ใครมีเทคนิคพิเศษ ในการใช้กระบวนการพยาบาล ช่วยบอกหน่อย
กระบวนการพยาบาลเป็นหัวใจสำคัญของวิชาชีพแต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพยาบาลจึงมีความความเข้าใจและใช้กระบวนการพยาบาลได้น้อย โดยเฉพาะนักศึกษา ผู้เขียนเป็นครูสอนfundaมานานกว่า10 ปีแล้วแต่ก็ยังหนักใจว่าจะสอนให้นักศึกษาเก่งในการใช้NPได้อย่างไร ล่าสุดทดลองใช้วิธีการสอบปฏิบัติการใช้NP กับนศ.ปี 3โดยให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานตามปกติคือดูassignment, pre-post conferenceทุกวัน, ปฏิบัติการพยาบาลแบบtotal careในผู้ป่วยที่ได้รับมอบหมาย เป็นเวลา 5 วัน หลังจากนั้นกำหนดวันสอบNP วันนั้นนศ.ไม่ต้องดูcaseล่วงหน้า ครูให้นศ.จับฉลากเลือกผู้ป่วยตอนเช้า หลังจากนั้นให้เวลาassess เป็นเวลา1/2วัน ขณะassessคุณครูก็สังเกตและประเมินทักษะการซักประวัติและตรวจร่างกาย หลังจากนั้นช่าวบ่ายก็ให้นศ.นำเสนอแผนการพยาบาล ผลปรากฎว่าเห็นศักยภาพของนศ.แต่ละคนชัดเจนมาก ครูก็ได้feedbackนศ.เป็นรายบุคคล นศ.ก็บอกว่าดีมากเลยอยากให้ทำต่อเนื่อง เเปลกแต่จริง กระบวนการเดิม ๆ ที่เราใช้กันให้นศ.ศึกษาผู้ป่วยล่วงหน้า ตอนเช้านศ.pre-conferece คุณครูให้ข้อเสนอแนะทุกวันแต่นศ.ไม่คอยมีพัฒนาการ...เป็นไปได้
การนำกระบวนการพยาบาลไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นไม่ยาก
-ขั้นการประเมินสภาพ นอกจากความรู้อื่นๆแล้ว ต้องเข้าใจเกี่ยวกับกรอบแนวคิดที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล พยาธิสรีรวิทยา การประเมินสภาพร่างกาย และข้อมูลที่ได้ต้องแม่นตรงและเชื่อถือได้ บนพื้นฐานความเอื้ออาทร
กระบวนการพยาบาลเป็นกรอบในการทำงานของพยาบาลให้ครอบคลุมและมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอน อย่างที่เราเรียนกันมานั่นแหละ แต่ว่าในเนื้องานจริงๆของแต่ละงานก็ขึ้นอยู่กับว่า กระบวนการทำงานหรือกระบวนการหลักของเราประกอบด้วยอะไรบ้าง เท่านั้น ก็จับกระบวนการหลักในการทำงานมาใส่เป็น Content เท่านั้นเอง
จริงแล้วพยาบาลเราก็ทำงานโดยอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์นั่นแหละ แต่บางครั้งก็ทำด้วยความเคยชิน ซึ่งอาจมาจากความรู้ที่สั่งสมมาตกตระกอน แต่บางครั้งก็เลยบอกสังคมไม่ได้ว่าใช้กระบวนการพยาบาลในการทำงานอย่างไร
แต่เชื่อว่าถ้าไปนั่งดูพยาบาล 1 คนทำงานโดย Observe อย่างเดียวต้องพบการใช้กระบวนการาพยาบาลในการทำงานอย่างแน่นอน
ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ค่ะ
...........สมเล็ก.........
ปัญหาการใช้กระบวนการพยาบาลไม่ใช่มาจากการไม่รู้กระบวนการ แต่มาจาก พื้นฐานการขาดทักษะในกระบวนการ เช่น
1.การประเมินภาวะสุขภาพ ถ้าขาดความรู้ ความแม่นในพื้นฐาน กายวิภาค สรรีร ก็จะขาดความเข้าใจกลไกการเปลี่ยนแปลงในภาวะสุขภาพที่เบี่ยงเบน
2.การกำหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล ถ้าไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ว่าข้อมูลอะไรที่เป็นประเด็นปัญหา ก็จะรู้สึกกำหนดยาก แต่จริงๆแล้ว วินิจฉัยทางการพยาบาล ควรจะเป็นอะไรที่ พยาบาลมองโดยยึดปัญหาและความต้องการการตอบสนองจากผู้ป่วยเป็นหลัก และอธิบายเหตุผลได้ จะไปสู่การกำหนดแผนการพยาบาลได้ไม่น่ายาก
วันนี้เสนอแนะสั้นๆเท่านี้ก่อนนะคะ
หลังจากที่เราจัดการฝึกประสบการณ์นักศึกษาพยาบาล เราพบว่า การใช้กระบวนการพยาบาล ของนักศึกษา ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาอย่างมาก ครูแต่ละคนมีทักษะในการสอนต่างๆกัน ดังนั้นวิทยาลัยจึงจัดการความรู้ในเรื่อง การพัฒนาสมรรถนะการใช้กระบวนการพยาบาล และเป็นที่สมใจเราได้แนวปฏิบัติที่ดี มาเผยแพร่เผื่อว่าใครสนใจจะนำไปใช้หรือมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม วิทยาลัยยินดีรับทุกๆความคิดเห็นเป็นอย่างมากเลยค่ะ ช่วยๆกันเพื่อวิชาชีพ
รายงานสรุปประเด็นความรู้จาก การประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อจัดการความรู้
เรื่อง การพัฒนาสมรรถนะการใช้กระบวนการพยาบาล ในการดูแลผู้ป่วยเด็ก
เทคนิคในการสอนให้นักศึกษามีพัฒนาการ การใช้กระบวนการพยาบาล
ขั้นที่ 1 การรวบรวมข้อมูล
1. ชี้ประเด็นแนวทางในการรวบรวมข้อมูล โดยเน้นconcept หรือKey word สำคัญในโรค/กลุ่มอาการเพื่อให้นักศึกษาสามารถจับประเด็นการรวบรวมข้อมูล
2. ให้แนวทางหลักในการรวบรวมข้อมูลซึ่งควรมาจาก 3 เรื่องใหญ่ๆได้แก่ 1. จากการสัมภาษณ์ประวัติ 2. การตรวจร่างกายและ3.การประเมินผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และเชื่อมโยงข้อมูล แนะนำ/ยกตัวอย่างการจัดหมวดหมู่ของข้อมูลให้เป็นระบบ
3. ชี้ประเด็นความแตกต่างในการรวบรวมข้อมูลระหว่างเด็กแต่ละวัยและผู้ใหญ่เน้นองค์รวมในการดูแลผู้ป่วยและใช้ครอบครัวเป็นศูนย์กลาง(Family Center Care)
4. ครูศึกษาcaseที่มอบหมายนักศึกษาก่อนล่วงหน้าเพื่อให้รู้ข้อมูลที่ชี้ประเด็นให้ชัดเจน
5. ช่วงการศึกษาผู้ป่วย/รวบรวมข้อมูลครูควรอยู่เป็นที่ปรึกษา(หากเป็นไปได้) เนื่องจากนักศึกษาอาจมีประเด็นในการซักถาม การตรวจร่างกายครูควรสาธิตให้นักศึกษาดูเป็นตัวอย่าง
6. ครูเชื่อมโยงข้อมูล และจัดหมวดหมู่ข้อมูล ยกตัวอย่างกรณีcaseที่แตกต่างและมีความหลากหลาย
7. ให้เขียนสรุปอาการก่อนรับไว้ในความดูแล สรุปเป็นประเด็นๆ เพื่อจัดหมวดหมู่ข้อมูล
ขั้นที่ 2 กำหนดข้อวินิจฉัยการพยาบาล
1. ให้นักศึกษาระบุข้อมูลประเด็นที่เป็นปัญหา /ข้อมูลที่สำคัญ เพื่อกำหนดข้อวินิจฉัยการพยาบาล ครูชี้ประเด็นให้เห็นการตั้งปัญหาในแต่ละLevelในความรุนแรงของปัญหา
2. ส่งเสริมการตั้งข้อวินิจฉัยปัญหาทางการพยาบาลให้สอดคล้องกับ NANDA รวมทั้งมีข้อมูลสนับสนุนให้เพียงพอและมีข้อมูลสอดคล้องกับปัญหา
3. ส่งเสริมให้กำหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลครอบคลุมองค์รวม
ขั้นที่ 3 วางแผนการพยาบาล
1. ส่งเสริมการวางแผนการพยาบาลให้สอดคล้องกับบริบทโดยเน้นให้เห็นความแตกต่างระหว่างการพยาบาลผู้ใหญ่กับเด็ก รวมทั้งกิจกรรมการพยาบาลควรมีความเป็นไปได้
2. กระตุ้นให้มีการประยุกต์ทฤษฎีมาใช้ในการวางแผนการพยาบาลอย่างเหมาะสม
3. ให้ประเด็น/ข้อมูลในการวางแผนการพยาบาลที่มีความเป็นไปได้ ให้เหมาะสมกับกรณีและบริบทในสถานการณ์จริง
ขั้นที่ 4 การปฏิบัติการพยาบาล
1. เป็นแบบอย่างในการสาธิตการปฏิบัติที่ถูกต้อง ชี้ประเด็นความแตกต่างระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ สอดแทรกความเอื้ออาทร
2. เน้นให้เห็นการปฏิบัติการพยาบาลที่ให้ครอบครัวมีส่วนร่วม และfamily center care
ขั้นที่ 5 การประเมินผล
3. พยายามติดตามpost conference เป็นระยะ เดินตรวจเยี่ยมประเมินผลเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้อภิปรายการประเมินผล
แนวปฏิบัติที่ดีในการสอนทำให้นักศึกษามีพัฒนาการการใช้กระบวนการพยาบาล
1.สอนกระบวนการMind Mapping เชื่อมโยงกระบวนการพยาบาล/การคิดอย่างมมีวิจารณญาณ
2.System thinking สะท้อนการคิดหรือพัฒนาการคิดของนักศึกษาให้เกิดการคิดอย่างเป็นระบบและเชื่อมโยงกระบวนการพยาบาลให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม
3.เรียนรู้จากประสบการณ์จริงสถานการณ์จริง
การพัฒนาสมรรถนะการใช้กระบวนการพยาบาล ในการดูแลผู้ป่วย
(1)
1.ให้นักศึกษาเขียนแผนการพยาบาลรายบุคคล ล่วงหน้าและมีการPre conference ตามที่วางแผนมา ครูให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมหลังจากนั้น ให้นักศึกษาปรับแก้ไขแผนการพยาบาล ใน
2.ให้นักศึกษาเขียนสรุปอาการก่อนรับไว้ในความดูแลโดยศึกษาจากเวชระเบียน การรักษาผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจร่างกายที่พบ สิ่งผิดปกติ เสนอเป็นลำดับ ๆ จนกระทั้งปัจจุบัน ผลของการรักษาสามารถควบคุมปัญหาของผู้ป่วยได้
3.ให้นักศึกษาประเมินภาพ 2 – 3 แบบแผน ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพ และวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นปัญหา จัดกลุ่มข้อมูลให้ชัดเจนและกำหนดข้อวินิฉัยทางการพยาบาล
4.ให้นักศึกษาไปศึกษา ความรู้เกี่ยวกับโรคและทำความเข้าใจในพยาธิสรีรภาพ
- แล้วให้นักศึกษาเขียนสรุป ถ้าเขียนไม่เป็นจะสอนให้นักศึกษาเขียนสรุปแผนการรักษาและสรุปอาการก่อนรับไว้ในความดูแล
- ให้นักศึกษาเตรียมเอกสารอ้างอิงใช้ประกอบกับ แผนการพยาบาลที่นักศึกษาวางแผนไว้ หรือเพื่อลดระยะเวลาสืบค้นด้วยการมี เอกสารประกอบการสอนให้ผู้เรียน
การพัฒนาสมรรถนะการใช้กระบวนการพยาบาล ในการดูแลผู้ป่วย
(2)
ขั้นเตรียมผู้เรียน
1. การเตรียมความพร้อมของนักศึกษา การสาธิตย้อนกลับในสถานการณ์จริงในการรวบรวมข้อมูล ,ความรู้เรื่องโรค , ศึกษาLab, ตัวอย่าง Case , การรักษา , ยา เป็นต้น
2. ถูกเตรียมความพร้อมจาก Case ตัวอย่าง (จริง)
3. เตรียมศึกษาเรื่อง ตามวัตถุประสงค์ รายวิชา ครอบคลุมโรค สาเหตุ พยาธิ การรักษาและการพยาบาล
4. สอน /แนะแนะการรวบรวมข้อมูล ละเอียดครอบคลุมจะไปสู่การเขียนข้อวินิจฉัย ภายใต้ข้อมูลที่พอ โดยระบุเกณฑ์ได้ครอบคลุม
ขั้นสอนในคลินิก
5. Pre-conference มีการเสริมจากครูนิเทศ และ staff nurse
6. ใช้การกระตุ้นความคิดวิจารณญาณ ในทุกกระบวนการโดยตั้งคำถามให้ตอบ
7. ให้ความสำคัญทั้ง อภิปรายก่อน-หลังให้การพยาบาล เพื่อเปิดโอกาสซักถาม แลกเปลี่ยนเรียนรู้และ สะท้อนคิด
8. ใช้เทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน โดยจับคู่ในการศึกษา Case ที่เหมือนกันและช่วยกันเรียนรู้
9. ใหันักศึกษาศึกษาแนวทางการพยาบาลจากทฤษฎีการพยาบาลเทียบกัน Case ที่ได้รับมอบหมาย
10. ร่วมกันอภิปรายทั้งแบบฝึกหัด และ Case จริงในตึก กระตุ้นให้นักศึกษากล้าพูด กล้าอธิบาย
11. ติดตามประเมินรายบุคคล จากรายงานการวางแผนการพยาบาล
12. ตรวจ / ให้การสะท้อนคิดจาก รายงานแผนการพยาบาล
13. ให้สรุป concept ตามหัวข้อที่ระบุวัตถุประสงค์การเรียนรู้
ใครเคยใช้กระบวนการพยาบาลโดยมุกดา โมเดลบ้าง ช่วยอธิบายหน่อยงงมาก แบบกำลังเข้าอบรมกับอาจารย์
ประโยชน์ของกระบวนการพยาบาล
1. กระบวนการพยาบาลที่ใช้ในผู้ป่วยจะช่วยกำ หนดขอบเขตของวิชาชีพพยาบาลได้ชัดเจน
ขึ้น และมองเห็นวัตถุประสงค์ของการพยาบาลที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของทีมสุขภาพ คือการแก้ไข
ปรับปรุง และฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วยเป็นสำ คัญ เพราะพยาบาลต้องรับผิดชอบสุขภาพของผู้ป่วยเท่าเทียมกับ
บุคลากรในทีมสุขภาพคนอื่นๆ
2. กระบวนการพยาบาลจะช่วยให้การปฏิบัติพยาบาลเป็นระบบขึ้น ก่อให้เกิดความเข้มแข็ง
และความมั่นคงของวิชาชีพพยาบาลจากความสามารถของพยาบาลในการนำ กระบวนการพยาบาลไปใช้ใน
การพยาบาลผู้ป่วยในสถานการณ์ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. เกิดความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งมีความภูมิใจในวิชาชีพ เพราะมองเห็นเป้า
หมายของงานที่ทำ อยู่และเป็นการสร้างสมรรถภาพของการปฏิบัติงานให้เป็นที่ยอมรับของสังคมพยาบาล
สังคมของทีมสุขภาพ และสังคมภายนอก ซึงถ้าพยาบาลใช้กระบวนการพยาบาลอย่างเป็นระบบจะทำ ให้การ
ปฏิบัติงานทำ ได้อย่างเหมาะสม และสามารถตอบ คำ ถามได้ว่า “การพยาบาลคืออะไร” ซึ่งถ้าพยาบาลทุกคน
ใช้กระบวนการพยาบาลในการให้การพยาบาลผู้ป่วยทุกราย คำ ตอบที่ได้จะไม่มีความแตกต่างกัน คือ การ
พยาบาลเป็นกระบวนการช่วยเหลือบุคคลให้ได้รับการแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่ ซึ่งอาจเป็นการแก้ปัญหาที่
พยาบาลช่วยเหลือ ประคับประคองจนสามารถ แก้ไขปัญหาได้ หรือพยาบาลเป็นผู้กระตุ้นให้ผู้ป่วยใช้สติ
ปัญญาในการแก้ไขปัญหาด้วยตัวของผู้ป่วยเอง ซึ่งปัญหาบางอย่างจำ เป็นต้องให้ผู้ป่วยยอมรับและหาวิธีการ
แก้ปัญหาด้วยตนเองจึงจะประสบผลสำ เร็จ
4. ช่วยในการสื่อสารระหว่างสมาชิกในทีม เป็นการลดความซํ้าซ้อนในการปฏิบัติการ
พยาบาล ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
5. เป็นการปรับปรุงคุณภาพการพยาบาล ช่วยให้มีการติดตามประเมินผลแต่ละขั้นตอนของ
กระบวนการพยาบาล
คุณลักษณะของกระบวนการพยาบาล
คุณลักษณะของกระบวนการพยาบาลมี 6 ประการคือ
1. มีเป้าหมาย (Purposeful) กระบวนการพยาบาลมีเป้าหมายเป็นตัวชี้นำ การปฏิบัติ ผู้ใช้
กระบวนการพยาบาลจะต้องกำ หนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมของผู้รับบริการให้ชัดเจน
2. เป็นระบบ (System) กระบวนการพยาบาลมีวิธีการและขั้นตอนที่ชัดเจนในการจัดการ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการดูแลที่บอกต่อกันมาหรือการดูแลเฉพาะ
สถาบัน
3. เป็นพลวัตร (Dynamic) กระบวนการพยาบาลไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ มีการปรับเปลี่ยนตลอด
เวลา และมีความต่อเนื่อง เหมาะสมกับความต้องการหรือปัญหาของผู้รับบริการ กล่าวคือ กระบวนการ
พยาบาลไม่หยุดนิ่งอยู่ที่การวางแผนเท่านั้น แต่ต้องมีการปฏิบัติการพยาบาลและการประเมินผลการพยาบาล
เมื่อประเมินผลแล้วถ้าพบว่ายังมีปัญหาทางการพยาบาลอยู่ ก็ต้องเริ่มต้นกระบวนการพยาบาลใหม่ด้วยการ
ประเมินภาวะสุขภาพใหม่ วินิจฉัยทางการพยาบาลใหม่และวางแผนการพยาบาลใหม่ เพื่อให้ผู้รับบริการได้
รับการแก้ปัญหานั้น ๆ ให้หมดไป คือมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพยาบาลและผู้รับบริการตลอดเวลา
4. มีปฏิสัมพันธ์ (Interactive) ตลอดกระบวนการพยาบาล พยาบาลต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้
รับบริการ ครอบครัว ชุมชน และบุคลากรอื่น ๆ ในทีมสุขภาพ เพื่อให้เกิดการดูแลผู้รับบริการเฉพาะบุคคล
5. มีความยืดหยุ่น (Flexible) กระบวนการพยาบาลสามารถนำ ไปปรับใช้ได้ทุกสถานการณ์
ทั้งรายบุคคล รายกลุ่ม หรือ ชุมชน ปฏิบัติที่ละขั้นตอนหรือปฏิบัติพร้อม ๆ กัน ไปในหลายขั้นตอนก็ได้
6. อยู่บนพื้นฐานของทฤษฏี (Theoretically base) กระบวนการพยาบาลได้รับการออกแบบ
จากพื้นฐานความรู้ที่กว้างขวางทั้งทางวิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และประยุกต์ใช้ได้กับทุก ๆ กรอบแนว
คิดทฤษฏีทางการพยาบาล
องค์ประกอบของกระบวนการพยาบาล
กระบวนการพยาบาลมีองค์ประกอบที่สำ คัญหรือมีขั้นตอนการดำ เนินงาน ดังนี้
ขั้นที่ 1 การประเมินสภาพผู้ป่วย (Assessment)
ขั้นที่ 2 การวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)
ขั้นที่ 3 การวางแผนการพยาบาล (Nursing Care Planning)
ขั้นที่ 4 การปฏิบัติการพยาบาล (Nursing Intervention)
ขั้นที่ 5 การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
การประเมินสภาพ (Assessment) เป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการพยาบาล เป็นการเก็บรวบรวม จัด
กลุม่ ตรวจสอบและบันทึกข้อมูลของผู้รับบริการอย่างมีระบบ โดยใช้แบบประเมินภาวะสุขภาพ แล้วนำ ข้อ
มูลมาวิเคราะห์เพื่อนำ ไปสู่การวินิจฉัยการพยาบาลต่อไป
การวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis) เป็นขั้นตอนของการดำ เนินการเกี่ยวกับข้อมูลที่เก็บรวบ
รวมมาได้ เพื่อนำ มาตัดสินว่าปัญหาหรือสภาวะสุขภาพของผู้รับบริการที่เกิดขึ้นในขณะนั้นคืออะไร หรือมี
แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นคืออะไร พยาบาลนำ ข้อมูลที่รวบรวมได้มาวิเคราะห์ แปลความ จัดกลุ่ม ตัดสิน และ
กำ หนดชื่อของภาวะสุขภาพนั้น เพื่อนำ ไปวางแผนการพยาบาลต่อไป
การวางแผนการพยาบาล (Nursing Care Planning) เป็นขั้นตอนที่พยาบาลนำ เอาปัญหาหรือสภาวะ
สุขภาพของผู้รับบริการที่ประเมินได้จากขั้นตอนการวินิจฉัยมาจักลำ ดับความสำ คัญของปัญหา เพื่อให้ทราบ
ว่าปัญหาใดต้องได้รับการแก้ไขก่อนหลัง จากนั้นกำ หนดจุดมุ่งหมายของการพยาบาล กำ หนดเกณฑ์การ
ประเมินผล กำ หนดกิจกรรมการพยาบาล และเขียนแผนการพยาบาลลงในแบบฟอร์มแผนการพยาบาลเป็น
ลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน
การปฏิบัติการพยาบาล (Nursing Intervention) เป็นขั้นตอนเพื่อนำ แผนที่กำ หนดไว้ในขั้นที่ 3 มาสู่
การปฏิบัติจริงกับผู้ป่วย เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ ในขั้นตอนนี้พยาบาลต้องมีความรู้ ความเข้าใจถึง
ศาสตร์ทางการพยาบาลและศาสตร์สาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดูแลผู้รับบริการได้อย่างเหมาะสม ภายหลัง
ปฏิบัติการพยาบาลแล้วจะต้องทำ การบันทึกกิจกรรมที่ได้ให้
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation) เป็นการประเมินว่าผู้รับบริการได้รับการดูแลและมีการ
พัฒนาไปสูจุ่ดมุ่งหมายที่วางไว้ตามเกณฑ์ที่กำ หนดหรือไม่ ในขั้นตอนนี้พยาบาลและผู้รับบริการต้องตัดสิน
ร่วมกันว่าแผนการพยาบาลได้ผลหรือไม่ มีปัจจัยใดที่มีผลทำ ให้บรรลุผลหรือล้มเหลว ถ้าพบว่าการพยาบาล
ที่ปฏิบัติไม่บรรลุเป้าหมาย จำ เป็นต้องปรับแผนการพยาบาลใหม่ โดยเริ่มดำ เนินการตั้งแต่ข้อ 1-4 ใหม่ จน
สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
คิดว่า พยาบาลเกือบ 100% ว่ากระบวนการพยาบาลดีอย่างไร แต่การสะท้อนการนำกระบวนการพยาบาลลงสู่การบันทึก โดยมีภาระงานที่หนัก มีNursing Product 130-140% เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ เพราะเราต้องใช้เวลาส่วนใหญ่คลุกคลีใกล้ชิดอยู่กับคนไข้ แทบทุกคนที่สามารถบันทึกได้ครอบคลุม ต้องใช้เวลาหลังส่งเวรให้เวรตอไปเสร็จแล้วอีกเฉลี่ยประมาณ 1-1.30 ชม.จึงจะได้ลงเวร (โดยทุกคนต้องขึ้น OTประมาณ 15-18เวร/เดือน เนื่องจากขาดอัตรากำลัง)
พอจะมีวิธีการไหนที่จะกระทำได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมผู้ป่วยทุกรายบ้างมั้ยค่ะ จะได้เป็นสิ่งจูงใจให้ปฏฺบัติได้จริง
ตอนนี้ทำงานด้าน assesment คนไข้ oncho มีหลักเกณฑ์ใดบ้างที่ใช้ในการasses คนไข้กลุ่มดังกล่าว ขอบคุณคะ