั้ง 3  คำนี้อย่างถ่องแท้แล้ว การเดินไปสู่ทางออกในการแก้ไขปัญหาวิฤต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็คงจะพบทางออกอย่างแน่นอน

                   ต้องยอรับในประการแรกก่อนว่า การเริ่มต้นแก้ไขปัญหาวิกฤต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ การเข้าถึง ฉะนั้นการเข้าถึงในที่นี้มิได้หมายความว่าเป็นการส่งกำลังทหารลงไปทั่วทุกพื้นที่ แต่เป็นการเข้าถึงประชาชนมากกว่า เข้าถึงประชาชนในแง่ที่ว่า ประชนก็ไว้วางในภาครัฐ และ ภาครัฐเองก็ต้องให้ความคุ้มครองประชาชนได้ มิใช่ว่าต่างฝ่ายต่างเกิดความระแวงซึ่งกันและกัน หากเป็นเช่นนี้การเริ่มต้นการแก้ไขปัญหาก็ไม่เกิด และการเข้าถึงก็คงยากที่จะเกิดเช่นกัน

                     เมื่อเข้าถึงประชาชนแล้ว สิ่งสำคัญประการที่สองคือ ต้องเข้าใจ ตลอดระยะเวลาของการเกิดวิกฤตปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  ภาครัฐหรือฝ่ายการเมือง จะออกมาบอกกล่าวเสมอว่าเข้าใจในปัญหา ถ้าหากเข้าใจในปัญหาแล้วทำไมยังคงเกิดปัญหาบานปลายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ก็คงทำให้ต้องคิดอย่างหนักอีกว่า เข้าใจอะไรกันแน่

                    เข้าใจในที่นี้คือ เข้าใจถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมของประชาชนในพื้นที่ว่า เขามีวัฒนธรรมอย่างไร โดยในที่นี้ขอกล่าวถึงวัฒนธรรมอันดีงามของประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ วัฒนธรรมการดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ตรงนี้คือวัฒนธรรมการดำรงชีวิตหลักของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน  หรือต้องเข้าใจว่าหลักศาสนา การปฏิบัติตามหลักศาสนาเป็นอย่างไร ฉะนั้นแล้วความขัดแย้งของฝ่ายความมั่นคงกับประชาชนในพื้นที่ ได้เกิดขึ้นในการกระทำหรือพฤติกรรมของฝ่ายความมั่นคงเองที่ไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรม ศาสนา หากไม่เข้าใจเช่นนี้แล้ว ก็ยากที่ประชาชนจะไว้วางใจ หรือ มาเป็นพลังมวลชนให้กับฝ่ายความมั่นคง

                     เมื่อเข้าใจ ว่า วัฒนธรรม ศาสนา ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างไร ก็จะนำมาสู่การพัฒนาที่ถูกต้อง ตลอดระยะเวลาการดำรงอยู่ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำให้การพัฒนาของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามระหว่างวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ กับ สิ่งที่รัฐบาลต้องการพัฒนา ต้องยอมรับบนพื้นฐานที่ว่าชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นชีวิที่เรียบง่าย การที่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณพยายามจะสร้างแหล่งอบายมุข เช่น บ่อนกาสิโน หรือ ห้างสรรพสินค้า ย่อมขัดต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

                     

                     สิ่งสำคัญที่สุดของการพัฒนาคือ หากเมื่อใดก็ตามแต่การพัฒนาที่กำลังจะเกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการพัฒนาที่มีทิศทางเดียว คือการพัฒนาภายใต้ระบบทุนนิยม เช่นต้องมีห้างสรรพสินค้า มีระบบขนส่งที่ดี มีโรงงานอุตสาหกรรม มีแหล่งอบายมุข มีการใช้เงินทุนเป็นใหญ่แล้ว การพัฒนานั้นจะนำไปสู่การไม่ยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน เพราะการพัฒนาตรงนี้มุ่งนำไปสู่ชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อ ลุ่มหลงมัวเมากับเงินตรา ซึ่งขัดกับหลักคำสอนของศาสนา เมื่อการพัฒนาเดินไปสู่จุดที่ประชาชนไม่ยอมรับ การจะดึงให้ประชาชนมาเป็นมวลชนให้กับรัฐ  ประชาชนอาจเลือกเดินไปกับกลุ่มที่อยู่ในที่มืดก็ย่อมที่จะเป็นได้

    ความไม่เข้าถึง ไม่เข้าใจ และการพัฒนาที่ขัดกับวัฒนธรรมของประชาชนในพื้นที่ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ประชาชนในพื้นที่เดินคนละทางกับภาครัฐมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้นการสร้างพลังมวลชนในพื้นที่เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาจะไม่เกิดขึ้นได้เลย หากภาครัฐยังเป็นเฉกเช่นนี้นานวันเข้าสถานการณ์ได้ดึงให้มีกลุ่มประชาชนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในที่มืดเดินเกมส์ต่อสู้กับภาครัฐ ในรูปแบบที่ฝ่ายความมั่นคงยืนอยู่ในที่สว่างและกลุ่มก่อความไม่สงบเรียบร้อยยืนอยู่ในที่มืด

                     

                   ดังนั้นผู้เขียนจึงอยากย้ำว่า การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเดินไปสู่ความปกติสุข ภารัฐ หรือ ภาคการเมือง ต้องมีความเข้าใจในคำ 3 คำที่ได้กล่าวข้างต้นคือ เข้าถึง เข้าใจ และ พัฒนา หากยังไม่เข้าใจ หรือ ไม่สนใจที่จะเข้าใจ การแก้ไขปัญหาก็จะไม่สำเร็จ และ ปัญหาจะบานปลายใหญ่โตเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงดำรงอยู่เฉกเช่นทุกวันนี้ แหลมทองของสยามประเทศจะแปดเปื้อนเลือดของประชาชนชาวไทยจำนวนกี่หยดจึงจะพอที่จะทำให้ให้วิกฤตครั้งนี้หยุดนิ่งสงบลง

อาทิตย์นี้คงพอเท่านี้พบกันใหม่อาทิตย์หน้า

หมายเลขบันทึก: 118891เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2007 16:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 21:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เขียนดีอ่ะ โดยเฉพาะตอนสรุปอ่ะ เข้าุถึง เข้าำใจ และพัฒนา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท