ในรูปข้างบนนี้ วงกลมใหญ่สีเขียวแทน ความจำระยะยาว (LTM) เป็นพื้นที่ๆบรรจุความรู้จากโลกภายนอกทั้งหมด แต่ยังไม่ได้รับการกระตุ้นให้แสดงกิจกรรมตอบสนอง วงกลมสีขาวแทนความจำระยะสั้น (STM) เป็นพื้นที่ๆแสดงกิจกรรมของสารที่เข้ามาจากภายนอกผ่านการรู้สึกสัมผัส(SM)(วงรีสีเหลือง)เข้ามารวมกับความรู้จาก LTM ที่ถูกดึง(Retrieval) หรือระลึก(Recall)ออกมาจากLTM, เป็นพื้นที่ๆเรียกว่า ความรู้สึก ที่เราทุกคนรู้สึกตัวอยู่ในขณะนี้ ลูกศรโค้ง แทนการทบทวน(Rehearsal)
การทบทวน คือการพูดซ้ำกับตัวเองในจิต(ที่บางคนเรียกว่าการพูดกับตัวเองในลำคอ) ตราบใดที่มีการทำซ้ำ ตราบนั้นสิ่งที่ถูกทำซ้ำนั้นจะยังคงอยู่ต่อไปใน STM
ช่วงความจำ(Memory Span) คือจำนวนหน่วยของสารที่สามารถคงอยู่ในSTM ในช่วงเวลาประมาณครึ่งนาที ซึ่งมีอย่างต่ำประมาณ 5 หน่วย อย่างสูงประมาณ 9 หน่วย เฉลี่ยประมาณ 7 หน่วย ทั้งนี้ โดยไม่มีการทบทวนสารดังกล่าว คำว่า หน่วย นี้ อาจจะเป็นตัวอักษรแต่ละตัว เช่น ก,ข,ค,...; A,B,C,...; 1,2,3,...; หรือ กลุ่มตัวอักษร เช่น กหว,ทฉฮ,รยผ,...; นก,คน,ปลา,...; นกแร้ง,คนกล้า,ป่าดงดิบ,...; ฯลฯ ก็ได้ แต่ถ้าหน่วยใหญ่ขึ้นจะจำได้น้อยลง ช่วงความจำนี้ ถือว่าเป็นความจุของ STM (โปรดดู The Magical Number Seven,...ที่บันทึกของ ดร.จันทวรรณ น้อยวัน ที่ http://gotoknow.org/cognition )
ช่วงความจำของ STM นี้ มีความสัมพันธ์กับการทบทวน คือถ้ามีการทบทวนเข้ามาช่วยด้วย ก็จะทำให้จำหน่วยสารต่างๆได้นาน และจำได้มากกว่า 7 หน่วยก็ได้
นอกจากนี้ การทบทวน ยังสัมพันธ์กับ LTM กล่าวคือ ถ้ายิ่งทบทวนมากครั้งจะทำให้จำคงทนใน LTM มากขึ้นด้วย
การทบทวน เป็นแบบเดียวกับการท่องจำ แต่การท่องจำเป็นการทำด้วยพฤติกรรมภายนอกที่สังเกตได้ การทำซ้ำใดๆก็เป็นการทบทวน การอ่านซ้ำ การทำเลขซ้ำ การท่องสูตรคณิตศาสตร์ สูตรเคมี สูตรฟิสิกส์ ซ้ำ การท่องกฎของวิชาต่างๆซ้ำ ฯลฯ การอ่านแล้วอ่านอีก การทำเลขซ้ำๆเป็นพันเป็นหมื่นข้อก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฯลฯ ก็เป็นการทบทวน การกวดวิชาถ้าเป็นการเรียนซ้ำก็เป็นการทบทวน พฤติกรรมที่เรียกว่าความขยัน ก็เป็นการทบทวน
การทบทวนมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย ส่วนดีก็คือ ทำให้สิ่งที่ทบทวนนั้นคงทนใน STM และหรือในLTM ได้นาน หรือทำให้ช่วงความจำใน STM กว้างมากขึ้น ส่วนเสียก็คือ มีแนวโน้มที่จะทำให้มีทักษะในการคิดทางเดียว(Convergent Thinking) มากกว่าคิดหลายทิศทาง(Divergent Thinking) หรือความคิดสร้างสรรค์(Creative Thinking) นั่นก็คือ ถ้าเน้นการฝึกฝนการทบทวนหรือการท่องจำตามแบบดังที่กล่าวมาเป็นเวลานานๆ เช่น ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงปริญญาเอก แล้วละก้อ ความคิดทางเดียวจะพัฒนามาก แต่ความคิดสร้างสรรค์จะถูกขัดขวางไม่ให้พัฒนา ยังผลให้คนเช่นนั้นคิดสร้างสรรค์ไม่เป็น เขาอาจจะเรียนตามตำรา ตามความรู้ที่คนอื่นคิดไว้ให้แล้ว ได้ดี แต่เขาไม่อาจจะคิดสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ได้เลย เขาไม่อาจจะคิดออกแบบงานวิจัยใหม่แปลกได้ ไม่อาจจะคิดสร้างสูตรใหม่ๆทางคณิตศาสตร์ ไม่อาจจะค้นพบกฎใหม่แปลกไม่เหมือนใครได้ ไม่อาจจะสร้างทฤษฎีใหม่ๆ สร้างวรรณกรรมใหม่ๆ สร้างงานศิลปะใหม่ๆ ไม่อาจจะสร้างงานสถาปัตยกรรมใหม่แปลก สร้างงานเทคโนโลยีใหม่แปลก ฯลฯ ไว้ให้โลกได้ชื่นชมได้เลย การศึกษาที่เน้นการทำซ้ำ หรือการท่อง ดังตัวอย่างที่กล่าวมา จึงเป็นการศึกษาที่ทำลายทรัพยากรมนุษย์อันล้ำค่าของโลกไปเลยทีเดียว แต่เรายังโชคดีอยู่นะครับที่ผู้รับผิดชอบทางการศึกษาให้สัญญาณชี้ถึงความตระหนักในเรื่องนี้ เช่น ความพยายามที่จะหยุดยั้งการกวดวิชาเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย พยายามออก พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ที่ระบุเน้นให้สถานศึกษาเน้นการพัฒนาความคิดมากกว่าการท่องจำ เป็นต้น จึงเป็นสิ่งที่น่าปลื้มปีติ และยังไม่สายครับ.
ไม่มีความเห็น