พวกเราคงจะได้ยินได้ฟังเรื่องความก้าวร้าว-ไม่เป็นมิตร (hostility), ความโกรธ (anger) และอาการซึมเศร้า (depression) มาแล้วไม่มากก็น้อย วันนี้มีข้อมูลดีๆ มาฝากครับ...
<p>พวกเราคงจะได้ยินได้ฟังเรื่องความก้าวร้าว-ไม่เป็นมิตร (hostility), ความโกรธ (anger) และอาการซึมเศร้า (depression) มาแล้วไม่มากก็น้อย วันนี้มีข้อมูลดีๆ มาฝากครับ...</p>
ท่านอาจารย์ดอกเตอร์สตีเฟน เอช. บอยล์ และคณะ แห่งศูนย์วิจัยการแพทย์มหาวิทยาลัยดุค รัฐนอร์ธแคโรไลนา สหรัฐฯ ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างผู้ชาย 313 คน
กลุ่มตัวอย่างมีอายุเฉลี่ย 50 ปี... การศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาผลกระทบระยะยาวจากฝนเหลือง (Agent Orange) ที่ใช้ในสงครามเวียดนาม
อาจารย์บอยล์ทำการตรวจสอบ ประเมินความก้าวร้าว (hostility / H), ความโกรธ (anger / A) และอาการซึมเศร้า (depression / D) ในปี 1985 (พ.ศ.2528)
กลุ่มตัวอย่างได้รับการตรวจหาสารเคมีที่มีความสัมพันธ์กับการอักเสบคือ C3 และ C4 ในปี 1992, 1997, 2002 (พ.ศ. 2535, 2540, 2545) ตามลำดับ
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีความก้าวร้าว ความโกรธ และอาการซึมเศร้าสูงมีความสัมพันธ์กับสารเคมีที่บ่งบอกถึงการอักเสบเรื้อรัง (inflammation) คือ C3
ระดับสารเคมีที่บ่งบอกถึงการอักเสบเรื้อรังคือ C3 มีความสัมพันธ์กับโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และเบาหวาน
ทางออกที่น่าจะดีสำหรับการลดการอักเสบเรื้อรังได้แก่
-
ออกกำลังเป็นประจำ > คนที่ก้าวร้าว มักโกรธ หรือซึมเศร้าอาจต้องออกกำลังเพิ่มให้มากกว่าคนทั่วไป อย่างน้อยเทียบเท่าการเดินเร็ววันละ 60 นาทีขึ้นไป หรือวิ่งเหยาะ(จอกกิ้ง)วันละ 30 นาทีขึ้นไป
- ออกกำลังแบบตะวันออก เช่น รำกระบองชีวจิต รำกระบองคุณป้าบุญมี(โปรดดูในวารสารหมอชาวบ้าน) ชี่กง-ไทเกก มวยจีน โยคะ ฯลฯ
-
ออกแรง-ใช้แรงให้บ่อย เช่น ล้างรถ ถูพื้น ล้างจาน เดินขึ้นลงบันได ฯลฯ ลดการใช้เครื่องทุ่นแรง โดยถือคำแนะนำแต่โบราณที่ว่า “เหงื่อออกมาก น้ำตาออกน้อย”
- ฝึกสมาธิกำหนดลมหายใจช้าๆ ไม่เกิน 10 ครั้งต่อนาที ซึ่งอาจมีส่วนช่วยป้องกันโรคความดันเลือดสูงได้ด้วย
-
ทำตัวให้มีคุณค่าทั้งกับตัวเอง คนรอบข้าง และสังคม เช่น หัดชมคนอื่นให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และค่อยๆ เพิ่มเป็นอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง ทำงานอาสาสมัคร บริจาคเลือด ปลูกต้นไม้ ฯลฯ
- บันทึกความดีของตัวเองไว้เป็นประจำ เก็บไว้ทบทวนคนเดียวก่อนนอน แต่อย่าไปเล่าให้คนอื่นฟังมาก เพราะอาจถูกหมั่นไส้ หรือถูกกล่าวหาว่า
-
เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง หรือขนมปังขาวเป็นขนมปังข้าวสาลีไม่ขัดสี(โฮลวีท) เพื่อเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ
- กินผักผลไม้รวมกันให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 ส่วน (1 ส่วนบริโภค = กล้วยขนาดกลาง 1 ผล = หลอดไฟฟ้าชนิดมีไส้ 1 หลอด) เพื่อเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ
-
ใช้น้ำมันพืชชนิดดี > น้ำมันชนิดดีได้แก่ น้ำมันพืชที่ไม่ใช่กะทิ และน้ำมันปาล์ม (กะทิ+น้ำมันปาล์มมีไขมันอิ่มตัวสูง) ตัวอย่างน้ำมันที่ดี เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง (ถ้าทอดความร้อนสูงควรใช้น้ำมันรำข้าว) ฯลฯ เพื่อเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ
- นอนให้พอทุกวัน
ถ้าทำทุกอย่างแล้วอะไรๆ ดูจะไม่ดีขึ้น... การปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้านอาจช่วยท่านได้ เนื่องจากอาจต้องใช้ยาคลายเครียด ยานอนหลับ หรือยาต้านซึมเศร้าช่วย
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดี เป็นผู้มากด้วยเมตตาและความปรารถนาดีไปนานๆ ครับ
<p>ข่าวประกาศ... </p>
ข่าวประกาศ...
- บล็อก "บ้านสุขภาพ" มีนโยบายที่จะไม่ตอบปัญหาสุขภาพ เนื่องจากผู้เขียนมีงานมาก อินเตอร์เน็ตลำปางช้า+หลุดบ่อย และใช้เวลาเตรียมเขียนเรื่องใหม่+แก้ไขคำหลัก (keywords) ย้อนหลัง
ขอแนะนำ...
แหล่งที่มา:
</span><ul><li>Many thanks to Reuters > Anne Harding > Hostility, anger linked to chronic inflammation > [ Click ] > http://www.reuters.com/article/healthNews/idUSCOL26680020070802 > August 2, 2007. // source: Brain, Behavior and Immunity. August 2007. <li>
ข้อมูลและการอ้างอิงในบล็อก “บ้านสุขภาพ” มีไว้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ไม่ใช่เพื่อการรักษาโรค </li>
ท่านที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้
ขอขอบพระคุณ > อาจารย์เทวินทร์ อุปนันท์ และทีม IT โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี
ขอขอบพระคุณ > อาจารย์ ณรงค์ ม่วงตานี และอาจารย์เทพรัตน์ บุณยะประภูติ IT ศูนย์มะเร็งลำปาง
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ จัดทำ > 3 สิงหาคม 2550.
</font>
</li></ul></font></span></span></span></span></span></span>