บันทึกนี้ขอนำชาดกมาเล่าให้ฟังนะค่ะ... จะแฝงแง่คิดอย่างไรนั้นต้องติดตามอ่านเองนะค่ะ
ชาดก : คนยากไร้กับหนูตาย
ท่านจลลกเศรษฐี ในเมืองพาราณสี เป็นผู้ฉลาดเฉียบแหลม เป็นบัณฑิตรู้จักปรากฏการณ์ต่างๆ วันหนึ่งไปเฝ้าพระราชา ในระหว่างทางเห็นหนูตายตัวหนึ่ง จึงมองดูท้องฟ้า ตรวจดูนักขัตฤกษ์ แล้วกล่าวว่า บุคคลผู้มีปัญญา อาจเอาหนูตายตัวนี้ไปเป็นทุนเลี้ยงลูกเมียได้
ชายผู้ยากไร้คนหนึ่ง ได้ยินท่านเศรษฐีพูดเช่นนั้นก็คิดว่าท่านเศรษฐีถ้าไม่รู้จริงคงไม่พูด จึงถือเอาหนูตายตัวนั้นไปขายคนเลี้ยงแมว แล้วได้ทรัพย์มากกากนิกหนึ่ง (เป็นจำนวนเงินอินเดียที่น้อยที่สุดในสมัยนั้นเทียบกับมาตรเงินไทยคือ ๑ สตางค์ ซึ่งน้อยที่สุด) แล้วเอาทรัพย์กากนิกหนึ่งนั้นไปซื้อน้ำอ้อยงบ (น้ำอ้อยที่เคี่ยวแล้วทำเป็นแผ่นสะดวกกับการพกพา) แล้วเอาหม้อใบหนึ่งไปตักน้ำ แล้วไปยืนคอยพวกช่างดอกไม้ที่กำลังจะกลับจากป่า เพื่อให้ชิ้นน้ำอ้อยและให้ดื่มน้ำคนละกระบวย พวกช่างดอกไม้จึงให้ดอกไม้คนละกำหมือแก่เขา
เขาเอาดอกไม้ไปขายได้เงินเพิ่มขึ้น แล้วไปซื้อน้ำอ้อยมากขึ้น ทำให้เขาได้ดอกไม้มากขึ้น แล้วนำไปขายได้เงินเพิ่มขึ้นจนมีเงินถึง ๘ กหาปณะ (๔ บาท = ๑ กหาปณะ)
วันหนึ่ง ฝกตก พายุหนัก กิ่งไม้แห้งบ้าง สดบ้าง ถูกพายุพัดตกลงเป็นจำนวนมากในพระราชอุทยาน คนเฝ้าพระราชอุทยานไม่รู้จะทำอย่างไร คนยากจนคนนั้นจึงไปยังพระราชอุทยาน บอกคนเผ้าว่า ถ้าจะให้ใบไม้ กิ่งไม้เหล่านั้นแก่เขา เขาจะขนออกไปให้หมด คนเฝ้าสวนดีใจรีบบอกว่า "เอาไปเถอะ"
เขาจึงรีบไปที่สนามเด็กเล่น ให้น้ำอ้อยแก่เด็กๆ แล้วขอแรงให้ช่วยขนกิ่งไม้ใบไม้เหล่านั้นจนหมดในเวลาเพียงครู่เดียว กองไว้ที่หน้าประตูพระราชอุทยาน ซึ่งเวลานั้นช่างหม้อหลวงเที่ยวหาฟืน เพื่อเผาภาชนะดินของหลวง จึงขอซื้อกิ่งไม้เหล่านั้น วันนั้นจากการขายไม้เขาได้ทรัพย์ ๑๖ กหาปณะและภาชนะ ๕ อย่าง เช่น ตุ่มน้ำ เป็นต้น ...
เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้.. กรุณาติดตามอ่านต่อในตอนต่อไปที่ goodee นี้นะค่ะ
URAImAN..
นิทานเรื่องนี้มีสาระมากเลยครับ