วันที่ 5 ก.ค. 50 ผมเข้าร่วมพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่สวนอัมพร เพิ่งจะได้รู้ว่ามหาวิทยาลัยมหิดลเป็นมหาวิทยาลัยแรกที่เริ่มเปิดฤดูกาลพระราชทานปริญญาบัตร โดยกำหนดวันพฤหัสบดีแรกของเดือนกรกฎาคมของทุกปี อย่างปีนี้สัปดาห์หน้า จุฬาฯ กำหนดพิธีวันที่ 12 – 13 ก.ค.
นี่เป็นครั้งที่ ๒ ที่ผมเข้าพิธีนี้ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล โดยผมได้เล่าข้อสังเกตจากการเข้าร่วมพิธีของปีที่แล้วไว้ที่ http://gotoknow.org/blog/thaikm/38479 ปีนี้ขอเล่าข้อสังเกตที่พบเห็นเพิ่มเติม ส่วนที่เหมือนปีที่แล้วจะไม่เล่า
• การตกแต่งเวทีเกือบเหมือนของปีที่แล้ว เพราะทางมหาวิทยาลัยมีแนวทางจัดเวทีเหมือนเดิม คือถ้าผมไปยืนถ่ายรูปกับ ศ. นพ. ศรีประสิทธิ์ ก็จะแยกไม่ออกว่าเป็นเวทีของปีไหน ข้อแตกต่างอยู่ที่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยของในวังขอให้เปลี่ยน เพราะปีนี้มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ car bomb ที่อังกฤษ
• ปีนี้รถเข้าไปในบริเวณสวนอัมพรได้ไม่กี่คัน เพราะเขาให้ไปจอดที่สนามเสือป่า ซึ่งทำให้ผู้มาในงาน โดยเฉพาะญาติของบัณฑิต ได้รับความสะดวกขึ้นมาก
• ทางสำนักพระราชวังได้ให้บริการเปิดพระที่นั่ง เช่นพระที่นั่งวิมานเมฆ ให้บัณฑิตและญาติ เข้าไปถ่ายรูป ถือเป็นการแสดงน้ำใจที่น่าชื่นชม
• ผมสังเกตตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ไม่ได้เขียน ว่ากองลำเลียงและถวายปริญญาบัตรแก่สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ เพื่อให้ท่านพระราชทานแก่บัณฑิตนั้น นับว่าเป็นงานที่ต้องจัดระบบและรอบคอบ ที่หลังฉากบนเวที มีโต๊ะยาว 5 – 6 เมตร มีปริญญาบัตรวางเรียงซ้อนกัน อย่างเป็นระเบียบ มีทีมคณาจารย์กองลำเลียงชุดละ 10 คน ช่วงเช้า 1 ชุด ช่วงบ่าย 1 ชุด กองลำเลียงชุดนั่งลำเลียง 5 คน นั่งพับเพียบเป็นแถว แต่ละคนมีพานทองคนละพาน สำหรับวางตั้งปริญญาบัตร คนที่นั่งใกล้องค์สมเด็จฯ ที่สุดมีหน้าที่คอยยื่นส่งปริญญาบัตรด้วยมือขวา วางบนพานข้างพระองค์ แต่จริงๆ แล้วเป็นกึ่งวางบนพานกึ่งยื่นใส่พระหัตถ์ คนถัดมาก็มีหน้าที่ยื่นปริญญาบัตรใส่มือซ้ายของคนแรก คนที่ 3 มีหน้าที่ยกตั้งปริญญาบัตร จากพานของคนที่ 4 มาวางในพานของตน และยกตั้งปริญญาบัตรจากพานของตน ไปวางในพานของคนที่ 3 คนที่ 4 มีหน้าที่ยกตั้งปริญญาบัตรจากพานของคนที่ 5 มาวางในพานของตน คนที่ 5 มีหน้าที่รับตั้งปริญญาบัตร ที่กองลำเลียงแผนกขนใส่พานเดินมาจากหลังม่าน เอามานั่งพับเพียบยื่นให้ เอามาวางบนพานของตน
• กองลำเลียงแผนกขน หรืออาจเรียกว่า ชุดเดิน ทำหน้าที่ขนปริญญาบัตรใส่พานเดินจากหลังฉาก มายื่นให้ชุดนั่งคนที่ 5 ชุดเดินนี้ก็มี 5 คนเช่นเดียวกัน กองลำเลียงทั้งหมดเป็นผู้หญิงครับ ผู้ชายไม่มีสิทธิ์ กองลำเลียงต้องทำงานเรียงลำดับของปริญญาบัตรอย่างถูกต้อง
• ก่อนพิธี ผมเดินไปเมียงๆ มองๆ ที่กองถ่ายรูป พบว่าส่วนหนึ่งของกล้องเป็นยี่ห้อแคนนอน แต่ใช้เลนส์นิคคอร์ทั้งหมด ผมจึงถามเขาว่า เลนส์นิคคอร์ใส่กล้องแคนนอนได้เลยหรือ เขาบอกว่าต้องเปลี่ยนแหวนก่อน ได้ความรู้อีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูป ว่ามืออาชีพเขาเลือกใช้เลนส์นิคคอร์
• ก่อนองค์ประธานเสด็จ มีพิธีอัญเชิญตรามหาวิทยาลัย หนัก 10 กก. โดยนายกสภาฯ อธิการบดี และคณาจารย์จำนวนประมาณ 20 คน เดินแถวตามหลังผู้อัญเชิญตรา โดยเดินแบบ ก้าว-ชิด ก้าว-ชิด สลับขาไปเรื่อยๆ จนเอาตราไปวางบนแท่นหน้าเวที ดูจะถือกันว่าเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ ปีนี้ผู้อัญเชิญตราคือ ศ. นพ. ศรีประสิทธิ์ บุญวิสุทธิ์ รองอธิการบดี
• เมื่อเสร็จพิธีช่วงเช้า สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ เสด็จกลับไปที่วังสวนจิตรฯ แต่ก่อนเสด็จขึ้นรถ รับสั่งเรื่องการไปทัศนศึกษาของกรรมการรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ และเลยไปเรื่องผู้ป่วยต่างจังหวัดไม่ได้รับความสะดวกจากบริการ ต้องเข้ามารักษาที่กรุงเทพ และนัดแบบไม่เห็นใจคนต่างจังหวัด รับสั่งว่าน่าจะมีระบบ ICT ที่เป็นระบบ database สำหรับให้บริการผู้ป่วยโดยผู้ป่วยสะดวก และสถานบริการให้บริการร่วมกันเป็นเครือข่าย ไม่ใช่ต่างโรงพยาบาลต่างทำ
• เสร็จพิธีในช่วงบ่าย สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ทรงฉายพระรูปร่วมกับกรรมการสภามหาวิทยาลัยและคณาจารย์จำนวนหนึ่ง ถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติทุกปี ถ่ายรูปเสร็จทรงทักทายท่านคณบดีคณะทันตแพทย์ ผศ. ทญ. ธีรลักษณ์ ว่าสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้ไปงานของทันตแพทย์ที่ท่านเสด็จ อ. หมอธีรลักษณ์ประทับใจว่าท่านจำแม่นมาก อ. ธีรลักษณ์ไปร่วมงานไม่ได้เพราะไปต่างประเทศ
• ปีนี้ผมไม่ได้ถ่ายรูปร่วมกับผู้รับปริญญาเลย เพราะไม่มีใครมีกล้อง แผนกรักษาความปลอดภัยเขาเข้มงวดมากกว่าปีที่แล้ว
• วงดนตรีของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์มาบรรเลงและร้องเพลงประสานเสียง สร้างบรรยากาศเช่นเคย ผมประทับใจนักร้องหญิงมาก เสียงใสกังวานไพเราะมาก หลังถ่ายรูปหมู่ ที่องค์ประธานทรงฉายร่วมด้วย ได้เสด็จไปประทับยืนฟังเพลง 3 เพลงรวด
• นายกสภาฯ มีบทบาท 4 อย่างคือ คอยรับเสด็จ ส่งเสด็จ, เดินแถวอัญเชิญตรามหาวิทยาลัย, อ่านคำกราบบังคมทูลซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณสั้นๆ 2 – 3 นาที, และนั่งเป็นพยานในพิธีตลอดรายการ อ่านคำกราบบังคมทูลของนายกสภาฯได้
ที่นี่ (click)
วิจารณ์ พานิช
5 ก.ค. 50