ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (9)
ข้อเสนอแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2549 - 2551
ยุทธศาสตร์นี้นำเสนอโดย สคบศ. โดยมีเอกสารประกอบเป็นอย่างดี โดย ดร. สนธิรัตน์ รอง ผอ. สคบศ. เป็นผู้นำเสนอ ผมจะไม่ถอดเทปแล้วนะครับ จะใช้วิธีสรุปประเด็นมาเล่า
- สคบศ.
ได้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว
-
เมื่อมีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ได้ประชุมกัน 3
ครั้ง
-
การดำเนินการจะครอบคลุมครูนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและครอบคลุมมหาวิทยาลัยด้วย
- เน้นพัฒนาสมรรถนะ
(competency) ของครู
- มี 6 ยุทธศาสตร์
ได้แก่
(1) การสร้างภาวะผู้นำเพื่อการเปลี่ยนแปลง
(2) การพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนการสอน
(3) การสร้างแนวร่วมและเครือข่ายการพัฒนา
(4)
การตั้งกองทุนกู้ยืมเพื่อการพัฒนาคุณวุฒิและวิชาชีพครู
(5) การสร้างเอกภาพการบริหารจัดการ
(6) การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์
ใน 6 ยุทธศาสตร์นี้มี 8 มาตรการ รวม
30 กิจกรรม
-
ได้มีการย้ำกันในที่ประชุมว่าอย่าเน้นอยู่แค่ว่าจะทำอะไร (what)
แต่ให้เน้นว่าจะทำอย่างไร (how)
-
ผู้นำเสนอได้ระบุว่าแผนยุทธศาสตร์นี้เน้น work - based
ตรงตามที่พูดกันในที่ประชุม
-
ผมกลับมาอ่านเอกสารประกอบการประชุมแล้ว
มีความเห็นว่าจุดสำคัญอยู่ที่จะดำเนิน 30
กิจกรรมนี้อย่างไร ที่เรียกว่าเป็นการดำเนินการแบบ work -
based ตัวอย่างกิจกรรมในยุทธศาสตร์ที่ 4 มาตรการที่
6 การเสริมสร้างวุฒิการศึกษา
จะดำเนินการให้มีลักษณะ work - based อย่างไร สคบศ.
น่าจะนำมาเสนอในที่ประชุมคราวหน้า
นอกจากนั้น ในมาตรการที่ 7
การสร้างเอกภาพการบริหารจัดการการพัฒนาครู กิจกรรมที่
1 การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการพัฒนาครูด้วยระบบ
GIS คำถามคือทำอย่างไร
จะมีลักษณะเป็นการพัฒนาแบบ work - based หรือไม่
ผมขอเสนอให้ สคบศ. ศึกษาระบบ PlanetMatter ที่เสนอโดย ดร. จันทวรรณ
น้อยวัน ในhttp://gotoknow.org/archive/2006/01/03/20/05/48/e11242
ซึ่งจะเป็นระบบที่ครูแต่ละคนเขียนบันทึกการทำงานและผลงานของตนขึ้นบล็อกให้โลกรับรู้
และเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างกว้างขวางในสังคมครู
โดยที่ สคบศ. จะต้องพัฒนาสมรรถนะใหม่ คือคอยเข้าไป
"จับภาพ" กิจกรรมการริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ ๆ
ที่เกิดขึ้นในวงการศึกษา
ซึ่งจะขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ นำ "ความดี"
เหล่านั้นมาตีแผ่ ชื่นชม เชื่อมโยง ขยายผล
สร้าง "เครือข่ายความดี" ในวงการศึกษา
- ท่านรัฐมนตรี
ประธานการประชุมต้องการให้มีข้อสรุปเป็นรูปธรรม
เพื่อนำไปสู่ action
-
ในช่วงท้ายท่านรัฐมนตรีต้องไปพบนายกรัฐมนตรี จึงมอบให้ ศ.
สุมน อมรวิวัฒน์ เป็นประธานแทน
ผมได้เสนอความเห็นดังนี้ "ผมยังรู้สึก (ซึ่งอาจจะผิด)
ว่าที่นำเสนอมานี้ ยังมี "กลิ่น" ของ "training - based"
มากกว่า "work - based"
การจะดูอย่างเป็นรูปธรรมว่ากิจกรรมที่เสนอเป็น training - based และ
work - based มากน้อยแค่ไหน
อาจดูได้ที่งบประมาณที่ใช้ดำเนินการ
ว่าเงินนั้นลงไปตรงไหน
ถ้าเงินกว่าเครึ่งลงไปสนับสนุนกิจกรรมในโรงเรียน
ไปหนุนการค้นหาครูที่ทำดี ครูที่เอาใจใส่ลูกศิษย์
ไปเชื่อมโยงให้ครูเหล่านี้ ลปรร. กัน
เอาเงินไปสนับสนุนอาจารย์มหาวิทยาลัยให้เอาทฤษฎีไปให้แก่กลุ่มที่
ลปรร. กันได้ผลดี ก็จะบอกได้ว่ากิจกรรมนี้เป็น work -
based, school - based แต่ถ้าหากเงินไปที่
มรภ. (สมมติ) เพื่อจัดหลักสูตร ป.โท, ป.เอก
เป็นค่าคูปองเพื่อเรียนต่อเป็นส่วนใหญ่
ก็บอกได้ว่าเป็น training - based เหมือนเดิม
ขอเสนอให้ทำรูปธรรมมาให้คณะกรรมการดู
เพื่อให้เห็นชัดว่าเป็น work - based จริง ๆ
สมมติว่าแผนงานเป็น work - based
ก็จะเกิดคำถามต่อว่า
การที่จะทำให้การพัฒนาครูมีลักษณะเป็น work - based นั้น
หน่วยงานกลางมีทักษะที่จะทำหน้าที่นั้นหรือไม่
ได้แก่ทักษะด้าน empowerment,
ทักษะในการไปค้นหาผลงานเด่นและเข้าไปเชื่อมโยง networking
ความดี มีทักษะเหล่านี้หรือไม่
ถ้ามีแต่ทักษะเดิมที่เข้าไปค้นหาปัญหาหรือจุดอ่อน
แล้วจัดสอนวิธีแก้ไขปัญหาก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงจริงในเชิงปฏิบัติ
ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงที่เรากำลังพูดกันนี้
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่มาก จึงต้องการเวลา
และไม่ควรเล็งผลเลิศในทางปฏิบัติว่าจะได้ผลเร็ว
แต่จะต้องเข้าใจตรงกันว่าเรากำลังเปลี่ยนวัฒนธรรม
และให้ชัดว่าวิธีการแบบไหนเป็นวิธีการตามแนวใหม่
วิธีการแบบไหนเป็นการทำแบบเดิม ๆ"
-
เลขาธิการสภาการศึกษา ดร. อำรุง จันทวานิช
ได้เสนอแนวทางผสานหรือบูรณาการการพัฒนาหลักสูตรกับการพัฒนาครูเข้าด้วยกัน
โดยเคยมีรายงานการดำเนินการของสหรัฐอเมริกาของแนวทางนี้
ก็จะได้วิธีการพัฒนาครูแบบ school - based
และในขณะเดียวกันครูก็ได้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตรด้วยตนเอง
และครูเองก็ได้รับการพัฒนาไปด้วย
หลักฐานจากสหรัฐอเมริกาบอกว่าวิธีการนี้ทำให้ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนสูงขึ้น
ผมสนับสนุนแนวคิดนี้เต็มที่เลยครับ โดยเติม KM
ลงไปในกระบวนการด้วย
คือให้ครูที่ดำเนินการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเขียนเล่าความเชื่อ
ความคิด การปฏิบัติ และผลการปฏิบัติลงบล็อก
เรื่องดี ๆ จะได้รับการหยิบยกขึ้นมาเชิดชูชื่นชม
และส่งเสริม ต่อยอดในรูปแบบต่าง ๆ ผลงานที่มี
impact สูงจะได้มี reward หลากหลายแบบ
-
ผู้แทนอาชีวศึกษาชี้ให้เห็นว่าทางอาชีวศึกษาเน้นการการพัฒนาครูอาจารย์และหลักสูตรไม่ใช่แค่
school - based
แต่เน้นการออกไปทำงานร่วมกับสถานประกอบการและชุมชน
ดังนั้นการดำเนินการนี้น่าจะมีส่วนที่ยืดหยุ่นตามลักษณะของสถานศึกษาด้วย
-
ผมได้กล่าวสนับสนุน ดร. อำรุง จันทวานิช
เลขาธิการสภาการศึกษาเรื่องการบูรณาการพัฒนาหลักสูตรกับการพัฒนาครูเข้าด้วยกัน
ดำเนินการ ณ จุดที่ตั้งหรือที่โรงเรียน
และเสนอแนวคิดหลักอีกอย่างหนึ่งคือ
การดำเนินการเป็นกลุ่มหรือทีม
ไม่ใช่ดำเนินการโดยครูแยกเป็นคน ๆ
มีการทำงานเป็นกลุ่ม
มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่ม
และโยงออกไปเป็นเครือข่าย
เพื่อให้เกิดการกระตุ้นซึ่งกันและกัน เกิด synergy
ทำให้การเรียนรู้เกิดง่าย
การจัดการที่ส่วนกลางควรยึดหลักนี้ด้วย
-
ผมได้เสนอว่าแทนที่จะเน้นที่ตัวหลักสูตร
น่าจะหันไปเน้นที่ output/outcome ที่ตัวผู้เรียน
ทีมงานของ สพฐ. กำหนด key indicators
ว่าจะไปหาความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมตามที่ระบุไว้ในหลักสูตรได้อย่างไร
แล้วเจ้าหน้าที่ สพฐ. ไปเรียนรู้จากผู้ปฏิบัติ
ว่าที่ผู้ปฏิบัติทำงานได้ผลดีนั้นเกิดจากความเชื่อ
ความรู้ และทักษะอย่างไร ทำอย่างไรนำมา ลปรร.
กันให้กว้างขวาง
ที่นำมาเสนอตอนต้นยังค่อนข้างเน้นที่ส่วนกลางมากไป
ศ.
สุมนได้ชี้ให้เห็นว่า
การพัฒนาคู่มือเป็นการพัฒนากระดาษ
นำไปสื่อสารระหว่างกระดาษกับคน
คนต้องอ่านกระดาษ
ตอนอบรมก็เป็นการสื่อสารระหว่างคนรู้กับคนไม่รู้
ครูเป็นผู้ไม่รู้ ผู้ไปอบรมเป็นผู้รู้
แต่จริง ๆ แล้วหลาย ๆ ครั้งผู้ไปอบรมก็ไม่รู้
สรุป
ศ. สุมน อมรวิวัฒน์
ประธานในที่ประชุมได้สรุปดังนี้
"แผนพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน
กับแผนพัฒนาครูได้รับการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการฯ
แล้ว
ได้รับข้อคิดเห็นให้กำหนดยุทธศาสตร์โดยลำดับความสำคัญ
เลือกดำเนินการตามความเร่งด่วนและตามความสำคัญนำไปปฏิบัติ
โดยพยายามให้เกิดผลที่คุณค่าของสถานศึกษา, ของผู้บริหาร,
ของครูและอาจารย์ ที่ประชุมได้เสนอแนะแนวทางต่าง ๆ
รวมทั้งการที่จะทำให้การปฏิรูปการศึกษามีความรวดเร็วและเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น
ประเด็นที่คิดว่าต้องดำเนินการเพิ่มเติมคือ กำหนด KPI
ให้ชัดในการพัฒนาทั้ง 2 เรื่องนี้
ซึ่งอาจพัฒนาเป็นเรื่องเดียวกัน
ดังที่เลขาธิการสภาการศึกษาเสนอ
หรือดำเนินการคู่ขนานอย่างประสานมือกันก็ได้
การเปลี่ยนวิธีคิด กระบวนทัศน์
ต้องนำไปหาทางทำให้เกิดผลเชิงปฏิบัติต่อไป"
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (1)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (3)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (4)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (5)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (6)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (7)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (8)
วิจารณ์ พานิช
4 ม.ค.49
ไม่มีความเห็น