อ่านบทความเรื่อง กว่าจะถึง "ธงใหญ่" มอง สิ่งที่ได้จาก "ธงเล็ก" http://gotoknow.org/blog/chaimontree/116591 ของครูราญเมืองคอน คนนอกกระบบ เฉพาะอย่างยิ่งตรงข้อความ "หากถามว่า กศน. จะบรรลุถึงธง หรือเป้าหมายของตนเอง อย่างไร เป็นเรื่องค่อนข้างยาก หากว่า กศน. ไม่ทำอย่างจริงจัง การลงพื้นที่ในบทบาทคุณอำนวยร่วมกับภาคีีเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อน กิจกรรม... ให้คนเกิดกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งหาก มองแล้ว ธงของ หน่วยงานอื่นจะถึงก่อนของ กศน. แต่การที่ กศน. จะไปให้ถึง เป้าหมายของตัวเอง ก็ต้องเก็บตามธงต่าง ๆ ของหน่วยงาน อื่นๆ ที่ี่ กศน. ได้ไปร่วมขับเคลื่อนแล้ว เรียกว่าเก็บรายทาง ทุกกิจกรรม"
ซึ่งในเรื่องนี้เท่าที่ผมทราบ ในระยะต่อไป กศน.จะมุ่งเน้นจัดการเรียนการสอนควบคู่กันสองระบบและเป็นสองระบบที่เชื่อมต่อกัน คือระบบหนึ่งจัดการเรียนการสอนให้กับกลุ่มเป้้้้าหมายที่มุ่งเข้ารับการศึกษาเพื่อหวังยกระดับปีการศึกษาเฉลี่ยใหสูงขึ้นหรือมีวุฒิการศึกษาสูงขึ้นด้วยหลักสูตรเทียบเท่าการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว และหลักสูตรชีวิตหรือหลักสูตรการเปลี่ยนแปลงสังคมชุมชนอะไรประมาณนี้ หลักสูตรอย่างหลังนี้อาจจะเป็นหลักสูตรที่เรียกว่าหลักสูตรที่ไม่มีหลักสูตร ก็ว่าได้ ผู้เรียนไม่ได้มุ่งเรียนเพื่อยกระดับปีการศึกษาเฉลี่ยโดยตรง แต่เรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงตนเอง ครอบครัว สังคม ชุมชนเป็นหลัก ทั้งสองระบบนี้จะไหลความรู้ ชุดความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ไปมาเสริมหนุนกันและกัน
การศึกษาอย่างหลังนี้ตามความเข้าใจของผมเป็นการศึกษาที่เป็นวิถีของแต่ละคนแต่ละชุมชน ที่ใครอยากรู้อยากเรียนเรื่องอะไร ด้วยวิธีการใด ด้วยเครื่องมือใด ตามที่บุคคล สังคม ชุมชน เห็นว่าเหมาะสมก็ได้ นับว่า สอดคล้องกับรัฐธรรมฉบับรอลงประชามติที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ที่บัญญัติเรื่องสิทธิิิชุมชนเอาไว้มากทีเดียว บุคคล สังคม ชุมชน จะนำคนอื่น ชนะคนอื่น ให้เป็นที่ยอมรับของบุคคลสังคมอื่นก็ต้องมีพื้นที่เรียนรู้ให้ เพื่อให้บุคล สังคม ชุมชน มีชุดความรู้ องค์ความรู้ ชุดประสบการณ ไว้อธิบายแลกเปลี่ยนกันด้วยเหตุด้วยผลกันเป็นหลัก มิใช่ตัดสินแพ้ชนะโดยนับจำนวนสมาชิกประชากรมากน้อยกันอย่างเดียว การศึกษาอย่างหลังนี้นี่แหละที่จะทำให้สิทธิชุมชนเข้มแข็งขึ้น
ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเรากำลังทำโครงการจัดการความรู้สู่ชุมชนอินทรีย์ หรือชุมชนเรียนรู้นั่นเอง ทุกฝ่ายมาบูรณาการกันทำงานร่วมกันเพื่อให้ชุมชนได้เรียนรู้บรรลุความเป็นอินทรียในชุมชน ห้าประการ คือ ชุมชนนั้นมีแผนชุมชนอินทรีย์ มีคณะผู้นำและผู้สืบทอดที่มีคุณภาพ มีการใช้เครื่องมือการจัดการความรู้ มีการพึ่งตนเองได้จากการจัดตั้งกองทุนต่างๆ และมีการจัดทัพจัดทีม ไกกลแก้ไขปัญหาต่างๆ ไว้รองรับการแก้ปัญหาที่อาจจะมีขึ้นในอนาคต
ด้วยการเรียนรู้แบบนี้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชหากจะได้ถอดความรู้ ถอดดบทเรียนกันในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับของผู้เรียนหรือชาวบ้านหรือคุณกิจ หรือครัวเรือนทั้งหลายที่เข้าร่วมโครงการก็คงจะได้ชุดความรู้ออกมามาย
เกิดชุดความรู้ ชุดประสบการณ์ทำให้สิทธิชุมชนดีขึ้นและชุมชนเข้มแข็งขึ้น
โรงเรียนคุณอำนวยเมืองคอน และโครงการเสริมสมรรถนะการปฏิบัติงานในหน้าที่คุณอำนวยตำบล ซึ่งเป็นคนหน้างาน ใกล้ชิดคุณกิจ ครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการ คงจะได้มีส่วนผลักดันอย่างแน่นอน
บันทึกมาเพื่อ ลปรร.กันครับ
สวัสดีค่ะครูนง
ชอบแนวคิดมากค่ะ โดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนสองระบบที่มีเป้าหมายชัดเจนแต่เชื่อมโยงกัน ทั้งสองเป้าหมายมีความสำคัญในตัวเองและคงต้องการเครื่องมือหรือลักษณะหลักสูตรที่ต่างกัน (แต่เชื่อมโยงกันได้) เพียงแต่หลักสูตรแรกที่ยกระดับวุฒิการศึกษานั้น คิดว่าต้องสอดแทรกด้วยจิตสำนึกต่อส่วนรวมและการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยค่ะ
ตัวเองสอนอยู่ในระบบ เด็กส่วนใหญ่อาจจะมีแนวคิดแบบแรก ก็พยายามสอนให้เด็ก เป็น "คนของสังคม" ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เห็นด้วยกับข้อความที่ครูนง highlight ไว้นะคะ
เอาใจช่วยเต็มที่ค่ะ
อ.ปัทมาวดี ครับ
อาจารย์เมื่อไหร่จะมานครศรีฯอีกครับ ตั้งแต่วันที่คุยกันที่ร้านชาวเรือที่นครศรีฯก็ไม่ได้พบกันอีกเลย ที่นครศรีฯนำแนวคิดดท่านผู้ว่าฯวิชม ทองสงค์ ที่คุยแนวทางพัฒนาคุณอำนวยแบบการเรียนรู้เชื่อมโยงวิถีโค้ง มาขับนำมาเคลื่อนตอนนี้คึกคักครับ