"สมัคร" มือปืนรับจ้าง


ก่อนหน้านี้ ในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสมัคร ได้ชื่อว่าเป็นกระบอกเสียงรัฐบาลผ่านทางรายการของเขาที่จัดร่วมกับ ดุสิต ศิริวรรณ ในชื่อรายการ “สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน” โดยจัดรายการนี้ผ่านทางช่องฟรีทีวีถึงสองช่อง คอยแก้ต่างให้กับรัฐบาลในทุกเรื่อง รวมไปถึงกรณีความขัดแย้งต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ถูกอ้างว่าเป็น “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึง และเพราะกล่าวหมิ่นประมาท พล.อ.เปรม นี้เอง ทำให้รายการของนายสมัครต้องถูกถอดออกจากผังไป

ประเมินผิดไปมากทีเดียวสำหรับทิศทางการเคลื่อนทัพของกลุ่มอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย ซึ่งที่สุดได้ตัดสินใจเลือกเอายุทธวิธีตั้งพรรคใหม่ “พลังประชาชน” ขึ้นมาต่อกรกับพลังของกองทัพ และให้อึ้งกับตัวหัวหน้าพรรคที่ชูเอา สมัคร สุนทรเวช ซึ่งเคยมีการขนานนามให้ว่าสิ่งชำรุดทางการเมือง ให้ได้กลับคืนชีพขึ้นมาแบบแฟรงเก้น สไตน์              

  ภายใต้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร             

   ระบอบประชาธิปไตยจะต้องมีการต่อสู้แข่งขันกันอย่างตรงไปตรงมา ให้ประชาชนได้ วินิจฉัย ไม่ใช่ให้พรรคใหญ่บางพรรคเล่นการเมืองเอาตัวรอด เวลาสู้ไม่ได้ก็ประท้วง ไม่ลงเลือกตั้ง มันต้องมีเวทีให้สู้กันได้ เมื่อมีเวทีให้เล่นผมก็ตัดสินใจ พ.ต.ท.ทักษิณก็บอกว่าอยู่ห่างไกลจากข้อมูลต่างๆ จึงขอฝากฝังให้ช่วยดูแลสมาชิกพรรคที่ยังทำงานการเมืองต่อไปด้วย จากนั้นกลุ่มแกนนำพรรคไทยรักไทยก็พากันมาหารือ ผมก็พร้อมที่จะร่วมงานทางการเมืองด้วย นอกจากนี้ ยังได้รับคำถามผ่านล่ามมาจากผู้บริหารประเทศยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งถึงสิ่งที่ดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณในประเทศไทยว่า  1. เขาถามว่า ทำไมถึงเอาคนคนเดียวมาต่อรองกับอนาคตคนไทย 63 ล้านคน  2. ทำไมถ้าจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับคนคนเดียวถึงไม่ทำไปตามตัวบทกฎหมายที่เคยมีอยู่  3. ถ้าจะทำเรื่องนี้ทำไมไม่จัดการตั้งแต่ตอนทำปฏิวัติให้เสร็จเรียบร้อย แต่กลับตั้งคณะบุคคลและดำเนินการทุกอย่างเหมือนกับพยายามจะทำลายล้างกันให้ได้” นายสมัคร กล่าว               

ก่อนหน้านี้ ในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสมัคร ได้ชื่อว่าเป็นกระบอกเสียงรัฐบาลผ่านทางรายการของเขาที่จัดร่วมกับ ดุสิต ศิริวรรณ ในชื่อรายการ “สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน” โดยจัดรายการนี้ผ่านทางช่องฟรีทีวีถึงสองช่อง คอยแก้ต่างให้กับรัฐบาลในทุกเรื่อง รวมไปถึงกรณีความขัดแย้งต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ถูกอ้างว่าเป็น “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึง และเพราะกล่าวหมิ่นประมาท พล.อ.เปรม นี้เอง ทำให้รายการของนายสมัครต้องถูกถอดออกจากผังไป               

นายสมัคร มีดีอะไร จึงกล้าท้าชนกับ พล.อ.เปรม ?               

ก่อนอื่นต้องกล่าวว่า นายสมัครนั้นทำงานการเมืองมาอย่างยาวนาน เคยเป็นถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และยังเคยเป็นกระบอกเสียงให้สถานีวิทยุยานเกราะ ปลุกระดมให้กลุ่มอันธพาล กระทิงแดง นวพล และลูกเสือชาวบ้านเข้าปิดล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจะมีการสังหารหมู่นักศึกษาเกิดขึ้นในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 แม้การเลือกข้างของนายสมัครในครั้งนั้นจะถูกประณามจากผู้ที่รักความชอบธรรมเป็นจำนวนมาก รวมถึงญาติของผู้เสียชีวิต สูญหาย และหลบหนีเข้าป่า แต่นายสมัครกลับได้ดิบได้ดีในฐานะที่ภักดีต่อนาย ดังนั้นจึงทำให้แนวทางการเมืองของนายสมัคร เป็นไปในรูปแบบไม่สนกระบวนการ หากเล็งไปที่ผลลัพธ์คือความดีความชอบที่ตนจะได้รับเสมอ และเพราะเป็นบุคคลที่กล้าท้าชนเช่นนี้ นายสมัครจึงมักจะได้รับบทมวยแทนในทางการเมืองเสมอ               

 ในเวลานี้ นายสมัครมีนายน้อยอีกคนที่ต้องรบแทน ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร               

พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนฉลาด ข้อนี้หลายคนต้องยอมรับ เมื่อเขาต้องลงสนามรบแม้ไม่ใช่คนที่ลงไปจับอาวุธสู้กับมือ แต่เขาย่อมฉลาดพอที่จะประเมินสถานการณ์ได้ว่าเมื่อสู้กับใครต้องใช้ใครรบจึงจะได้ชัยชนะ หรืออย่างน้อยก็ไม่เพลี่ยงพล้ำ แม้นายสมัครจะเป็นคนที่มีต้นทุนทางสังคมในด้านคะแนนเสียงมหาชนที่ไม่สูงนัก แต่ในส่วนต้นทุนทางสังคมด้านอื่นแล้ว เชื่อว่าแม้แต่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ก็ยังต้องหวาดหวั่น และคงคาดไม่ถึงเช่นกันว่าคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เลือก จะเป็นนายสมัคร เนื่องจากทราบดีว่านายสมัครยังติดข้อคดีความในชั้นศาลอยู่หลายคดี ทั้งคดีหมิ่นประมาท และคดีจัดซื้อรถดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร แต่เมื่อนายสมัครไม่มีท่าทีเกรงกลัวต่อคดีของตนที่ยังคาราคาซัง ก็แปลว่าเขายังเชื่อมั่นในบุญเก่าของตน และนายทหารระดับ ผบ.ทบ.อย่าง พล.อ.สนธิ ย่อมรับรู้ถึงกำลังภายในของนายสมัครได้ไม่น้อยกว่าใครๆ               

ตอนนี้ สงครามตัวแทนจึงเกิดขึ้นถึงสองด้านใน 3 ระดับชั้นลึก ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีฐานเสียงอยู่ในภาคใต้เป็นหลักต้องกลับมาใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ กับการหวังเดินขึ้นไปสู่แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้เพราะนอกจากพรรคไทยรักไทยเดิมที่ย้ายไปสังกัดกับพรรคพลังประชาชนจำนวนมากแล้ว บรรดาพรรคเล็กพรรคน้อย ทั้งที่แตกสายไปจากไทยรักไทย และรวมถึงพรรคชาติไทย ต่างก็พร้อมยอมเป็นพันธมิตรกับพรรคพลังประชาชนด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งมีหัวขบวนคือนายสมัครด้วยแล้ว ทางเดินไปสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งไม่ง่ายเลย               

 ไปๆ มาๆ การเปิดตัวของนายสมัคร ก็เท่ากับเป็นการเปิดตัวเพื่อท้าสู้กับกติการัฐธรรมนูญภายหลังการลงประชามติวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ทุกกรอบกติกาด้วย มันกลับมาทำให้เกมการเมืองของ พล.อ.สนธิ พลิกด้าน และถ้าลงไปรบเองในฐานะหัวหน้าพรรคใดหนึ่งก็มีสิทธิ์ถึงขนาดว่าจะแพ้ นี่ขนาด พ.ต.ท.ทักษิณ มิได้รบด้วยซึ่งๆ หน้า เขายังอุตส่าห์ชิงความได้เปรียบได้ก่อนจากทางที่แทบมองไม่เห็นแสงสว่าง เป็นอย่างนี้ สักวันหนึ่งไม่นานนัก เราอาจได้เห็น คมช. ถอดใจเร็วกว่ากำหนดก็เป็นได้             

  แต่คิดกลับกัน ถ้าเกิดมีการเลือกตั้งขึ้นจริง แล้วพรรคพลังประชาชนได้เสียงข้างมากในสภา จนกระทั่งได้ชูตัว สมัคร สุนทรเวช ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย นอกจากจะทำให้คำทำนายของฤาษีเจ้าประจำของประธาน คมช. ไม่เป็นความจริงแล้ว คนไทยจำนวนไม่น้อยคงได้อึ้งไปตามๆ กัน และพร้อมกันนี้ เราอาจได้เห็นรัฐพิธีกับการฟื้นฟูสิ่งเก่าๆ กลับขึ้นมาในยุคของนายสมัคร ซึ่งจะก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าความเข้มแข็งคู่ขนาน                

และอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อใดก็ตามที่มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น นายน้อยของนายสมัครจะกลับมาลงชิงชัยในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกแน่ๆ ในฐานะที่เป็นเจ้าของทุนทรัพย์เสบียงกรังทั้งหลายแหล่               

 ฮ่อ.. แต่จะว่าสื่อลำเอียงก็ได้ ผมไม่อยากให้เกิดปรากฏการณ์เช่นว่านั้นเลย มันใส่เสก็ตถอยหลังชัดๆ ถ้าการเมืองเล่นกันแนวนี้

คำสำคัญ (Tags): #อำนาจ
หมายเลขบันทึก: 116739เขียนเมื่อ 4 สิงหาคม 2007 09:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 13:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท