ใคร (ไม่) มีความสุขในการทำงาน อ่านตรงนี้ !


ทำไมท่านจึงทำงานได้อย่างมีความสุข ..อะไรเป็นปัจจัยสำคัญ หรือ ถ้าหากท่านยังไม่มีความสุขนัก ...เป็นเพราะอะไร? จะทำให้งานสนุก หรือทำให้ท่านมีความสุขได้อย่างไร ?

ผมกำลังจะไปพูดคุยกับกลุ่มผู้บริหารขององค์กรแห่งหนึ่งในปลายสัปดาห์นี้ ในเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญมากเลยครับ ...เรื่องที่เราจะพูดคุยกันก็คือ "การทำงานอย่างมีความสุข" ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาในทุกๆ องค์กร

ผมขอใช้พื้นที่ใน blog นี้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทุกๆ ท่านครับ ...ช่วย Share กันหน่อยครับว่า ..."ทำไมท่านจึงทำงานได้อย่างมีความสุข ...อะไรเป็นปัจจัยสำคัญ หรือ ถ้าหากท่านยังไม่มีความสุขนัก ...เป็นเพราะอะไร? จะทำให้งานสนุก หรือทำให้ท่านมีความสุขได้อย่างไร ?"

Share กันมาเยอะๆ นะครับ ผมจะเอาประเด็นของท่านไปใช้พูดคุยต่อ ....แล้วจะกลับมาเล่าให้ทุกท่านฟังต่อไปใน blog นี้ครับ ...ขอบคุณล่วงหน้าครับ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 11656เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2006 08:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 02:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

       ปัจจัยที่ทำให้ผมทำงานอย่างมีความสุข มีดังนี้ครับ

  • เห็นภาพความสำเร็จ หรือผลของงานในภาพรวมของงานซึ่งเป็นเป้าหมายขององค์กร ที่จะเกิดขึ้นจากงานที่เราทำร่วมกันก่อน(คือมีหลักหมายของงานที่แท้จริง)
  • เป็นงานที่เราได้มีส่วนร่วมที่แท้จริงในการทำงาน เช่น เริ่มต้นตั้งแต่การได้คิดและตัดสินใจร่วมกัน  ร่วมทำ ร่วมวัดผล ร่วมรับผล ฯลฯ
  • ได้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาทั้งงาน และตัวคนทำงานด้วย
  • มีบรรยากาศในการทำงานที่ดี และสร้างสรรค์
  • เกิดความภาคภูมิใจในผลของงานที่เราได้ทำอย่างเต็มความสามารถ แม้ว่าบางครั้งก็สำเร็จหรือไม่สำเร็จ
  • มีเพื่อน หรือมีทีมทำงาน/เครือข่าย  คอยสนับสนุน และให้กำลังใจ
  • ต้องปรับวัฒนธรรมการทำงานเพื่องาน เพื่อทำหน้าที่ได้ดีขึ้น และร่วมกันทำงานเพื่องาน/สังคม  ไม่ใช่เพื่อความก้าวหน้าของตนเอง
  • ทุกคนมีส่วนสำคัญในการสร้างความสุขในการทำงาน หากหาไม่ได้ ก็ต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อนครับ เช่น ปรับทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน ฟังมากขึ้น รักเพื่อนและรักองค์กร รักสังคมมากขึ้น เป็นต้น
  • ฯลฯ
  • ที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้อยากทำงานและมีความสุขกับทุกงานที่ได้ทำครับ

ขอบคุณ คุณวีรยุทธ มากครับ ตอบได้ทันใจ และได้ประเด็นดีมาก ๆ....กำลังรอฟังท่านอื่นๆอยู่ครับ

ขออนุญาต แจมด้วยความเคารพนะครับ

มันไม่มีสุขในงานครับ  สุขแบบทางโลก  มันก็คือ ทุกข์น้อยๆ

 

อยาก จะสุขแบบวิมุติ   ก็ต้อง เข้าใจทุกข์   หาroot cause ของทุกข์ให้พบ  ทำตาม ways ทั้งแปด  และ จะพบการพ้นทุกข์อย่างยั่งยืนถาวร (Sustainable) ครับ

ทุกข์อยู่ที่ใจ   จิตเกิดอาการนั่นแหละทุกข์  

ต้องมาเรียนรู้ทุกข์ ที่ใจของเรานี่แหละ

ว่าแต่ว่า หาจิตหาใจเจอหรือยัง  แยกออกจากความคิดได้หรือยัง

เอาสติ นั่นแหละ ไปสอดส่อง ไปตรวจตรา  ระวังไม่ให้ จิต เข้าผสมกับความคิด

สติ นี่แหละ คือ ตัวรู้  รู้ ๆๆๆๆ  รู้จิต รู้กาย  รู้เวทนา รู้ธรรม  รู้สี่ตัวนี้    ตัีวไหนรู้ชัดก็รู้ตัวนั้น

ตัวรู้นี่แหละ คือ real knowledge  รู้ในกาย ในใจของเรานี่แหละ

 เป้าหมายของการเป็นคน คือ เข้านิพพาน

จะ เข้านิพพาน  ก็ต้องสร้างกำลังสติ  สะสมสติ   จากสติน้อยๆ ไปเป็นมหาสติ ฯ    ได้มหาสติฯเมื่อไร ตัดสังโยชน์ขาด  ก็จะพบความสุข

ก็สติจะสะสมได้จากไหน ?   ก็สติสะสมได้จากการเอาเรื่องบ้าๆบอๆ เครียดๆ เซ็งๆ  ในงานนั้นแหละ  มาเป็นโจทย์  เป็นแบบฝึกหัด ในการดูจิต  ยิ่งดูจิตบ่อยๆ  กำลังสติจะเพิ่มพูน

 

คนในองค์กรยิ่งร้าย  เรายิ่งได้แบบฝึกหัดมาสะสมสติ

ใครมากวนโมโหเรา   เราก็ถือว่าเขาคือครูสอบจิตของเรา

วัน นี้สอบไม่ผ่าน  โกรธเขากลับ  กระแทกกลับ  อิจฉา  หมั่นไส้  ฯลฯ  ก็ไม่เป็นไร   เพราะ วันพรุ่งนี้  ก็มีโจทย์มาให้ดูจิต สอบอารมณ์กันอีก

ผู้มุ่งเข้านิพพาน ย่อมเอาวิกฤตเป็นโอกาส   เอากรรมเก่ามาดูจิต  เอาเรื่องบ้าๆบอๆ ในงาน ในชีวิตประจำวัน  มาเป็นประโยชน์ใช้ดูจิต สะสมสติ

ฝึกที่วัด จนวัดจิตเป็น ดูจิตเป็นแล้ว   ก็มาฝึกต่อที่ในบริษัท  เอาบริษัทเป็นสนามวัดจิต วัดใจ วัดอารมณ์

ทดสอบความอดทน อดกลั้น เสียสละ  ลดอัตตาตัวตน

คิดได้แบบนี้ ฝึกได้แบบนี้   จะพบว่า ทุกอย่างรอบตัว คื่อ อาจารย์สอบอารมณ์ อาจารย์สอนดูจิต

แล้วแบบนี้  จะไม่ทำงานสนุกได่อย่างไรกันเล่า

ภายนอกก็ทำงานไปตามหน้าที่   ภายในก็ดูจิต 

วิมุติก็สดใส สมมติก็สำเร็จ   

 

This is a very interesting topic and that's why despite my tight morning, I really want to share my views ka.

My happiness is from the true understanding of the philosophy of our work, what it potentially contributes to our circle and society ka.

It is also from the freedom of thinking and working within an appropriate scope, and with enthusiastic people who join in the team....this makes the creativity flow while allowing the implementation to be realized faster.

The excitement that the group ignites for all the members is another delight ka....feel sanuk to work and improve the work together, and enjoy the success and appreciate the failure together.

Although our work keeps us very busy and frustrated (at times), we still feel so happy and so very eager to do it.

Ptk

สำหรับคนด้าน IT คงชอบลักษณะงานที่เข้าข่ายลักษณะดังต่อไปนี้คะ

  1. มีอิสระในการทำงานทั้งด้านเวลา การแต่งกาย สถานที่ทำงาน
  2. เปิดโอกาสให้คิดและทำ ยอมรับในความแปลกและแตกต่าง
  3. มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีและตำราหนังสือ
  4. สมานฉันท์กลมเกลียว พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
  5. เชื่อมั่นในความสามารถและความตั้งใจ แม้การบรรลุความสำเร็จนั้นเกินกว่ากำหนดที่วางไว้

ดิฉันทำงานได้อย่างมีความสุข เนื่องจากปัจจัยสำคัญดังนี้

1.  ได้รับการยอมรับ ชื่นชม

2.  แวดล้อมด้วยกัลยาณมิตร

3.  ไม่มีปัญหาครอบครัว : พ่อ  แม่  สามี  ลูกๆ ญาติๆ 

4.  ไม่มีปัญหาสุขภาพกาย / ใจ

5.  ไม่มีปัญหาการเงิน / หนี้สิน

6.  มีธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่งและหลักคิดยามพบอุปสรรค

7.  พยายามฝึกสติอย่างสม่ำเสมอ

8.  เลือกอ่านหนังสือดีๆ เลือกฟังแต่สิ่งดีๆ แล้วฝึกคิดฝึกเขียนบ่อยๆ

9.  ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงผู้อื่น ปรับตนเองไปตามการเปลี่ยนแปลงดีกว่า

10.  อยู่อย่างสมถะ  มีเหลือก็แจกบ้าง ไม่มีก็ไม่ต้องใช้

แค่นี้ก่อนนะค่ะ    

สำหรับคนทำงานด้านสื่อสารมวลชน ที่มักสนใจและนำเสนอเรื่องของคนอื่นแต่เป็นประโยชน์กับส่วนรวม  การทำงานให้สนุกและมีความสุข มาจากหลักยึด 2 ประการคือ

1. มองออกไปไกลตัว มองไปที่คนอื่น คนที่มีปัญหา คนที่ได้รับผลกระทบ แล้วจะเกิดพลังที่อยากจะช่วยเขาแก้ปัญหา ด้วยการแสดงบทบาทหน้าที่ของเราในฐานะสื่อมวลชนออกไป

2. แม้งานจะหนัก จะเหนื่อย หรือต้องใช้ความอดทน อาจต้องคุยกับคนที่ไม่อยากคบไม่อยากคุย  แต่ต้องคุย(อย่างปราศจากอคติและใจเปิดกว้าง) เพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้านที่สุด  ความเปลี่ยนแปลงดี ๆ ที่เกิดขึ้นแม้จะเพียงเล็กน้อยก็เป็นความภูมิใจและมีความสุขที่จะทำหน้าที่ต่อไปได้

ความสุขของคนอย่างพวกเราคือ แค่การทำหน้าที่ของเราสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีแก่คนอื่นหรือคนส่วนใหญ่ได้ เราก็รู้สึกดีแล้วค่ะ

     สำหรับผมมองว่า "งานไม่ใช่ภาระ" เพราะถึงไม่ทำงานงานนี้ ก็ต้องทำอย่างอื่น การอยู่โดยไม่ทำงานอะไรเลยย่อมเป็นไปไม่ได้โดยปกติ เท่านี้ก็พอเริ่มจะมีความสุขแล้ว จากนั้นค่อย ๆ มองหามุมที่ทำงานแล้วสนุกไปด้วยได้ โดยไม่ให้ใครเดือดร้อน ก็จะเพิ่มความสุขยิ่งขึ้น
จะทำงานอย่างมีสุข ควรได้รับความไว้วางใจให้ทำงาน เพื่อนร่วมงานพร้อมจะลุยด้วยกัน ช่วยกันทำงาน แล้วตัวเองถ้าคิดว่ามีงานทำดีกว่าไม่มีงานทำ ก็จะทำให้ไม่เบื่องาน

ดิฉันขอเสนอเคล็ดลับการทำงานให้มีความสุข สนุกสนาน จากคำแนะนำต่อไปนี้ค่ะ

1. จงยอมรับในความสามารถของตนเองและพยายามทำงานในสิ่งที่ตนเองได้รับมอบหมายด้วยใจรัก

2. จงสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนร่วมงานทุกคนซึ่งจะทำให้รู้สึกต้องการที่จะมาทำงาน และเริ่มรักงานที่ทำอยู่

3. จงสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้น่าอยู่ น่าทำงาน และพยายามหากิจกรรมหรืองานอดิเรกมาทำในยามว่างเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิต

4. จงพยายามทำใจให้รักงานที่ทำอยู่ โดยคิดถึงแต่แง่บวก หรือคิดถึงประโยชน์ของงานที่ทำอยู่

 คำของขงจื้อที่ว่า " จงเลือกงานที่เรารัก จงรักงานที่เราทำอยู่ แล้วทั้งชีวิตจะรู้สึกสนุกและมีความสุขกับงานจะทำให้รู้สึกเหมือนกับไม่ได้ทำงานเลยแม้แต่วันเดียว"

อย่าไปแพ่งที่ความสุข แล้วคุณจะมีความสุข

อย่าไปเปรียบเทียบเรื่องทุกข์สุข แล้วคุณจะมีความสุข

วางเฉยต่อความไม่สุข แล้วคุณจะมีความสุข

เมื่อเกิดความสุขก็สดับรู้ว่าสุข ไม่ยั่งยืนวางเฉยต่อความสุข แล้วคุณจะมีความสุข

 

จริง จริ๊งงงงงงงงงง

สำหรับคนทำงานสายสนับสนุนอย่างดิฉัน สิ่งที่ทำงานแล้วมีความสุขคือ

1. ทำงานแล้วสำเร็จในเวลา หรือแผนที่กำหนดไว้ (ไม่มีข้อผิดพลาด หรือผิดพลาดน้อย ยยยยยยย มาก)

2.  ได้รับความร่วมมือจากทีมงาน (ถึงแม้จะไม่ทุกฝ่าย แต่ขอให้ร่วมด้วยช่วยกัน(บ้าง))

3.  ได้รับคำชื่นชมจากผู้บริหาร เพื่อนร่วมงาน

สิ่งที่ทำให้การทำงานแล้วไม่มีความสุขคือ  "คนที่ไม่พายแล้วยังเอาเท้าราน้ำ"  ไม่รู้จะทำอย่างไรจริง ๆ บางครั้งก็เคยท้อ  แต่เรามองเป้าหมาย  ไม่ได้มองที่อุปสรรค(จำคำ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ มา) ก็ทำให้เรามีกำลังใจในการทำงาน และคิดเสมอว่าเพื่อคณะ เพื่อมหาวิทยาลัย(เพื่อพ่อ(ในหลวง) ของเรา)  แค่นี้ข้าราชการไทยก็สูขใจค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท