ศูนย์ฝึกการยังชีพและโดดร่ม โรงเรียนการบิน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม


และแล้วก้อมาถึงสัปดาห์ที่พวกเราแพทย์เวชศาสตร์การบินทั้งยี่สิบคน
ซึ่งประกอบด้วยชายสิบเจ็ด  และหญิงสามคน  ต้องไปฝึกยังชีพในป่า
โดยภารกิจนี้  สมมติเหตุการณ์ว่า  ให้พวกเราเดินทางโดยเครื่องบินแล้วเกิดเหตุขัดข้อง
เครื่องบินตกลงกลางป่า  พวกเราทั้งหมดรอดตาย  แต่พื้นที่ที่เครื่องตกนั้นอยู่ในวงล้อมของศัตรู
ซึ่งพวกเรามีเสบียงและน้ำจำกัดมาก  จึงต้องเดินทางไกลเพื่อออกมาจากพื้นที่นั้นให้ได้
ประมาณนี้
โดยพวกเราต้องไปเรียนวิธีอยู่ป่ากันก่อน  เป็นเวลาทั้งสิ้นเจ็ดวันเต็ม
ที่ศูนย์ฝึกยังชีพและโดดร่ม  โรงเรียนการบิน  กำแพงแสน  จังหวัดนครปฐม
การฝึกมีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ 
โดยมีครูฝึกเป็นทหารที่เคยไปรบมาจริง ๆ เป็นผู้สอน
เรื่องที่เรียน เช่น 
วิธีการใช้เข็มทิศ 
วิธีการเดินทางด้วยเข็มทิศทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
การอ่านแผนที่และหาพิกัดที่อยู่ของตัวเองให้ได้ 
เรียนการยิงปืน  และประกอบปืน
เรียนการใช้พลุสี , พลุแสงเพื่อขอความช่วยเหลือ 
เรียนเรื่องระเบิดต่าง ๆ เช่น ระเบิดมือ , ระเบิดน้อยหน่า , C-4 , TNT
การใช้แพยาง  เวลาเครื่องตกในน้ำ 
การหายใจใต้น้ำด้วยท่อไม้ไผ่  (คล้ายนินจาฮาโตริหยั่งงั้นอ่ะ)
การฝึกทำอาหารในป่า 
เรียนว่าพืชในป่าชนิดใดรับประทานได้ เช่น น้ำจากเถาวัลย์ , พืชป่าต่าง ๆ
เรียนเรื่องการซุ่มพรางตัว  อำพรางร่างกายทั้งในกลางวันและกลางคืน
เรียนการทำที่พักแบบต่าง ๆ ในป่า
ฯลฯ  อีกมากมายเล่าไม่หมด  (จริง ๆ ที่เล่าไม่ได้  เพราะหลับเวลาเรียน  จำไม่ได้  อิอิ)
หลังจากได้เรียนทฤษฏีแล้ว  พวกเราก้อได้ปฏิบัติจริงด้วย  ตามที่เรียนและหลับในเวลาเรียนมา
ก้อสนุกดี  มันส์มาก  เวลาภาคปฏิบัตินี่ไม่มีใครหลับกันเลย 
ได้ยิงปืน  โดยเรายิงแม่นที่สองเลยนะ  ยิงสิบห้านัด  ปืนสั้นลูกโม่ 
เรายิงเข้าเป้าสีดำสิบสามนัดแน่ะ  แต่ข้าง ๆ เป้าคือขอบกระดาษอีกสองนัด 
สรุปคือเข้ากระดาษทุกนัด  หุหุ  เก่งมะ  เพราะงั้นต่อไปนี้  ใครมีเรื่องกะเรา  จงระวัง!!  หึหึ
(พี่ Som Sorn แพทย์กัมพูชาของเรายิงไม่เข้าสักนัดเดียว  ไม่รู้ทำไม)
จะเล่าเรื่องเรียนการใช้แพยางหน่อย  คือ  หากว่าเราตกลงไปในน้ำ  เช่น  ทะเล หรือ อ่าว
เขาจะมีแพยางช่วยชีวิตติดมากับเครื่องบิน  ถ้าจำไม่ผิด  รู้สึกว่าลำละสองแพนะ  แล้วแต่แบบเครื่องบิน
แพมีสีส้ม  ถ้าขนาดเล็กนั่งได้เจ็ดแปดคน  ถ้าขนาดใหญ่นั่งได้ยี่สิบคน
อ้อ....ถ้านึกภาพไม่ออกนึกถึง  ภาพยนตร์เรื่อง ไททานิค ดิ  ตอนแจ็คจมน้ำนั่นแหละ  เห็นแพมะ
แต่ไอ้แพนี่นะ  ขอบอก  ขึ้นยากมากเลย  เพราะตัวเราจะจมในน้ำใช่ป่ะ  โห...กว่าจะฉุดตัวเองขึ้นไปได้
เอน็จอนาถ  ยิ่งคนอ้วน ๆ นะ  ต้องดันก้นกันขึ้นเลยล่ะ  อีกคนต้องช่วยฉุดอยู่บนแพ  เฮ้อ...
นอกจากนั้น  ยังต้องเรียนวิธีคว่ำแพ....หลายคนอาจงงว่าทำไมต้องคว่ำแพ
ไม่ได้เอาไว้คว่ำแพของข้าศึกหรอก  ไม่ต้องงง  แต่ไว้คว่ำแพตัวเองต่างหาก !!
นั่นคือ  เวลาที่น้ำท่วมเข้าแพ  แล้วเราวิดออกไม่ทัน  ก้อต้องคว่ำแพ  เพื่อเทน้ำทิ้ง
ซึ่งการคว่ำแพนั้น  ทุกคนต้องลงจากแพทั้งหมด  เหลือไว้หนึ่งคนบนแพ
จากนั้นคนในน้ำก้อช่วยกันดันให้แพพลิก  ส่วนคนบนแพ  ก้อดึงเชือกแล้วโน้มตัวลงน้ำดึงแพให้คว่ำ
ซึ่งเรา  ประธานชมรมว่ายน้ำ  ก้อต้องเป็นคนข้างบนผู้ดึงแพอยู่แล้ว  หุหุ
และก่อนทำการคว่ำแพ  เราได้เก๊กท่าถ่ายรูปและวีดีโออย่างงดงาม
จากนั้นก้อนับหนึ่งสองสามอย่างเสียงดัง  แล้วค่อย ๆ เอียงตัวลงเพื่อดึงแพให้คว่ำ
แล้วตัวเราก้อค่อย ๆ หล่นลงน้ำ  แต่.....แพกลับไม่คว่ำ!! 
หน้าแตกอย่างแรง   โผล่ขึ้นมาจากน้ำ  มีแต่เสียงหัวเราะ  อนาถมาก
เราก้อไม่เข้าใจ  แต่อาจเป็นเพราะเราน้ำหนักตัวน้อยไป(ผอมไป)  เลยไม่มีแรงดึงให้แพคว่ำ
หรือมือเราอาจจะอ่อนนุ่มเกิน  ทำให้แรงจับเชือกดึงให้แพคว่ำไม่มี 
หรืออะไรก้อตามแต่   แต่ที่แน่ ๆ หน้าแตกอย่างแรง!!
แล้วยังมีเรื่องการสอนขึ้นเฮลิคอปเตอร์แบบฉุกเฉินด้วย
โดยเฮลิคอปเตอร์จะบินนิ่ง ๆ อยู่เหนือพื้น  สูงประมาณตึกสี่ชั้น
แล้วปล่อยแท่นเหล็กสีเหลือง  ลักษณะเป็นเสาหนึ่งอันยาวประมาณขาลงมาที่พื้น
แล้วให้พวกเราวิ่งไปจับ  แล้วกางขาตั้งออก  แล้วลงไปนั่งกะขาตั้ง
โดยนั่งหันหน้าเข้าหากัน  ลักษณะเหมือนท่าลิงอุ้มแตงอ่ะ  นั่นแหละ 
แล้วเฮลิคอปเตอร์จะดึงพวกเราขึ้นไป 
การขึ้นแบบนี้ไว้ใช้ในสมรภูมิรบที่ ฮ. ลงไม่ได้อ่ะ   เสียวมากเวลาทำจริง ๆ
จริง ๆ การฝึกที่ศูนย์ยังชีพนี่   ภาคทฤษฎีนั้นเราก้อเคยเรียนไปแล้วล่ะจากพระมงกุฏ
เลยเหมือนเป็นการทบทวนมากกว่า 
แต่การฝึกที่นี่เป็นการฝึกเข้าป่าที่สบายสุดตั้งแต่เกิดมาเคยฝึกในป่ามาเลยล่ะ
การฝึกที่ศูนย์ยังชีพนี้  ใช้เวลาทั้งสิ้นเจ็ดวันเจ็ดคืน  ฝึกจนพวกเราชำนาญ
ตอนเช้าตรู่และเย็น  มีวิ่งออกกำลังกาย  เพื่อเรียกความแข็งแรง
มีเคารพธงชาติเช้าเย็น  มีทานอาหารในโรงอาหาร  คือ  เหมือนทหารเกณฑ์เป๊ะ
แต่เวลาเรียนเราไม่ได้ใส่เครื่องแบบทหาร  แบบที่เห็นกันนะ 
แต่เราใส่ชุดพรางเรียน  เหมือนทหารชายแดนอ่ะ  แต่เราใส่ชุดพรางแล้วดันให้ไปนั่งโต๊ะเรียนทฤษฎี
งงเหมือนกัน  แต่แน่ ๆ ร้อนมาก 
เรื่องห้องส้วมและห้องอาบน้ำที่นี่ก้อเหมือนค่ายทหารทั่วไป
คือ  ชายแยกกับหญิง
ส่วนระหว่างผู้ชายด้วยกันเองนั้น  ก้อไม่มีอะไรมากเวลาอาบ 
นั่นก้อคือ  แก้ผ้าอาบกันเลย  ทั้งสิบเจ็ดคน  ทั้งไทยทั้งเขมร
ซึ่งในการนี้  กระผมได้รับถ้วยรางวัล "มีชัยในประชัน" มาด้วยอีกหนึ่งรางวัล
ส่วนในตอนกลางคืนก็สนุกดี  ครูฝึกไม่ซีเรียสอะไรมาก
ร่วมกับเราได้น้อง ๆ แพทย์จาก รพ.จันทรุเบกษา  ซึ่งอยู่ใกล้เคียง
มาส่งเสบียง  อาหารและน้ำ  ทำให้พวกเรารอดตาย
กลางคืนบางคนเล่นไพ่  ตั้งวง  กินเบียร์  อ่าน FHM
ผู้หญิงนั่งเม้าท์กัน  บางคนเล่นเกมส์ Nintendo
สนุกดี  แต่นิสัยอย่างเรารักสงบ  นั่งไหว้พระสวดมนต์แทน   หุหุ
ธรรมโม  ธรรมโม....
หมายเลขบันทึก: 116991เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2007 10:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 21:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท