26 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา -
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยกองกิจการนิสิต ได้นำนิสิตเข้าร่วมโครงการ “สู่เส้นทางปลอดเหล้าเยาวชนสร้างความดีสู่วิถีชีวิตพอเพียงจังหวัดมหาสารคาม”
กิจกรรมในครั้งนี้, ถือว่าเป็นกิจกรรมหลักที่จังหวัดจะต้องจัดขึ้นในทุกปี เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของการยืนยันจุดยืนอันสำคัญของการรณรงค์งดเหล้าในวันเข้าพรรษา ..
ครั้งนี้, ผมได้มีโอกาสเข้าไปร่วมคิดรูปแบบการจัดกิจกรรมกับทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคามซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของการจัดงานในครั้งนี้ และผมก็ได้เสนอให้นำพานิสิตนักศึกษา หรือแม้แต่นักเรียน รวมถึงกลุ่ม TO BENUMBER ONE เคลื่อนเข้าไปสู่กระบวนการของกิจกรรม โดยในแต่ละปีที่ผ่านมามักจะเน้นไปในกลุ่มของประชาชน หรือชุมชนเป็นหลักสำคัญ
ไม่เพียงแค่นั้น, ผมยังมีโอกาสได้นำเสนอว่า ทุกสถาบันการศึกษาควรจับมือจัดตั้งเครือข่ายงกเหล้าขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ รวมถึงการสัญจรไปรณรงค์ร่วมกันในสถาบันต่าง ๆ หรือแม้แต่การเคลื่อนตัวไปสู่ชุมชนในจังหวัดมหาสารคาม
นอกจากนี้, ผมยังได้นำเสนอแนวคิดของนำกิจกรรมอื่น ๆ ของนิสิตนักศึกษาเข้าไปประกอบเป็นบรรยากาศของงานในวันนั้น อาทิ
๑. คัดเลือกต้นแบบนิสิตต้นแบบคนรุ่นใหม่ไร้แอลกอฮอล์ (L)
๒. อ่านผญาและแสดงหมอลำในหัวข้อ “งดเหล้าหมู่เฮามีความสุข”
๓. การแสดงศิลปะร่วมสมัยในหัวข้อ “งดหล้าเข้าพรรษา”
๔. การแสดงศิลปะร่วมสมัยชุด “สงครามเท้าไฟ”
๕. การจัดนิทรรศการกิจกรรมรณรงค์เรื่องการลด ละ เลิก เหล้า ฯลฯ
กิจกรรมเหล่านี้ได้รับความเห็นชอบ และนำเข้าสู่การเป็นส่วนหนึ่งของงาน โดยกิจกรรมอื่น ๆ ของจังหวัดก็ยังมีตัวตนชัดเจนเหมือนเดิม เช่น การแห่เทียนพรรษา, การแสดงพระธรรมเทศนา, การปฏิญาณตนงดเหล้าเข้าพรรษา, ฯลฯ
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้, กิจกรรมดังกล่าวจึงหลากหลายรูปแบบและหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย แต่การนำเสนอแนวคิดเช่นนั้น ก็ทำให้ผมและทีมงานต้องทำงานกันอย่างหนัก รับผิดชอบกิจกรรมหลายอย่างที่ต้องนำเข้าไปร่วมกับทางจังหวัด
งานครั้งนี้ต้องยอมรับว่า... เราต่างเหนื่อยมาก แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าเราไม่สามารถนำนิสิตเข้าร่วมงานได้ตามจำนวนที่ควรจะเป็น เพราะช่วงนี้เป็นช่วงสอบกลางภาค แต่ในด้านกิจกรรมการแสดงต่าง ๆ ที่ผมนำเสนอและอาสาเป็นส่วนหนึ่งนั้น เราก็สอบผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น
และนี่คือ ภาพกิจกรรมบางส่วนที่เป็นการแสดงศิลปะร่วมสมัยที่เราจัดให้มีขึ้นในเวทีครั้งนั้น คือ ศิลปะร่วมสมัยในเรื่อง "งกเหล้าเข้าพรรษา" และ "สงครามเท้าไฟ" ซึ่งล่าสุดได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ จากเวทีการประกวดการเต้นอุดมศึกษาที่แพร่ภาพ ณ ช่อง ๕ มาสด ๆ ร้อน ๆ
โดยส่วนตัวแล้ว ไม่ค่อยชอบคำว่า งดเหล้าเข้าพรรษาเลยครับ
น่าจะเป็น งดเหล้าออกพรรษา ดีกว่า
เพราะอะไรน่ะหรือ
ก็เข้าพรรษานั้น มีเวลาแค่ 3 เดือนเอง ที่เหลืออีก 9 เดือนก็ดื่มกันต่อไป แต่ถ้างดหล้าออกพรรษานั้น เรามีเวลางดตั้ง 9 เดือนแน่ะครับอาจารย์
สวัสดีครับ
ทัศนะของอาจารย์ "คม ชัด ลึก" ราวกับนักข่าวที่วิเคราะห์และวิพากษ์ได้อย่างถึงแก่น และถึงลูกถึงคน ..
....
ผมมองว่าปัญหาหลายอย่างในประเทศไทย ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างที่ควรจะเป็น เพราะเราอาศัยแต่เพียงวาระ หรือห้วงเวลาใดเวลาหนึ่งเป็นตัวตั้งจนเกินไป โดยขาดการใส่ใจต่อวิถีธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงสิ่งที่ดำเนินอยู่และเป็นไปในแต่ละวัน
การโหมภาพเพื่อให้เกิดกระแส หรือภาพในห้วงสั้น ๆ อาจถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการปลุกกระแส กระตุ้นสำนึก, แต่หากไม่มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องก็น่าจะยากอยู่พอสมควรที่จะเห็นความสำเร็จอยู่ภายภาคหน้า
ยิ่งการแก้ปัญหาที่เกิดจากมุมมองเบื้องบนที่ขาดความรู้และประสบการณ์จริงจากพื้นถิ่นของการปฏิบติ... ก็ยิ่งดูจะ "ยาก" ไม่ใช่น้อยเลย...
กระนั้น, ก็ไม่สิ้นหวังกับทุกกระบวนการที่มีขึ้น ครับ !
สวัสดีครับ พี่ศศินันท์
วันก่อนเราก็คุยกันถึงเรื่องนี้ในแบบปนขบขันว่าทำไมถึงต้องให้งดเหล้าเป็นเทศกาล ทำไมไม่ทำต่อเนื่องและจริงจัง ...
หลายท่านก็บอกว่า ....ทำไม่ได้หรอก เดี๋ยวประเทศชาติขาดรายได้จาการเก็บภาษี.. บางคนก็โทษว่ามันเป็นวัฒนธรรมมาแต่ดึกดำบรรพ์ ...
เราคุยกันไม่จบ หมายถึงไม่มีการสรุปใด ๆ ... เป็นการแลกเปลี่ยนที่เบาสบาย ไม่เครียด และไม่จน ครับ !