ไปเที่ยวคนเดียวที่อยุธยา


เมืองกรุงเก่า ที่ควรไปเที่ยวมากกว่า 1 ครั้ง

พระนครศรีอยุธยา เป็นเมืองที่เดินทางไปมาง่าย มีประวัติศาสตร์และสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวมาก จึงเป็นที่นิยมของคนชอบเที่ยวนัก...โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการทัวร์ไหว้พระเก้าวัด...ไปกลับในวันเดียว

เราเคยไปเที่ยวอยุธยาคนเดียว เหตุผล ไม่ใช่เจ๋ง

แต่เพราะเราอยากไปเที่ยวมาก แต่เพื่อนๆ นั้นมีธุระ...เราจึงคิดได้ว่า เรามัวจะหายใจด้วยจมูกคนอื่น...เราจะมีชีวิตด้วยตัวเราเองได้อย่างไร..จึงนับว่าการไปเที่ยวอยุธยานี้เป็นบทเรียนแรกในการที่จะทำให้เรามีความมั่นคงในการดำรงชีวิตอยู่ได้ตนเอง....

เราเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์  Check ข้อมุล บันทึก ตรวจสอบให้วุ่น...แล้วเราก็ออกเดินทาง นั่งรถทัวร์ไปจากขอนแก่น ลงที่หมอชิต 2 จับรถกรุงเทพ-อยุธยา ที่มีอยู่ 2 สาย ออกเดินทางทุก 30 นาที (ถ้าจำไม่ผิด) รถไม่แพงไม่ถึงร้อยบาท เป็นรถปรับอากาศ ถึงอยุธยาเมื่อตอน 7 โมงเช้า ลงรถเสร็จมีสามล้อเครื่องแวะมาถาม เราให้ไปส่งที่เกสต์เฮ้าส์ใกล้ๆ กับทางไปม.ราชภัฏ ราคาห้องละ 400 บาท นอนเอาแรงสักนิด...ตื่นมาตอน 10 โมงเช้า ที่เกสต์เฮ้าส์มีกาแฟกับกล้วยหอมให้กิน ทานเสร็จเราขอเช่ารถจักรยานวันละ 50 บาท แล้วเราก็เริ่มปั่น

เราเอาแผนที่ที่ print ออกมาจากอินเตอร์เน็ตมากาง แล้วก็ปั่นไปทางวังช้าง วัดต่างๆ ซากปรักหักพังสร้างความรู้สึกประทับใจและย้อนอดีตผ่านเรื่องราวของการแต่งกายของละครต่างๆ  ทำให้เราเหมือนย้อนอดีตอย่างไรอย่างนั้นไปสมัยกรุงเก่า  ขอเวลาซื้อหมวกถักหน่อยเอาไว้กันแดดหน่อย ตอนนี้ยังใช้หมวกใบนี้อยู่เลย หลังจากปั่นจักรยานเข้าออกวัดนั้นวัดนี้ ก็ขอไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ เหนื่อยก็จอดกินน้ำ และกินก๋วยเตี๋ยวเรือ ซึ่งอร่อยและขึ้นชื่อมาก...อยากบอกว่าของขึ้นชื่ออีกอย่างคือ หมูสะเต๊ะ นะจะบอกให้

พิพิธภัณฑ์ที่อยุธยานี้มี 2 แห่ง จำชื่อจริงๆ ไม่ด้ เราไปแห่งแรกที่ใกล้กับ ม. ราชภัฎ อลังการงานสร้างกับมรกดกของชาติมาก งานทองฝีมือโบราณสวยมาก...เหนื่อยยังไม่พอ เราใช้เวลาชมศิลปะและพักอยู่ที่พิพิธภัณฑ์จนบ่ายมาก...เราจึงปั่นจักรยานไปทางหัวรอ เพื่อที่จะพิพิธภัณฑ์อีกแห่งหนึ่ง น่าเสียดายมากที่ปิด จึงเปลี่ยนแผน จะไปวัดใหญ่และวัดพนัญเชิง ไม่รู้ว่าจะไปอย่างไร จึงถามเจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ พี่เขาบอกให้ฝากรถจักรยานไว้...แล้วนั่งรถประจำทางไป

ระหว่างทางได้เพื่อนเป็นฝรั่งอีกคนที่มีจุดหมายเดียวกัน..งูๆ ปลา ไปด้วยกัน แต่ใง๋พอถึงวัด หายจ้อย...ชมวัดใหญ่ด้วยความตื่นตาตื่นใจและภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของเมืองเก่า...มีเจดีย์ขนาดใหญ่ที่เราขึ้นไปแล้วขาสั่นมาก กลัวความสูงเป็นทุน...สูงมาก หลังจากนั้นนั่งรถประจำทางต่อไปประมาณ 10 นาทีอีกเพื่อไปกราบพระหลวงพ่อโตที่วัดพนัญเชิง ที่อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุพระนางเรือล่ม...ประวัติศาสตร์น่าสนใจจริงระหว่างทางมีร้านขายปลา เต่าและหอยที่จะให้คนซื้อไปปล่อยทำบุญเรียงรายตาม 2 ข้างทาง วัดนี้มีคนไปไหว้นมัสการหลวงพ่อโตกันมาก และมีร้านขายของที่ระลึกจำหน่าย...ถ้าไม่ไปแบบแบกเป้หล่ะก้อ คงได้ของฝากมาเยอะทีเดียว

  • ขากลับนั่งรถสองแถวกลับเช่นคย เกือบ 6 โมงเย็นเริ่มมืดทำให้ความกลัวแว๊บเข้ามา...แวะเอาจักรยานกลับถึงที่พัก หิวจะออกไปหาของกิน ถามที่เกสต์เฮ้าส์เขาแนะนำให้นั่งรถดูเมืองตอนกลางคืน ในส่วนของวัดโบราณนั้นประดับไฟสวยมาก...

ตกลงเราเลยเอาคำแนะนำของพี่ๆ เค้ามาใช้ โดยนั่งรถเมล์ไปกินข้าวอีกฝั่งเมืองที่โลตัส ขากลับมืดสนิทประมาณ 2 ทุ่ม ผ่านมาถึงบริเวณเมืองเก่า วัดเก่าที่ประดับไฟ สวยงามมาก มีชาวไทยและชาวต่างชาติตั้งกล้องถ่ายรูปอยู่เป็นจำนวนมากตั้งใจเลยว่าจะขอมาเที่ยวอีก

แต่พอจะลงหน้าที่พัก..รถเมล์เปลี่ยนสาย เลี้ยวไปคนละทาง ใจหายแว๊บ....ขอลง แล้วรีบจ้ำอ้าวไม่เหลี่ยวหลัง กลัวอันตรายมาก...แต่ก็ถึงที่พักอย่างปลอดภัย

  • วันที่ 2 ตื่นแต่เช้า...นั่งรถสามล้อเครื่องไปที่สถานีรถไฟ เพราะมีแผนจะไปเที่ยวที่พระราชวังบางประอิน แต่ต้องรอเที่ยวรถนาน จึงเปลี่ยนไปรถสองแถวแทน...พอไปถึงพระราชวังบางปะอิน สวยมาก...น่าเสียดายที่เราไม่มีกล้อง...ดังนั้นต้องมาใหม่ ...อยู่จนอิ่มตาอื่มใจ ชอบมากในการใช้สีและพระตำหนักแบบจีน จนค่อนบ่ายจึงนั่งรถสามล้อเครื่องเพื่อไป บขส.จับรถจากบางปะอินเพื่อเข้ากรุงเทพฯ

พักเหนื่อยหน่อยที่หมอชิต ล้างหน้าล้างตา ซื้อตั๋วรถกลับ...แต่เรามีนัดไปเยี่ยมหลานชายที่เพิ่งคลอดที่สุรินทร์ เราจึงนั่งรถไปสุรินทร์...ซึ่งได้ทำความรู้จักกับโฟล์คเป็นครั้งแรก

ทริปนี้ตื่นเต้นบ้าง กลัวบ้าง แต่ก็สมวัตถุประสงค์ เพื่อนไม่ไปหากเราต้องการ...เราก็ควรที่จะไปได้ด้วยตัวเรา...อาจสนุกไม่เท่า ...แต่บทเรียนนี้ก็แสดงให้เรารู้ว่าเรามีศักยภาพที่เข้มแข็งพอ สามารถดูแลตนเองได้แม้จะอยู่คนเดียว

  • หลังจากนั้นอีก 1 ปีเราก็ได้ไปเที่ยวอยุธยาอีกครั้งกับเพื่อน สนุกสนานไปอีกแบบโดยขับรถไปจากขอนแก่น แอ้เป็นคนขับ เราเป็นนาวิกเกเตอร์ น้องเอเป็นผู้ร่วมคณะ มีน้องนุชมาจากกรุงเทพมาสบทบ และมีน้องตุ้มเจ้าถิ่นทำหน้าที่เป็นไกด์

หากมีโอกาสก็จะไปอีกนะ...อยุธยา

 

หมายเลขบันทึก: 117734เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2007 16:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 11:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีครับ

บ้านญาติผมอยู่อยุธยาครับ ที่นั่นมีวัดที่มีชื่อเสียงอีกหลายวัด วันหน้าจะหาข้อมูลมาฝากครับ

เสริม ครับ มีรถตู้ไปอยุธยา ด้วยจอดอยู่ข้าง Fasion mall อนุสาวรีชัย มีสอง คิว ส่วนตัวผมจะชอบไป คิว บ.  บอไบไม้

ถ้าอยากไปสไตส์อินเตอร์ ก็พักที่ โทนี่เฟส คืนละ ประมาณ 300 ส่วนใหญ่จะเป็นฟรั่งตอนเย็นบรรยากาศเมือนอยู่เหมือนนอก ผมชอบไปกินพัดซีอิวแจ  และ แถมนั้นก็มีเกสเฮาร์เยอะ ทั้ง ญี่ปุ่นเข้าพัก

ส่วนใครไปครั้งแรกไปที่ไหนไม่ถูก ขอแนะนำเริ่มต้นด้วย ททท. มีแผนที่ ให้พร้อม และมีแบบจำรอง วัดต่าง ๆๆ ด้านบน ส่วนก๋วยเตี๋ยว อะหร่อย ก็นี่เลยลงสะพานปีดีมา จะเห็นไฟแดง แล้ว เลี้ยวซ้าย คลองมะขามเรียง เค้าขายเฉพราะวันหยุด นะ บอกว่าต้มยำ จะขายอยู่ใต้ต้นไหม้ ส่วนร้านอาหารถูกสุด และอหร่อยใกล้แม่น้ำก็ร้านไทรทอง ส่วนบุ๊บแฟ่ ตอนเที่ยงที่อหร่อยสุด ก็โรงแรมกรุงศรีริวเวอร์ เพราะไปกินหลายที่แล้วสู่ที่นี่ไม่ได้ ถ้าจำไม่ผิดคิดหัวละ 130 บาทมั่ง

ก๋วยเตียว จะมีขายที่ หน้าองค์การโทรศัพท์ หรือผ่านน้ำพุ ตรงไป เรื่อย ก่อนถึงไฟแดงที่ 2 ด้านขาวมือ ก็ร้านก๋วยเตียว อันก็อหร่อยกว่าหน้าองค์การ แถมมีน้ำลำไย ให้ลำเยอะด้วย ผมชอบ อหร่อยดี และถ้าอยากจะไปนั่งสมาธิก็นี่เลยวัดมะเหยงค์ มีชุดขาวขายให้พร้อม ถ้าจะขี่ช้างก็ปางช้าง ใกล้กับ ททท ถ้าไปดูลูกช้างและบ้านช้างก็เพนียดคล้องช้าง ถ้าเลยไปหน่อยก็จะมีวัด และเช่าจตุคาม ด้านซ้ายมือ ที่ปางช้าง ก็จะมีของที่ระลึกขายทำจากมูลช้าง แต่รับรองได้ไม่เม็น เพราะดมมาแล้ว ตรงข้ามกับปางช้างก็จะมีของขาย แต่ชอบมากคือ ไก่ทอดอาบังอหร่อยดี และถ้าต้องการซื้อ โรตีสายไหม ที่ต่อแถวยาว ๆๆ ก็หน้าโรงพยาบาลกรุงศรีอยุธยา และขับรถไปเลื่อยก็จะเยอะอีกที่หนึ่งก่อนแยกข้ามสะพาน ส่วนตอนเย็นถ้าอยากทานหมูกระทะที่ได้บรรยากาศกรุงเก่า ก็ไปวัดที่พม่าไม่เผา ตรงไปจะมีซอยเข้าไป จะดูลึกลับหน่อย แต่ได้บรรยากาศหน่อยทางเข้ามันจะเหมือนซอยเข้าบ้าน อยู่ใกล้กับทางเข้าหน้าวัด สังเกตุให้ดีจะมีป้าย

ส่วนอยากร่อยเรือ ก็มีรอบเที่ยง และก่อน หกโมงเย็นที่ซุ่มป่าศักดิ์ เป็นเรือ 2 ชั้น มีทิปฟานี่โชว์ ผมชอบไปดูนักร้อง น่ารักดี ส่วนกะเทย(สวย)ชอบมานั่งตักแขก แต่ก็ประทับใจดี อ้อลืมบอกไปใครลงเรือเค้าคิด คนละ130 บาท อาหารต่างหากควรมาก่อนเรือออก หรือโทรมาสั่งอาหารก่อนเพราะเคยสังอาหารไม่ทัน ทานแต่หมูแดดเดียว คือ มันมีแต่กับแก้มบนเรือ เพราะร้านอาหารจะอยู่บนบก หิวแทบแย่ ถ้าสั่งก่อนและจ่องโต๊ะเค้าก็จะเตรียมพร้อมมาให้เรา ควรสั่งก่อน เรือออกประมาณ 1 ชั่วโมง นะครับ

และมีก๋วยเตียวต้มย้ำหม้อดินอีกที่หนึ่ง เค้าจะขายตอนเย็นนะ ที่หน้าตลาดหัวรอ ตรงข้างกับแบงค์กรุงไทย และถ้าเดินไปอีกก็จะเจอหน้าวัง ที่สมเด็จพระนเรศวรทรงประทับตอนกับจากพม่า ตรงหน้าวังก็จะมีของขาย ในตอนเย็นด้วยเมือนกัน

แนะนำที่เที่ยวจุดใหญ่ ๆๆ ก็มี วัดใหญ่ชัยมงคล มีก๋วยเตียว กับหมูสะแต๋ขายขางหน้าวัด ไม่ใช่ตรงข้ามหน้าวัดนะ แต่ก๋วยเตี๋วยสู้ที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้ ที่วัดนี้จะมีรูปหล่อพระนเรศวร ด้วย

วันทีสอง วัดพนันเชิง เลยขึ้นไป ข้ามไฟแดง และเลยแยกทางรถไป สองข้างทางก็จะเห็น สัตว์น้ำเพื่อซื้อนำมาปล่อย  ใครไปวัดนี้อยู่ลืม ไปให้ขนมปังปลาด้วยละ ข้างวัดนั้นและมีที่ให้อาหารปลา ถ้าตรงไปตามถนนก็จะร้านอาหารเจ้าพระยาขายปลาเผา

และวัดสุดท้าย ก็วัดมงคลบพิศ  ที่นี่มีของขายเยอะและใครชอบพวกมีด ก็มีขายด้วย ให้ชอบขนมตั้งแต่ต้นทางยังปลายทาง ไม่ต้องซื้อ ก็อิ่ม มาก ๆ

เขียนมาซะยาวขอบจบก่อนนะครับ 

 

 

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ ฟังแล้วก้อยากไปอีก...แต่ช่วงนี้ข่าวของอยุธยาขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์บ่อยจังนะคะ...น้ำใจดีๆของคนที่นั่นคงไม่ทำให้อยุธยาน่ากลัวอย่างที่ปรากฏในข่าวหรอกนะคะ

ทึ่งกับความใจถึงของน้องตุ๊กกะตูนมากที่ไปเที่ยวโดยเดินทางอย่างที่เล่า

พี่บอกตรงๆว่าเที่ยวเมืองไทยคนเดียวพี่ไม่กล้า เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย แต่แถบยุโรปนั้นตอนสาวๆพี่เที่ยวคนเดียวได้โดยไม่กลัวเรื่องความปลอดภัย หลงบ้าง แต่ก็สะดวกดี

พี่อยู่อยุธยานอกเมืองค่ะ เป็นคนที่อื่นแต่จำเป็นต้องมาอยู่อยุธยาด้วยเหตุที่คนข้างกายเป็นคนอยุธยาแท้ๆๆ แถวบ้านสงบเงียบและนักท่องเที่ยวไม่ค่อยมา หากเที่ยวในเมืองพอแล้ว อยากไปเที่ยวชมปราสาทนครหลวง หมู่บ้านทำมีดอรัญญิก วัดที่ไม่ดังแต่สวย หรือแม้วัดที่ดังและอึกทึกด้วยการแก้บนอย่างวัดสะตือ ที่อำเภอท่าเรือ ขอให้บอก มาอยุธยาเมื่อไหร่จะพาไป ชวนเพื่อนมาด้วยก็ได้นะคะ

รถตู้ไปอยุธยา อยู่ฝั่งไหนของ Fasion mall ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท