สัปดาห์นี้ กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับเพื่อน ๆ พี่น้องทั้งหลาย
สัปดาห์นี้การเรียนเวชศาสตร์การบินของกระผม ก้อยังคงเหมือนเดิม
เรียนไปเรื่อย ๆ เหนื่อยกระผมก้อพัก ม่ายช่าย แหม
สัปดาห์นี้ก้อมีการซ้อมติดเปลกับเครื่องบินลำเลียงขนาดใหญ่ของประเทศไทย
คือเครื่องบิน C-130 ซึ่งไปทำการซ้อมที่กองบิน 6 ที่ดอนเมืองนี่เอง
ก้อสนุกดี ได้ใส่ชุดนักบินเป็นครั้งแรกด้วย แต่ยังไม่ได้บินนะ อ้าว!!
แบบว่าใส่เอาฤกษ์เอาชัยไง เตรียมพร้อม เผื่อบินในวันหน้า (จริง ๆ คือเห่อน่ะ)
ถ้าใครคิดภาพชุดนักบินไม่ออก ลองนึกถึงชุดหมีดู ทำจากผ้ากันไฟสีเขียว
มีซิปรูดขึ้นลง ไม่มีกระดุม แขนยาว ขายาว กางเกงกับเสื้อต่อกันเลย
(อย่านึกภาพชุดแบบกัปตันการบินไทยนะ ไม่ใช่แบบนั้น อันนั้นหล่อน้อยไป ไม่ใส่หรอก)
น่านแหละ ชุดเท่ห์ ๆ เถื่อน ๆ แมน ๆ แบบนี้ต่างหาก
ใส่แล้วร้อนมากกกกกกกกก และที่สำคัญเมื่อร้อนแล้วทำให้ชุดบ้านี้ เหม็นโคตร!! ทุกคน
น่าอายจริง ๆ แต่ในเมื่อเป็นเหมือนกันหมด เราก้อต้องทำหน้านิ่ง ๆ แล้วโทษว่า"กลิ่นเพื่อนเฟ้ย"
การซ้อมติดเปลบนเครื่องบิน นั้นจำเป็นต้องทำ เพื่อว่าเวลามีเหตุฉุกเฉินที่ต้องลำเลียงผู้ป่วย
สามารถทำได้ทันที ไม่เงอะงะ โดยเราก้อทำหน้าที่ติดเปลไป
ระหว่างที่นักบินนำเครื่องบินไปรับผู้ป่วย และเราก้อต้องทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย
เหมือนดูแลในโรงพยาบาลนั่นแหละ แต่จริง ๆ อยู่บนเครื่องบิน ระหว่างลำเลียงอ่ะ
นึกภาพออกมะ ที่ก้อแคบ สั่นก้อสั่น เสียงก้อดัง คนไข้ก้ออาการหนัก
(เพราะถ้าอาการเบาคงไม่ลำเลียง)
นอกจากนั้นยังต้องทำหน้าที่ประสานกับ รพ.ปลายทางที่จะไปส่งผู้ป่วยอีก
แต่ก้อน่าสนุกดีนะ แต่ยังไม่เคยทำจริงเหมือนกัน
ส่วนอีกวันหนึ่ง ได้ไปเยี่ยมชมกองบินตำรวจ ที่อยู่บนถนนรามอินทราน่ะ
เคยเห็นกันไหม ที่มีเครื่องบินวางอยู่ข้างหน้ากองบินอ่ะ
ไอ้เราบ้านก้ออยู่บนถนนรามอินทรานะ ผ่านกองบินนี้ก้อบ่อย
ก้อนึกว่ากองบินเก่า ๆ ไม่มีอะไร คงมีแต่เครื่องบินโบราณ ๆ
แต่เปล่าเลย กองบินตำรวจนี้ทันสมัยมาก มีแต่เฮลิคอปเตอร์
ประมาณ 20 กว่าลำแน่ะ หรูสุด ๆ
มีเครื่องพระที่นั่งด้วยนะ หรูมาก ใหม่เอี่ยมสองลำ
โดยตำรวจเขามีกองบินทั่วประเทศเลยนะ ทุกภาค
แต่ภารกิจของเขา ต่างจากภารกิจของเครื่องบินทหารนะ
เพราะภารกิจของเขาไม่ใช่รบ แต่เป็น Rescue คือช่วยเหลือเป็นหลัก
ไม่ว่าจะมีผู้ป่วยหรือมีเหตุไฟไหม้ อะไรก้อตาม ที่เคยเห็นในหนัง Hollywood นั่นแหละ
สุดยอด เครื่องมือเครื่องไม้ของเขาทันสมัยมาก แถมมีโชว์บินจริง ๆ ด้วย
แล้วมีลำเลียงผู้ป่วยใส่เปลแล้วผูกเชือกดึงขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่ด้วยนะ
หรูมาก โชว์โรยตัวลงมารับคนไข้ แล้วดึงคนไข้ขึ้น ฮ.ไปด้วย
แต่ที่ตื่นเต้นจริง ๆ คือ เขาให้โอกาสพวกเรา แพทย์เวชศาสตร์การบินขึ้น ฮ.ด้วย
โดยให้ขึ้นทีละ 8 คน สนุกดี แต่น่ากลัวมาก
เพราะขึ้นไปแล้ว ไม่มีที่นั่ง ทุกคนต้องนั่งพื้น ฮ. ยกเว้นนักบินนั่งเก้าอี้
และไม่มีประตูปิดอีก คือเวลาบินไป ก้อมองเห็นวิวโล่ง หยั่งกะทีวีจอแบนอ่ะ
แต่สามารถตกออกไปได้นะ ถ้าโดดลงไป หรือลื่นตก หรือเวลาเครื่องบินเอียงอ่ะ
น่ากลัวป่ะ เพราะไอ้เครื่องนี้น่ะ ไม่มีเข็มขัดนิรภัยนะ
พอขึ้นไปแล้ว นั่งขัดสมาธิกับพื้นเฉย ๆ แล้วมันก้อบินอ่ะ
เฮ้อ คิดแล้วก้อเสียวสุด ๆ แต่สนุกดี บินไปสั่นไปเสียงดังไป แต่ก้อหนุก หุหุ
แล้วไอ้คุณนักบินนะ พอเห็นเรากลัว พี่แกก้อยิ่งบินทิ้งโค้งใหญ่เลย
ไอ้เราก้ออยากร้องกรี๊ดดัง ๆ เหมือนเวลาขึ้นเรือไวกิ้ง
แต่ด้วยความแมน ยอมตาย ไม่ยอมกรี้ด จึงต้องนั่งหน้าเขียวสวดมนต์กันต่อไป
(สวดชินบัญชรจบไป 5 จบอ่ะ มากกว่าที่สวดตลอดปีรวมกันอีก)
จริง ๆ เราถ่ายคลิปวีดีโอมาให้ดูด้วยนะ แต่ยังลงไม่เป็นอ่ะ
สัปดาห์หน้าจะเข้าป่าแล้ว ไปฝึกการยังชีพในป่า
โดยสมมติเหตุการณ์ว่าเครื่องบินตกแล้วเรารอด แต่หลงป่า ต้องยังชีพให้ได้
โดยไปฝึกที่บ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 13-22 มิ.ย.
เฮ้อ....หลักสูตรแพทย์ ทำไมต้องมีอะไรประหลาด ๆ อย่างนี้ด้วยฟะ
อยากรู้จริง ๆ ว่าหลักสูตรนักบินหรือแอร์โฮสเตสจะมีฝึกเข้าป่ามั้ยเนี่ย
แล้วไว้หลังกลับมาจากเข้าป่า จะมาเล่าความมันส์ให้ฟังอีกนะ โฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ