คำนี้ผมได้มาจากครูบาสุทธินันท์ ที่เปรียบเปรยการทำงานของนักวิชาการและนักพัฒนา ที่ไม่เข้าใจระบบการพัฒนา
หน่วยงานส่วนใหญ่จะตั้งสมมติฐานว่า การอบรม หรือดูงานครั้งสองครั้งจะสามารถเปลี่นแปลง หรือพัฒนาคนได้
ดังเช่นโครงการฝึกอบรมที่ทำโดยระบบราชการ หรือแม้จะมอบหมายให้เครือข่ายปราชญ์ทำก็ตาม ก็เป็นลักษณะ "ไม้ขีดก้านเดียว"
อย่างมากก็ประเมินทันทีหลังการฝึกอบรม ที่ดูเหมือนจะได้ผลดี
เหมือนจับปลายก้านไม้ขีดไฟที่ดับใหม่ๆ ยังร้อนแน่นอน
วันนี้ ผมได้คุยกับปราชญ์อีสาน ๒ ท่านคือ
ท่านมาเยี่ยมนา ไม่ไถ ไม่ดำ ไมหว่านของผม ผมจึงได้มีโอกาสเรียนถามท่านว่างานฝึกอบรมเกษตรกรต้นแบบที่ได้งบจากกระทรวงเกษตรฯ มีความหวังแค่ไหน
ท่านตอบว่า ถ้าไม่มีกิจกรรมต่อเนื่องก็คงจะได้ผลน้อย
ท่านจึงขอฝากให้ผมช่วยเรียนผู้มีอำนาจตัดสินใจว่า
ไม้ขีดไฟก้านเดียวหุงข้าวไม่สุกหรอกครับ
นี่ขนาดเลือกมาอย่างดีแล้วนะครับ
ประเภทจมโคลนขีดดับ ขีดดับ ไม่นำมาอยู่แล้ว
แต่ไม้ขีดก้านเดียว ไหม้จนร้อนถึงมือ ข้าวก็ยังไม่สุกเลยครับ
จะให้ดีต้องมีฟืนมีถ่านต่อเชื้อไฟอีกสักหน่อย
จะได้ไหมครับ
ขอบตุณครับครูบา ที่เข้ามาขยายความ และสนับสนุนงานที่ผมทำทุกด้าน ทั้งระดับเครือข่ายและระดับแปลง
ครูบายังไม่แก่หรอกครับ ยังเตะปีบดังได้อีกนานครับ
และครูบาก็ทำอย่างที่ผมทำอยู่จนเบื่อแล้ว
ผมเพิ่งได้ลิ้มรสความสนุกในการทำงานในนา ก็ดูหลงระเริงเป็นธรรมดา
ครูบาอยู่ระดับ ตีขิมบนเชิงเทิน นั่งชมผลงานของตัวเองอย่างสบายใจต่างหาก
เรื่องเครือข่าย เราคงต้องหาทางสะกิดคนที่เกี่ยวข้องให้ได้
ที่เราทำอยู่ก็ปลุกกระแสได้กว้างพอสมควร แม้จะไม้ได้ดังใจ
ความร้อนมันยังไม่พอจะแยกทองแท้ ออกจากเศษดิน หินนะครับ
แต่ผมไม่เคยยอมแพ้นะครับ มีแต่ถอยมาตั้งหลักเท่านั้น
บางที่เราก็ต้องทบทวนตัวเองอยู่บ่อยๆ
การอยู่ในสนามรบตลอดเวลา จะไม่ค่อยได้ทบทวน
ผมจะยังเต็มที่เหมือนเดิมครับ
อาจารย์ ดร.แสวงครับ
ปัญหาแบบนี้จะแก้อย่างไรดีครับ? เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติมากๆ เลยใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะในหน่วยงาน ราชการ เอกชน หรือแม้แต่การใช้ชีวิตของเรา อะไรที่เราทำบ่อยๆ ทำอย่างตั้งใจ และเชื่อมั่น มันก็จะทำได้ดี อะไรที่ทำแบบเสียไม่ได้ เดี๋ยวก็ลืมไป จะมาทำอีกครั้งก็ต้องเคาะสนิมกัน
มีอาจารย์ท่านหนึ่งสอนในเรื่องการอบรมพนักงานว่า ทุกสิ่งในโลกมี เกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป เหมือนที่เราเข้าใจในพุทธศาสนา วิธีที่จะทำให้พนักงานทำอย่างที่เราต้องการก็ต้องคอยดูกระแสนี้เอง ก่อนที่จะดับไป ก็ต้องกระตุ้นให้เกิดใหม่ เหมือนที่อาจารย์เปรียบกับการจุดไม้ขีด
เรื่องนี้เตือนใจผม ไม่เพียงในการทำงาน แต่รวมถึงการเอาใจใส่กับคนรอบข้าง การประคับประคองความสัมพันธ์กับมิตรสหายด้วยครับ คนเราห่างหายกันไปนานๆ ไม่แสดงน้ำใจให้กัน ไม่นานก็มีลืมเลือน จริงไหมครับ?
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์ดร.
* ก่อนอื่นขอเอ่ยความนัยก่อนนะคะ จะได้ไม่ต้องคาใจ
* ครั้งแรกที่เห็นภาพท่านอาจารย์ ทำให้ปูนึกถึง สรพงษ์ ชาตรี พระเอกคนโปรด ... ใส่หมวกแบบนี้ เท่ห์ มากค่ะ หนูช้อบ ชอบ
* * อ่านแล้วได้มุมมอง ขอบพระคุณค่ะ
* เสมือน Out of Sight, Out of Love - ... ใช่ไหมค่ะ
และโยงถึงเรื่องงาน Out of Practice, Out of Skils ..
ขาดการฝึกฝน ปฏิบัติ ก็ขาดทักษะ ...
* ไม้ขีดไฟก้านเดียวหุงข้าวไม่สุก ... รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เรากระจาย
* เชื่อมั่น ศรัทธา เป็นกำลังใจให้ท่านอาจารย์
* รักษาสุขภาพนะคะ ขอบพระคุณค่ะ
คุณ
Poo ครับ
ตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น Out of knowledge outof understanding, out of practice and out of results and impact
ประมาณนั้นครับ
กราบสวัสดีครับ ท่าน อ.แสวง