เสร็จงานวันสุดท้ายที่อยุธยา ก็มีเวลาเตรียมตัวประมาณ 6 ชั่วโมง ที่จะต้องให้รางวัลกับชีวิต (ร่่างกาย+จิตใจที่บอบช้ำกับการกรำงานหนักจริงๆมากว่า 3 เดือน) ที่เป็นที่ชื่นชอบ ก็หนีไม่พ้นการแบกเป้ท่องเที่ยวไปในที่ที่แปลกตา ไม่คุ้นเคย ไม่มีคนรู้จัก ครั้งนี้เลือกที่"พม่า" 27 กค. 50 ตีสามครึ่งออกจากบ้านไปสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมข้อมูลที่มีเพียง ชื่อโรงแรมเดียวที่ร่างกุ้ง งานนี้ไม่ได้จองที่พัก เพราะคาดว่าน่าจะหาไม่ยากเหมือนครั้งที่ไปฮานอย นัดพบกับพี่อูฐพี่สาวคู่เที่ยวรู้ใจ [ตะลอนไปกันมาหลายที่เริ่มจาก สิงคโปร์ อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ ครั้งสุดท้ายที่ฮานอย) ตอนตีห้า เจอกันก็ลงขันกันด้วยเงินคนละ $300 เหินฟ้าสู่ ร่างกุ้ง (พร้อมกับโปรแกรมทัวร์ที่เพื่อนเคยไปมาก่อน แต่เราไม่สน เพราะมันแพง^-^) เมืองหลวงของพม่าด้วย เที่ยวบืน FD3770 (จองทางอินเตอร์ด้วยราคา ไป-กลับ 3500 บ.) ออกจากเมืองไทย 07:15 ถึงสนามบินมิงกาลาดอน 08:35 <เวลาพม่าต่างจากไทยครึ่งชั่วโมง>
คุยกันบนเครื่องว่าเราจะเริ่มต้นอย่างไรดี เที่ยวในร่างกุ้งก่อน แล้วค่อยต่อไปพุกาม มัณฑเลย์ หรือ จะบินต่อไปเลยดี สุดท้ายลงเครื่องก็เจอโต๊ะให้ข้อมูลการท่องเที่ยวของพม่า เสียเวลาพูดคุยนานมาก และต้องรอถึง 9:00 น. ถึงจะรู้ว่ามีเที่ยวบินไหนบ้าง สลับไปมา ก็ไม่ลงตัว ระบบตรวจสอบซื้อตั๋วในประเทศยากมาก ไม่มีเทคโนโลยี วิ่งไปถาม วิ่งกลับมา เวลาไม่ชัดเจนเครื่องบินตรงก็เวลาไม่โอเค ใช้เวลาอยู่ที่นี่จนเกือบ11โมง สุดท้ายก็เริ่มต้นที่ร่างกู้งก่อน
ตัดสินใจเรียกรถเข้าร่างกุ้ง $6 ไปโรงแรมที่ดูชื่อมาจาก internet ในราคา $17 ที่โฆษณาว่าดีสารพัด taxi พาไปอีกโรงแรมนึงว่าดีกว่าใกล้แหล่งขุมชนมากกว่าดูห้องแล้วไม่พอใจ ไปโรงแรมที่ตั้งใจ พอกัน ไม่น่านอน taxi แนะนำที่ asia plaza hotel บอกว่า$ 25 ดูก่อนไม่ถูกใจค่อยหาใหม่ เข้าไปขอดูห้อง พนักงานให้ดูห้องแรก อยู่ชั้น 10 ห้องใช้ได้ เปิดหน้าต่างก็เจอตึก เราบอกไม่ชอบ จึงพาดูห้อง ห้องนี้โอเคถูกใจ อยู่มุม มีหน้าต่าง มองออกไปด้านนอกเห็นเจดีย์ชเวดากอง...นับว่าไม่แพงเลยกับการได้ชื่นชมความงามของชเวดากอง ตราบเท่าที่ต้องการ อ้อ...ที่สำคัญถูกกว่าโบชัวร์ที่โรงแรมแจ้งว่าลดราคาแล้วถึง $10
ลืมบอกไปว่า Taxi ที่ได้เป็นรถแวนแวนเก่า ๆ ไม่มีแอร์ นั่งได้ 3 ตอน นี่...ถ้ามาด้วยกัน 4 คน ก็จะประหยัดได้อีกนิด และตอนออกจากสนามบินมิงกาลาดอน ก็ได้ไกด์แถมมาหนึ่งคน ก็พยายามให้ข้อมูลการท่องเที่ยวกับเรานะ พูดคุยก็โอเค ชื่อ นายโยม ส่วนคนขับรถชื่อ ดีฮาด คุยถูกใจก็เลตกลงเช่ารถเที่ยวในร่างกุ้ง ต่อ ด้วยราคา $20 เริ่มโปรแกรมก็ให้พาไปกินข้าวก่อน เน้นที่อร่อย สะอาด และไม่แพง คุณพม่าทั้งสองพาไปที่ร้าน junior duck เป็นร้านอาหารจีน อยู่ติดแม่น้ำ อาหารอร่อย ถูกปาก ราคาไม่แพง แต่ต้องจ่ายเป็นเงินพม่านะ
จากนั้นก็ไป ตลาดสก็อต ซึ่งโยมบอกว่าของแพงมาก จริงๆ คนพม่าเองไม่ซื้อที่นี่ ที่นี่เป็นตลาดของนักท่องเที่ยวจริง ๆ ยิ่งถ้าคุ้นเคยกับตลาดชายแดนแถวแม่สอด แม่สาย ก็บอกได้เลยว่าไม่ต้องเสียเวลาและพลังงานแบกของกลับมาหรอก ซื้อที่บ้านเราก็ได้ไม่ต้องเสียเาลาต่อรอง
เสร็จจากเดินชมตลาด ก้เข้าไปพูดคุยกับบริษัททัวร์ เพราะอยากไปพุกาม กะว่าจะไปร่วมทริปกับคนอื่น ๆ จะได้ไม่แพง ที่ไหนได้ที่พม่านะ มากันกี่คน ก็เที่ยวกันเที่ยวนั้นแหละ จัดโปรแกรมพิเศษเฉพาะให้เลย สรุปว่าถ้าจะไปที่โน่น นอนคืนนึง พาเที่ยวไม่รวมอาหาร ต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ $170 ก็เลยสรุปว่าไม่ไปแล้วรอบนี้ รอบหน้าบินตรงจากเชียงใหม่ ไปมัณฑเลย์ แล้วค่อยต่อไปพุกามดีกว่า
ออกจากบริษัททัวร์ก็ไปไหว้พระพุทธไสยาสน์เจาทัคยี พระนอนที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ มีขนตายาวสวย ลูกตาทำจากก้อนหินดำแวว พระบาทมีภาพมงคล 108 เห็นพี่อูฐบอกว่าเห็นพระลักษณะนี้ที่จังหวัดน่าน
แล้วก็ไปต่อที่เจดีย์ชเวดากอง (สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำปีเกิดของคนเกิดปีมะเมีย) เสียค่าเข้านมัสการคนละ $5 เผลอรับโบชัวร์มาอีก $1 ขึ้นบนพระธาตุโดยลิฟท์ ซึ่งกันแยกจากคนพม่าเด็ดขาด (เพราะคนพม่าเข้าที่ไหน ๆ ก็ไม่เสียตังค์) ที่นี่เราอธิษฐานขอพรพระธาตุเผื่อเพื่อนที่เกิดปีมะเมีย ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง หายจากโรคภัยไข้เจ็บ มีความสุข ความเจริญ แล้วก็ขอพรเผื่อครอบครัว ตัวเอง เพื่อน ๆ คนที่รู้จัก ให้มีแต่ความสุข ความเจริญ ปราศจากโรคภัยไข้เจ้บ นับว่าคุ้มกับ $5 จริงมั้ย... พี่อูฐชวนว่าน่าจะกลับมาเวียนเทียนอีกครั้งในวันอาสาฬหบูชา เราก็ถามว่า "ต้องเสียอีกคนละ $5 เนี่ยนะ ???
ชื่นชมกับความสวยงามของเจดีย์ชเวดากอง และขอพร เผื่อคนรู้จักทุกคน เรียบร้อยแล้ว ก็ค่ำพอดี .ให้รถแวะที่ตลาด เดินชื่นชมกับวิถีชีวิตของคนพม่า ที่เรียบง่าย จริง ๆ คนทั่วไปยังใส่โสร่ง รองเท้าคีบกันอยู่ ผู้หญิงก็ใส่โสร่ง หรือ กระโปรงยาว ที่สั้นที่สุดก็ครึ่งน่อง นักเรียนที่นี่ใส่โสร่งสีเขียว กับเสื้อเชิ้ตสีขาว เห็นร้านขายหมากพลูเกลื่อนเมือง ขายเป็นคำ ๆ แปลกที่นี่ใช้ปูนขาว ไม่เหมือนบ้านเราที่ใช้ปูนแดง พระเยอะมาก นุ่งจีวรสีออกแดง ๆ ไม่กันคิ้ว ท่าทางว่าปฏิบัติไม่เหมือนบ้านเรา เพราะเราต้องเดินหลบพระ เห็นพระยืนซื้อลอตโต้ (ล็อตเตอรี่)
อาหารเย็นวันนี้ ชิมหลายอย่างที่สนใจ เริ่มจากเครื่องในจิ้มซอส เค้าจะตัดเป็นขิ้นเล็ก ๆ เสียบไม้ ขายเป็นคำ ๆ คำละ 1 ชิ้น เวลาจะกินก็เอาไปลวกในน้ำต้มที่กำลังเดือด จิ้มกินกับซอส กินเสร็จเอาไม้ใส่กระป๋องอิ่มก็นับไม่จ่ายตังค์ ราคาไม้ละเท่าไหร่รู้ กินเล่นๆ็ 2000 kyats ($1=1270kyats) ซื้อแตงโมชื้นละ 300kyats กินเต้าฮวยน้ำขิงใสใส่น้ำตาลทรายขาวเหมือนกินเต้าฮวยกับน้ำเปล่าไม่ปลาท่องโก๋เหมือนบ้านเราถ้วยละ 200 kyats แล้วก็นั่งกินกาแฟเย็นที่ขายกับซาลาเปาแบะอะไรอีกอย่างคล้ายๆขนมจีบ ก็อร่อยดี ไม่แพง คิดว่าได้กินของราคาเดียวกับคนที่นี่[ ไม่เหมือนไปฮานอย] รับรองว่าถ้ามากับทัวร์ไม่ได้สัมผัสกับชีวิตแบบนี้แน่นอน
โปรแกรมต่อไปว่างไว้พรุ่งนี้ คือ เช่ารถคันเดิมนี่แหละ ไปพะโค(หงสาวดี)แล้วก็ไปเมืองไจ้ทีโยเพื่อนมัสการพระธาตุ อินทร์แขวน อ้อ...ลืมบอกไปทริปนี้ไม่มีรูปให้ดูจ้ะ เพราะ no camera ใช้จำเอา เพราะฉนั้นวันแรกที่ร่างกุ้ง ไม่ถึงสองทุ่มก็นออแล้วจ้า...ว๊าว.....ว่าจะเก็บเงินไป...ได้อ่านแล้วเหมือนไปด้วยตนเอง.....อย่างนี้ไม่ไปแล่ว.....
ว๊าว.......ว่าจะเก็บเงินไป.....อ่านแล้วเหมือนตาเห็น...
อย่างนี้บ่อไปแล่ว.....
ว๊าว.......ว่าจะเก็บเงินไป.....อ่านแล้วเหมือนตาเห็น...
อย่างนี้บ่อไปแล่ว.....
ขอบคุณครับ
อ่านเรื่องเที่ยวพม่าของน้องดาว ขอชื่นชมว่า เขียนหนังสือขายได้สบายเลย เพราะสำนวนเยี่ยมยอด อ่านแล้วเพลินค่ะ ว่างๆเชิญไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน นะคะ ติดชายแดนพม่าเช่นกัน จะพาไปท่องน้ำสาละวิน ชมวิวชายแดนพม่า บุกป่าท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และสูดอากาศที่บริสุทธิ์เมืองสามหมอกค่ะ
ขอบคุณ ครูเก่า ที่ไม่คิดจะเอาเงินไทยไปใช้ที่พม่า ขอบคุณคุณ สะ-มะ-นิ-กะ ที่มาเยี่ยมเยือน และช่วยรับพรที่ขอมาเยอะมากไป ขอบคุณพี่ลำดวนที่แวะมาเป็นกำลังใจ และขอบคุณค่ะพี่สิริกร ...ว่าแต่หนาวนี้ขอไปแม่ฮ่องสอนเลยได้ป่าว ??? อยากไปมาก ๆ