“คนสมัยนี้มันฆ่ากันง่ายเหลือเกิน”
ประไพพรรณเอ่ยขึ้นเมื่อเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง อรุณีกับดิฉันนั่งตรงข้าม จึงไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงใคร
“ฟุตบอลเป็นเหตุซะด้วย ผัวจะดูบอล เมียจะดูดาวพระศุกร์ พ่อเจ้าประคุณโมโหเลยกดโป้งเข้าให้ เมียตาย ตัวเองต้องระเห็จเข้าคุกไป เวรแท้ๆ”
“มีลูกหรือเปล่าไม่รู้ ถ้ามีก็น่าสรสารเด็ก” อรุณีเอื้อมมือดึงหนังสือพิมพ์มาจากประไพพรรณ
“ยังมีอีกข่าวหนึ่งด้วย” เธอบอกเมื่อพลิกดูด้านใน “ผัวถูกเมียจามด้วยอีโต้ ฐานที่เห็นเมียเป็นกระสอบทรายเคลื่อนที่”
“ตายมั้ย?” ประภาพรรณถาม
“ไม่น่าถาม แต่ก็สมแล้วล่ะ เมามาแล้วซ้อมเมียนี่ไม่สมควรตายเหรอ”
“ใจร้ายจัง” ประภาพรรณบ่น “เปล่า..ไม่ได้ว่าเธอ ฉันหมายถึงคนที่เป็นฆาตกรน่ะ”
“ฮือ..” อรุณีทำเสียงครางในลำคอ “ฉันว่านะอีกไม่นานเราคงจะได้อ่านข่าวฆ่าฟันเพราะเบี้ยวพนันบอล คอยดูซี”
“ฉันไม่เห็นใครจะรวยขึ้นมาเพราะการพนันหรือมี?” ประไพพรรณหันมาถาม
“เอ..ไม่รู้ซิ” ดิฉันตอบ “มีคนพูดว่าไฟไหม้บ้านยังเหลือที่ดิน แต่ผีพนันเข้าสิงเมื่อไหร่ ทั้งที่ทั้งบ้านไม่เหลือหลอ”
“เล่นการพนันนี่เป็นข้อหนึ่งในอบายมุข 7 ประการ พระพุทธเจ้าชี้โทษของการพนันให้รู้แล้วทำไมยังไม่รู้จักเกรงกลัวกันบ้างหนอ” อรุณีรำพึงรำพัน
“ความโลภไง! ได้แล้วอยากได้อีก ที่เสียก็พยายามแก้ตัวใหม่เพราะอยากได้คืน” พระไพพรรณให้ความเห็น
…พระท่านว่าความโลภเป็นกิเลส เมื่อเกิดขึ้นในจิตใจคนแล้ว ย่อมนำความทุกข์มาให้เสมอ เช่น มีความอยากในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็จะถูกเผาลนด้วยความอยาก แล้วจิตนั้นก็จะเร้าร้อนด้วยแรงปรารถนาจนเกิดเป็นตัณหา คือ ทำให้จิตดิ้นรน
เมื่อจิตดิ้นถึงจุดหนึ่ง จะมีการแสวงหาเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ
บนเส้นทางการแสวงหานั้น หากขาดการควบคุมความอยากให้ดี การแสวงหาอาจผิดกฎหมาย ผิดศีลแล้วความเดือดร้อนเพราะต้องรับโทษทัณฑ์ทางกฎหมายก็จะติดตามมา
หากเพียงผิดศีลก็จะมีทุกข์ ไม่สบายใจ ในหนังสือ “เทศโกวาท” กล่าวไว้ว่า “ใจเป็นบ่อเกิดของกิเลสทั้งหลาย เป็นบ่อเกิดของอารมณ์ทั้งปวง ความดีความชั่วเกิดที่ใจเหมือนกัน ถ้าหากมีสติควบคุมจิต คอยกลั่นกรองจิต กำจัดความชั่วให้ออกไปเสีย เหลือแต่ความดีไว้ในจิตใจของตน จึงจะปรากฏแต่ความดี ถ้าความชั่วไหลเข้ามาในใจของเรามิ เราไม่มีสติกลั่นกรองก็จะเหลือแต่ความชั่ว กองอยู่ในใจของเราทั้งหมด”
ถึงแม้กิเลสจะเป็นสิ่งคู่กับมนุษย์ แต่ถ้าไม่คอยเตือนตนให้ระงับยับยั้งไว้ กิเลสนั้นย่อมกลายเป็นตัณหาอันก่อให้เกิดความเดือดร้อน มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ตัณหาที่เกิดขึ้นนั้นๆ ขอฝากพุทธพจน์มาถึงท่านผู้อ่าน “กรรมกำหนด” ดังนี้
“ผู้ที่ตัดตัณหาเครื่องเกี่ยวข้องได้หมด
กำจัดความกระวนกระวายในใจเสียได้
จึงเป็นผู้สงบ อยู่เป็นสุข เพราะถึงสันติทางใจ”
สวัสดีค่ะ ลูกชาย
เรียนจบแล้ว ใช่ไหมคะ เมื่อไรฉลอง ยินดีด้วยนะคะ
สวัสดีครับแม่อ้อย
สติมาปัญญาเกิดละครับแม่อ้อย
เรียนจบแล้วครับแต่ต้องรอฝึกงานอีก๑ปีถึงจะรับปริญญาใบน้อยๆนะครับ
รักษาสุขภาพด้วยนะ