ศูนย์ลูกเรือ (Air Crew Center)


วันนี้มาพูดเรื่องสวย ๆ งาม ๆ กันดีกว่า
โดยวันนี้พวกเราเหล่าแพทย์เวชศาสตร์การบินได้มาดูงานอีกที่หนึ่ง
ซึ่งน่าจะเป็นที่ ๆ น่าดูงานที่สุด หุหุ
น่านก้อคือ  ศูนย์ลูกเรือ (Air Crew Center) นั่นเอง
โดยศูนย์นี้ตั้งอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต
จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์คือ  ฝึกงานด้านความปลอดภัยให้แก่ลูกเรือ
(ลูกเรือ หมายถึง แอร์โฮสเตส และ สจ๊วตนะ)
หมายความว่า  เมื่อใดที่เกิดเหตุฉุกเฉินบนเครื่องบิน
ไม่ว่าจะเป็นเหตุที่เกิดจากเครื่องบิน เช่น  เครื่องตกหลุมอากาศ หรือเครื่องจะตก
และเหตุที่เกิดจากมนุษย์  เช่น  มีพวกบ้าพลังอยู่บนเครื่อง หรือโมโหร้าย
ลูกเรือจะได้รับการ train มาเป็นพิเศษให้รับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ นี้
โดยเขาจะให้ลูกเรือทั้งใหม่และเก่าต้องมาวนฝึกซ้อมที่นี่ทุก ๆ ปี
โดยในประเทศไทย  ทุกสายการบินของไทย  รวมทั้ง low cost
จะต้องส่งลูกเรือมาฝึกความปลอดภัยที่นี่เสมอ
(ส่วนเรื่องมารยาทต่าง ๆ การบริการต่าง ๆ แต่ละบริษัทจะนำไปฝึกกันเอง)
โดยที่นี่จะมีห้องเรียนและมีคอมพิวเตอร์ให้ลูกเรือนั่งดูวีดีทัศน์
เกี่ยวกับความปลอดภัยทั้งโดยรวม  และเฉพาะแบบเครื่องบินที่ตัวเองบินอยู่
จากนั้นมีสอนการป้องกันตัวและต่อสู้ด้วย
โดยมีอาจารย์ไอคิโดจากประเทศเกาหลีมาเป็นผู้สอนให้ 
(อาจารย์หน้าตาน่านับถือมาก ๆ เหมือนในการ์ตูนเป๊ะ)
เพราะงั้นใครก้อตามที่คิดจะจีบ Air Hostage จงระวังให้ดี!! อันตรายกว่าที่คุณคิด
และมีสระว่ายน้ำไว้สำหรับแอร์โฮสเตสว่ายน้ำด้วย  กึ๋ย ๆ
ไม่ใช่  เขาเอาไว้ฝึกหากเครื่องบินลงฉุกเฉินในน้ำ  และมีการช่วยชีวิตคนไข้ด้วยแพ
เลยต้องฝึกไว้  แหม....นึกว่า....
นอกจากนั้นยังมีการฝึกเปิดประตูเครื่องบินแบบต่าง ๆ ด้วย
ทั้งนี้เพราะเวลาฉุกเฉิน  ลูกเรือทุกคนจะต้องเปิดและปิดประตูเครื่องบินเป็น
โดยประตูเครื่องบินนั้น  เปิดง่ายมาก  เพราะเขาทำไว้ให้ใครเปิดก้อได้ถ้าฉุกเฉิน
โดยที่เปิดประตูนั้นมีสองแบบ  คือ  แบบหมุน  หรือไม่ก้อแบบดึง
ซึ่งการเปิดปิดประตูนั้น  กัปตันจะเป็นผู้สั่งให้ทำพร้อมกันทั้งลำ
แต่ไม่ต้องกังวลนะว่า  เอ...ประตูเปิดง่ายแบบนี้แล้วจะมีคนไข้บ้าไปเปิดขณะบิน
จริง ๆ ถึงมีคนไข้บ้าไปทำอย่างนั้น  ประตูก้อไม่เปิดขณะบินหรอก
เพราะประตูเครื่องบินเป็นแบบ Plug type
กล่าวคือ  มีการอัดความดันไว้ในเครื่องบินอย่างมาก  ซึ่งจะกดประตูไว้
ทำให้เปิดไม่ได้ขณะบิน  ไม่เชื่อลองไปเปิดดู 
(เปิดได้ขณะบิน  ให้เตะ  ถ้ายังรอดกลับมาเตะเราได้นะ)
นอกจากนั้นก้อมีสไลด์เดอร์ให้ฝึกด้วย
ซึ่ง slider นี้มีให้สำหรับกรณีที่ลงจอดฉุกเฉิน 
หน้าตาก้อเหมือน slider ยักษ์ที่สวนสยามแหละ  คล้าย ๆ กัน
โดยเจ้า slider นี้จะติดตั้งอยู่ที่ด้านล่างของประตูเครื่องบินนั่นแหละ
ถ้าฉุกเฉิน  มันจะกางพร้อมสูบลมเสร็จภายใจ 7 วินาทีเท่านั้น
กางที เสียเงินประมาณหนึ่งแสนถึงสองแสนบาทแน่ะ
สุดท้าย  High light ของงาน  เราได้ไปเข้าเครื่องบินจำลอง
ที่เรียกว่า CEET (ไม่รู้สะกดถูกปล่าวนะ)
โดยภายในเครื่องบินจำลองนี้  ตกแต่งเหมือนห้องโดยสารเครื่องบินจริงทุกประการ
เหมือนมากจนแทบแยกไม่ออก  เหมือนเป๊ะ  ตั้งแต่เก้าอี้ยันตู้เก็บของ
โดยแบ่งครึ่งห้องเป็น Airbus  อีกครึ่งห้องเป็น Boeing
มีห้องสุขา,ห้องครัวและห้อง Cockpit (ห้องนักบิน) ด้วย
จากนั้นเขาจะเริ่มสมมติว่าบิน  โดยมีกัปตันเป็นผู้บอก
ปรากฏว่ามีห้องสั่นและมีเสียงเครื่องบินวิ่งบน Runway ด้วย
สุดยอด  สักพักเครื่องบินก้อบินขึ้น  แล้วเสียงก้อดังขึ้น
และห้องก้อเริ่มเอียง  สุดยอดมะ  ยิ่งกว่าแดนเนรมิตอีก
เหมือนจริงทุกอย่างเลย  ยกเว้น  ไม่มีหูอื้อแค่นั้นเอง
แล้วเขาก้อสมมติสถานการณ์ให้  เช่น  มีไฟไหม้ในตู้โดยสาร (เขาจุดไฟจริง ๆ ไหม้จริง ๆ)
แล้วดูว่า Air Crew จะมีพฤติกรรมอย่างไร  แก้ปัญหาอย่างไรบ้าง
โดยอาจารย์เล่าว่า  Air hostage บางคนกรี๊ดด้วย
บางคนเอาที่ดับเพลิงมา  แต่ฉีดนิดเดียว  เพราะว่ากลัวเปลือง
บางคนยิ่งหนัก  สมมติไฟไหม้ใบพัดนอกเครื่องบิน
แต่ดันวิ่งเอาที่ดับเพลิงจะมาฉีด  แล้วจะฉีดยังไง  เพราะมันไหม้อยู่ข้างนอก
ฟังแล้วก้อตลกดี  แต่ถ้าเป็นสอบจริง ๆ หรือว่าเป็นเรื่องจริงคงไม่ตลก
จากนั้นก้อมีเครื่องบินกำลังจะตก  ดูว่าลูกเรือจะแจ้งผู้โดยสารอย่างไร
และทำตัวอย่างไรบ้าง 
ที่ถูกคือ หากพบว่าต้องนำเครื่องลงฉุกเฉิน 
กัปตันจะเรียกหัวหน้าลูกเรือเข้าไปฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ฉุกเฉิน
จากนั้นหัวหน้าลูกเรือจะออกมาเรียกประชุมลูกเรือ
แล้วไปแจ้งแก่ผู้โดยสาร  และให้คำแนะนำต่าง ๆ
แล้วพอกัปตันให้สัญญาณว่าอีกหนึ่งนาทีเครื่องจะถึงพื้น
ลูกเรือทุกคนจะตะโกนว่า HEAD DOWN !! HEAD DOWN !!
ตะโกนดังมาก  (น่าตกใจกว่าเครื่องจะตกอีก)
แล้วให้ผู้โดยสารทุกคนนั่งก้มหน้าให้ติดเข่าที่สุด  เอามือสองข้างประคองหัวไว้
แล้วก้อสวดมนต์รอ  หากรอดได้  ก้อนับว่าปาฏิหารย์
จากนั้นให้ลูกเรือไปเปิดประตู  แล้วกาง slider อัตโนมัติ 
แล้วให้ผู้โดยสารโดดออกไป
ซึ่งการฝึกอันนี้มันส์มาก  เหมือนจริงสุด ๆ
ห้องโดยสารจำลองสั่นมาก  เหมือนจะตกจริงยังไงยังงั้นเลย
คุ้มจริง ๆ มันส์กว่าแดนเนรมิตอีก
(ค่าเดินเครื่องห้องนี้ประมาณสี่หมื่นบาทต่อครั้งแน่ะ)
จากนั้นหลังจากผ่านการฝึกสุดมันส์ที่ไม่อยากเจอของจริงมาแล้ว
พวกเราได้มาพักผ่อนต่อ  ในห้องอาหาร
ที่นี่เป็นที่แรกที่มาดูงานแล้วเขาไม่เลี้ยงอาหารกลางวัน
แต่.....ดันเป็นที่ที่อยากมากินอาหารที่ซู้ด
เพราะมีแต่นางฟ้าเดินขวักไขว่ไปมากันเต็มไปหมดเยย  หุหุ
ทุกสายการบินเยย  มองไปทางไหนก้อเห็นแต่หน้าเธอ  เหอ ๆ
บ้าไปแล้ว  ...เนียนจริง ๆ
แต่....อย่างเราก้อได้แต่มองแล้วก้มหน้าก้อตากินต่อไปเหมือนเดิม
แต่....ไอ้บิ๊กเพื่อนเลิฟ  เป็นหนึ่งเดียวในยี่สิบคน
ที่อาจหาญไปนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับแอร์โฮสเตสอีกห้าคนได้ !!
มันเก่งมะ  สุดยอดว่ะ  นับถือ ๆ ที่ถ้าหน้าตามันหล่อกว่านี้นะ
สงสัยมันเป็นเอดส์ตายไปแล้วอ่ะ  ป่านนี้อ่ะนะ
แค่นั้นไม่พอ  ไอ้บิ๊กดันโชคดี  ไปเจอโทรศัพท์มือถือใครไม่รู้ลืมไว้อีก
ซึ่งไอ้บิ๊กก้อแก้ปัญหาโดยการที่เดินไปหาแอร์โฮสเตสที่สวยสุดที่นั่งกินข้าวแถวนั้น
แล้วฝากมือถือไว้  จากนั้นขอเบอร์โทร  เพื่อโทรติดต่อถามเรื่องโทรศัพท์ที่ฝากไว้ด้วย
น่าน  เอาเข้าไป  ฮึ่ย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  ไม่อิจฉา ๆ ไม่สนใจ
แค่นี้นะ  วันนี้ตาร้อนแย้ว.....ไปล่ะ
ปล.  การดูงานครั้งหน้าของเหล่าแพทย์เวชศาสตร์การบินก้อคือ
กองบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  และที่ทำงานของแพทย์ที่หล่อสุดในประเทศไทย
ก้อคือ  กองบิน ๔ ตาคลีนี่เอง  ซึ่งไปตั้งสามวันแน่ะ  ไม่รู้จะดูอะไรมากมาย
แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังอาทิตย์หน้านะ  บายจ้า
หมายเลขบันทึก: 116995เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2007 10:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 09:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท