หลักการดูหนัง ไม่มีอะไรมาก
เป็นไปตาม วงจร ของ โนนะค่ะ (Nonaka)
talk คุย เที่ยว ---> think คิด---> tok plaluak ตกผลึก ---> Toad long ทดลอง
*****************************************
ช่วง Talk
การดูหนัง ก็ไม่ต่างอะไร กับ การไป ได้ประสบการณ์ แม้นว่า จะไม่เหมือนจริงนัก แต่ เราก็ทำผสมๆกันไป อ่านหนังสือ เดินทาง สนทนา ลงมือทำ ไปฝังตัวในชุมชน เจอคนแปลก สัมมนา ดูหนัง ดูละคร ฟังเพลง เข้าวัด ทำโครงงาน ฯลฯ
ช่วงคิด (Think)
ช่วงคิดเนี่ย เราควรมี ทฤษฎีอยู่ในใจบ้าง
คนวิจารณ์หนัง จะสะท้อน สิ่งที่เป็น Tacit Knowledge ของตน ของคนๆนั้นออกมา เช่น
********************************************************
บังเอิญ ผมเป็นคนมีความสนใจหลากหลาย ก็เลย พอแจะมั่วๆได้หลายอย่าง .....
การได้ดูหนัง แล้วมีโอกาส สุนทรียสนทนา กับ ผู้คนจากหลากหลายวงการ จะสนุกมากๆครับ แต่ ถ้าล้อมวงคุยกันไม่ได้ ก็เอามาคุยกันใน blog แบบนี้ก็ได้ครับ
ช่วงตกผลึก
คุยไปเรื่อยๆ ฟังเชิงลึก เราจะได้ข้อคิด เอาไปบ่ม (อาจจะนานเป็นวัน กว่าจะคิดออก) จนได้ แนวคิดของตนเอง ที่ต้องรอการทดสอบก่อนนำไปใช้
ช่วงลงมือทำ
เอา แนวคิด ที่ปิ๊งได้เนี่ย เอาไปทดลอง ทดสอบ แล้วย้อนกลับไป คุย ไปคิด อีก
********************************************
อย่างไรก็ตาม พื้นฐานที่สำคัญ ในการดูหนังคือ
ดาราดังๆ ต่างจากดาราไม่ดัง ก็ตรง "แววตา" มันทิ้งอารมณ์ได้ จริงๆ เช่น แจ็ค นิโคสัน โรบิน วิลเลี่ยม ฯลฯ
ผมอยากให้พวกเรา ดูหนังบ่อยๆ และ หัดทำหนังเอง (ใช้มือถือ ก็ได้)
การทำหนัง เป็นการ ดึง Tacit Knoeledge ได้ดีมากๆ
ทำหนังเองเถอะครับ ใช้เพื่อเชิดชูภูมิปัญญาในองค์กร ส่งเสริมกิจกรรมที่ดี (ใครทำดี เราก็ไปสัมภาษณ์ ไปทำสารคดี ฯลฯ)
อย่าไปห่วง คุณภาพ ทางแสงสีเสียงมากนัก เอาคุณภาพทางปัญญาก่อน จะดีกว่า
ไม่ต้องหมดเงินเป็นแสนๆ ค่าทำหนัง ..... ทำเอง ทำบ่อยๆ ก็เก่งเอง
อย่าไปสนใจ คำติชม ของ คนที่ทำหนังเพื่อขาย เพื่อศิลปะมากนัก .... เราทำให้พวกเราดู
หลังจากอ่านบันทึกอาจารย์เรื่องนี้แล้ว จะต้องนำไปปฏิบัติแน่ๆ ค่ะ และคิดว่าคงดูหนังอย่างมีสติมากขึ้นค่ะ
ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
หลังจากอ่านบันทึกอาจารย์เรื่องนี้แล้ว จะต้องนำไปปฏิบัติแน่ๆ ค่ะ และจะดูอย่างมีสติมากขึ้น ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งค่ะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
คงจริงอย่างที่อาจารย์ว่าค่ะ
การดูหนังก็คือการเรียนรู้ แต่บางเรื่องก็รับไม่ค่อยได้เพราะเว่อร์เกินเหตุก็มี
ส่วนใหญ่จะชอบดูหนังที่เกี่ยวกับชีวิตหนัก ๆ
หนังประวัติศาสตร์หรือหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ลม ไฟ ประมาณนี้
จะได้เอามาให้นักเรียนดูต่อหรือเอามาสอนต่อได้ เด็กเข้าใจง่าย ไม่งั้นนักเรียนเบื่อครูแก่ๆอย่างหนูแน่ค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ ได้ติดตามอ่านบันทึกของอาจารย์เสมอๆค่ะ ได้ความรู้มากทีเดียว ถือโอกาสขอบคุณไว้ ณที่นี้ด้วยเลยค่ะ
นับตั้งแต่ปฏิบัติธรรม ความรู้สึกในการดูหนังเปลี่ยนไปมากค่ะ คือพิจารณาข้อธรรมที่หนังทำให้คิด ไม่ว่าจะเป็นความดี ความโหดร้าย ภัยธรรมชาติ แม้แต่เรื่องจินตนาการหลุดโลก และยังได้ดูจิตเมื่อจะเกิดความผันแปรของอารมณ์ตามหนัง เมื่อก่อนดูหนังเศร้าแล้วอาจร้องไห้ตาม เกิดจิตหดหู่ เดี๋ยวนี้ไม่เป็น ทำให้ได้มีโอกาสพิจารณาเรื่องของกระบวนการสร้าง มุมกล้อง การแต่งกายอย่างที่อาจารย์กล่าว และรู้สึกว่าได้ประโยชน์มากกว่าดูหนังแบบเมื่อก่อน นอกจากนั้นยังเลือกมากขึ้นที่จะดูหนังสักเรื่องค่ะ
ดูหนัง พร้อม กับ ตามดู รู้เท่าทันความคิด รู้เท่าทัน จิต นี่แหละ ใช่เลย
คุณนาย ฯ เก่งมากครับ ดูหนัง อย่าไปอิน จะทำให้ ได้ สาะ มากขึ้น
จากดูหนัง ก็เปลี่ยนเป็น สนทนา ฟังข่าว ฯลฯ
รู้เฉยๆ แต่ ไม่อิน
"สักแต่ว่ารู้" ก็คือ ไม่อิน นั่นเอง
สวัสดีครับอาจารย์
ขอคุยเรื่องนี้ด้วยนะครับ
ปกติเป็นคนดูหนัง Drama แบบแจกผ้าเช็ดหน้า ไม่ชอบหนังบู๊เพราะกลัวเลือด เลยได้หนังดีๆ ในดวงใจหลายเรื่อง เมื่อก่อนพวกดูหนัง Drama จะเป็นคนอีกกลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ ครับ เอาง่ายๆ Dead Poets Society นี่ ตอนผมดูหลายรอบยังคนหาว่าบ้าเลย ตอนนี้กลายเป็นหนังต้องดูไปแล้ว
ฉากสุดท้ายยืนบนโต๊ะไม่เคยกลั้นน้ำตาได้เลยครับ
อาจารย์มักบอกว่าอย่าอิน ร้องไห้แปลว่าอิน แต่หนังประทับใจของผมมักจะเรียกน้ำตาได้ทุกทีนะครับ ผมถือว่าเป็นฝีมือของผู้กำกับนะครับที่เรียกน้ำตาจากคนดูได้ การเรียกน้ำตาคนดูเป็นศิลปะอย่างหนึ่งนะครับ การดึงเวลา เพลงที่จะมา แสง คำพูด การปูพื้น มันต้องประกอบจนได้ที่ถึงจะมีน้ำตาครับ
หลายครั้งผมจะดูหนังแบบจิตว่างๆ ปล่อยตามสบายให้เนื้อเรื่องพาไป ที่เหลือเป็นความสามารถของผู้กำกับ และ บทหนังครับ
หลายครั้งออกจากโรงอยากซื้อ Soundtrack เลย เพราะเพลงในหนังนี่มันเพราะมาก
ที่แน่ๆ หากเราชอบผู้กำกับคนไหน เชื่อได้เลยว่าหนังเรื่องหน้าถูกจริตเราแน่นอนครับ ลองสังเกตดู หากชอบหนังเรื่องไหนแอบดูชื่อผู้กำกับ แล้วลองหาหนังเรื่องอื่นเขามาดูครับ ใน Imdb.com ก็ค้นได้ครับ ลองดู
ดีใจครับที่อาจารย์เปิดประเด็นนี้ หลายครั้งเวลาดูหนังกับอาจารย์ได้ความรู้เพิ่มทุกที เช่น ดู Gung ho ได้รู้เรื่องบ้านญี่ปุ่นแสงไม่จ้า และอีกหลายๆ เรื่องเวลาดูหนังแล้วอาจารย์ชอบเสริม
ดูหนัง ดูละคร แล้วย้อนดูตัว คำนี้ยังใช้ไดเสมอครับ