ณ ร้านข้าวมันไก่


สิ่งดีๆ ที่ได้รับมาจากร้านข้าวมันไก่ที่ตลาดในตัวอำเภอ

        คงเป็นความโชคดีของผู้เขียนค่ะ.......ที่วันนี้นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรไม่ทราบนึกอยากรับประทานข้าวมันไก่เป็นอาหารมื้อเช้า  เลยบึ่งรถออกมาที่ร้านข้าวมันไก่  ในตัวตลาดเทพา   ซึ่งก็ไม่ไกลจากโรงเรียนนักหรอกค่ะ

        ความจริงแล้วร้านข้าวมันไก่ก็ไม่ใช่มีแค่ร้านนี้ร้านเดียวหรอกค่ะ  แต่ร้านนี้คงถูกอกถูกใจใครๆ ตรงที่ความสะอาดในการปรุงอาหารของผู้ขาย, สภาพร้านที่ดูสะอาดสะอ้าน  แต่ที่มัดใจลูกค้าส่วนใหญ่คงเป็นที่อัธยาศัยไมตรีของสองสามี ภรรยา เจ้าของร้าน  ทุกครั้งที่มีลูกค้าเดินเข้า-ออกจากร้านเจ้าของร้านทั้งสองคนนี้ก็จะทักทายและกล่าวขอบคุณลูกค้าจนติดหูและติดใจไปตามๆ กัน    ยิ่งเวลารับ-ทอนเงินค่าอาหารจากลูกค้าจะรับด้วยท่าทีนอบน้อม  ดูน่ารักและประทับใจในคนคู่นี้เลยล่ะค่ะ

        แต่มื้อเช้าของวันนี้เป็นมื้อเช้าที่อิ่มไปพร้อมๆ กับได้อะไรดีๆ ในวิธีคิดกลับออกไปจากร้านด้วยค่ะ

       ผู้เขียนเข้าไปในร้านสั่งอาหารพร้อมๆ กับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง  ที่มารออาหารที่สั่งไว้ก่อนล่วงหน้านี้แล้ว  เขามาเพื่อรอรับอาหารที่ได้สั่งเอาไว้   ระหว่างที่ผู้เขียนนั่งรออาหารก็พบว่าชายผู้นี้รู้จักสนิทสนมเป็นอย่างดีกับเจ้าของร้านทั้งสองจากบทสนทนาของทั้งสาม  (ผู้เขียนไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะคะ  แต่มันดังพอที่จะได้ยินชัดเจนเหมือนกัน)  ซึ่งเจ้าของร้านทั้งสองคนนี้ไม่ใช่คนในพื้นที่หรอกค่ะ  ทราบมาว่าเคยเป็นคนครัวจากครัวของโรงแรมในกรุงเทพฯ  แล้วย้ายมาเช่าห้องแถวอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจของโรงแรม  โดยมาเปิดร้านขายข้าวมันไก่เล็กๆ  ผู้เขียนได้เห็นการพัฒนาของร้านนี้มาเป็นลำดับ  เริ่มตั้งแต่ที่มีโต๊ะเพียงไม่กี่โต๊ะในช่วงแรกของการเปิดร้าน  มาเป็นโต๊ะที่ดูดีมีผ้าปูโต๊ะและกระจกแก้วบนโต๊ะทุกตัว  แต่ก็ยังอยู่บ้านห้องแถวหลังเดิม  ข้ามถนนไปฝั่งตรงกันข้ามกับร้าน  มีอาคารพาณิชย์ 2  ห้อง 2 ชั้นกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง  ค่ะ.....ถูกต้องเลยค่ะ   เป็นร้านใหม่ของสองสามีภรรยาคู่นี้เอง 

          บทสนทนาของทั้งสามเริ่มต้นด้วยการชื่นชมในความสำเร็จของสองสามีภรรยาผู้นี้โดยชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะสูงวัยกว่าสองสามีภรรยาและทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าของนากุ้งที่อยู่ไม่ไกลออกไปจากตัวอำเภอนัก  

" เก่งจังนะ.....น้องมาอยู่ที่นี่จนได้ชื้อที่ดินสร้างบ้านใหม่เลย"

"พวกหนูมาที่นี่มีเงินมาตั้งร้านใหม่แค่เจ็ดพันกว่าบาทเองค่ะพี่ตุ๋ย  ลำบากลำบนกันน่าดู  แต่ก็ต้องอดทนกันค่ะ"

"พวกผมโดนมาเยอะครับเลยต้องสู้  เหนื่อยหน่อยแต่สบายใจครับ"

"แต่พวกน้องก็จับทางถูกนะ"

"หนูว่าบางครั้งสังคมทำเราเจ็บ แบบปวดร้าวเลยเหมือนกันนะคะ  ยิ่งอยู่สูง  ยิ่งเป็นที่รู้จักด้วยแล้ว  เวลาตกลงมานี่สังคมทำเอาเราเจ็บเลย"

"พี่ก็เคยเจอเหมือนกันน้อง  แต่ถ้าจะล้มนะน้องให้ล้มคะมำไปข้างหน้านะ  อย่าล้มหงายตึง  แผ่มาด้านหลังล่ะ  เพราะถ้าเราล้มไปข้างหน้าเราก็ยังสามารถลุกขึ้นได้ง่ายกว่าแผ่หงายไปข้างหลังน้องเอ๊ย  ล้มได้ก็ต้องลุกได้น้อง  แต่ไม่ใช่มุทะลุจะดันไปข้างหน้าอย่างเดียว  ตั้งหลักให้ได้ก่อนแล้วค่อยออกเดินใหม่"

           ผู้เขียนคงไม่สามารถอ้อยอิ่งอยู่ต่อแล้วล่ะ  จึงจับประเด็นการสนทนามาได้เพียงเท่านี้  แต่ผู้เขียนกลับรู้สึกดีที่เมื่อเช้านี้  มีอะไรดีๆ แว๊บผ่านหูเข้ามาในความคิดคำนึงของผู้เขียน 

           คุณว่า.....ณ ร้านข้าวมันไก่.....  ร้านนี้มีอะไรให้ต่อยอดความคิดคำนึงของคุณได้บ้างรึปล่าวคะ

         

 

คำสำคัญ (Tags): #km.ความคิด
หมายเลขบันทึก: 117821เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2007 22:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • สวัสดีครับ
  • ผ่านพ้นมาถึงวันนี้ได้ .. ผมก็เรียนรู้ว่า บทเรียนที่ดีที่สุดของมนุษย์ คือบทเรียนที่เดินทางมาจากความเจ็บปวดนั่นเอง
  • ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมีหัวใจที่กล้าและแกร่งสักแค่ไหน
  • ...
  • ขอแสดงความชื่นชมต่อคนสู้ชีวิตในบันทึกนี้นะครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์  แผ่นดิน

  • อยากให้คนที่กำลังจะหมดกำลังใจได้ยินเหมือนกับที่ดิฉันได้ยินมา  เพื่อเขาจะได้มีกำลังลุกขึ้นสู้ใหม่อีกครั้ง.....ด้วยหัวใจที่กล้าและแกร่ง...เช่นที่อาจารย์นำเสนอมาลั่นเลยค่ะ
  • เราสามารถ.....เป็นกำลังใจให้ทุกท่านๆ  ได้....ค่ะ
  • ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ  สำหรับการแวะเวียนมาเยี่ยม  มาเยือน  ขอบคุณค่ะ
              ธรรมดาตั้งแต่ผมเป็นเด็ก ที่เทพาไก่ทอดอร่อย มาวันนี้ได้รับรู้จากอาจารย์ว่าข้าวมันไก่ก็อร่อย วันหลังหากเหตุการณ์ปกติจะลองแวะทานดู ฝีมือคนกล้าหัวใจแกร่ง คนเราต้องสู้ครับ....ถึงแม้นว่าไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่เกิด...ความจริงคนบ้านเราก็เป็นนักสู้ชีวิตอยู่แล้ว ลองหันดูรอบตัวก็จะเห็นความแตกต่างของผู้คนบ้านเรา บางบ้านเมื่อเราเห็นตอนเป็นเด็กแทบไม่มีอะไรกินแต่ด้วยความมานะอดทน พยายามทำมาหากิน เก็บเล็กผสมน้อย กินเพื่ออยู่ รวบรวมเงินส่งให้ลูกเรียน สอนให้เขาเป็นคนดีของสังคม พอลูกหลานเขาโตขึ้นสามารถช่วยเหลือพ่อแม่ไม่ให้ลำบากเหมือนเดิม เพราะเขาได้ทำงานที่ดีๆ หรือค้าขายร่ำรวย เนื่องจากมีความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐาน สามารถส่งเสริมให้เขาประสบความสำเร็จได้.......เขาได้รับการขัดเกลาจนกล้าหัวใจแกร่ง...แม้ล้มแล้วก็มีพลังแห่งความดี ซื่อสัตย์ สามารถพัฒนาตัวเองให้สามารถยืนหยัดแล้วก้าวไปข้างหน้าได้อีกครั้งได้อีกครั้งแต่อาจยั่งยืนกว่าเดิมโดยมีเส้นทางเดินเก่าเป็นบทเรียน นี่คือสิ่งที่เราเห็น ผมอ่านบันทึกของอาจารย์แล้วสะดุดใจ ขอฝากคารวะพ่อค้าข้าวมันไก่ด้วยความจริงใจ ที่คุณสู้จนยืนหยัดและก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง ขอให้รักษาความดีเอาไว้เป็นตัวอย่างแก่ลูกหลานสืบไป วันหน้าจะไปอุดหนุนให้ได้ ขอบคุณอาจารย์ที่บันทึกถ่ายทอด ด้วยความจริงใจสวัสดีครับ

สวัสดีค่ะคุณ  P

  • ขออภัยนิดนึงค่ะ....ที่เข้ามาตอบช้าไปหน่อย  พอดีก่อนหน้านี้เดินทางไปอบรมต่างจังหวัด  วุ่นๆ อยู่นิดหน่อยค่ะ  ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย 
  • ขอบคุณค่ะที่แวะมาร่วมคิดร่วมสะกิดใจ
  • เห็นคนอื่นสู้ได้ขนาดนี้....มีกำลังใจขึ้นเป็นกองเลย  ว่างั้นมั๊ยคะ
  • แล้วจะไปบอกให้นะคะ  แต่ก็ไม่แน่หรอกคะ  เพราะบางทีมันค่อนข้างจะผิดวิสัยนิดนึงที่แอบไปร่วมคิดต่อยอดเรื่องที่เค้าคุยกัน  แต่...มันเสียงดังมากนี่คะ  จนได้ยินเข้ามาในโสตดิฉันเองเลย  ก็ไม่รู้จะทำอีท่าไหนล่ะค่ะ
  • อ้าว....เป็นคนโคกโพธิ์หรอกเหรอคะ  ผ่านทางสี่แยกลำไพล  แล้วอย่าลืมแวะเข้าเทพาหาข้าวมันไก้ทานด้วยนะคะ  ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ

- เรียกว่าได้กินข้าวมันไก๊ ข้าวมันไก่  ของแท้เชียวนะนี่

- ขอบคุณค่ะที่เก็บได้มาแล้วแจกจ่าย

สวัสดีค่ะ  P

  • คุณพี่รับไปแล้วนะคะ......
  • บางครั้งมันก็ย้อนกลับมาสอนตัวน้องเองบ่อยๆ เหมือนกันล่ะค่ะ....เวลาที่เกิดท้อบ้างในบางเวลา....เลยต้องบอกตัวเองว่า....ถอยได้นะ...ตั้งหลักก่อนเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า
  • ขอบคุณค่ะพี่พรรณา

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท