บันทึกระลึกถึง "ลุงเลี่ยม" ผู้ให้ความบันเทิง...ตอนเด็กๆ
ลุงเลี่ยม เป็นญาติผู้พี่ของแม่ครับ... รั้วบ้านติดกัน ลุงเลี่ยมเป็นคนอารมณ์ดี ใจดีกับเด็กๆ เป็นคนที่มอบความสนุกสนานให้กับพวกเรายามค่ำคืน...
ตอนที่ผมเข้าโรงเรียนระดับประถม ตั้งแต่ ป. 1 ถึง ป. 5 จำได้ว่าที่หมู่บ้านผมยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ที่บ้านเราจะใช้ตะเกียวน้ำมันก๊าซ (เกียงขลุก) ไม่มีทีวีให้ดู มีแต่วิทยุทรานซิสเตอร์ที่แม่เอาไว้ฟังละคร และลิเก แต่ผมกับพ่อชอบฟังหนังตะลุง...
แต่สำหรับผมกับ น้องๆ และเพื่อนๆ เป็นสิบคน คงจะไม่ลืม ความบันเทิง ความสนุกสนาน จากฝีปากการเล่านิทานของ "ลุงเลี่ยม" ทุกคืนหลังจากที่พวกเด็กๆ อาบน้ำกินข้าวมื้อเย็น ทำการบ้านเสร็จ ก็จะพากันถือ "เกียงขลุก" ส่องทางออกจากบ้านมาที่บ้านของลุงเลี่ยม ยอดนักเล่านิทานของเด็กๆ ตั้งตะเกียงไว้ตรงกลางวงนั่งฟังนิทานที่ใต้ถุนบ้าน
นิทานที่ลุงเลี่ยมเล่าคือนิทานพื้นบ้านที่เล่าต่อกันมา แต่ของลุงเลี่ยม จะแทรกด้วยปริศนาคำทายให้พวกเราได้ทายกันหลังนิทานจบทุกคืนก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านไปนอน...ใครทายไม่ถูกก็จะต้องเสียค่าเฉลย คือต้องตักน้ำมาใส่กะออมสำหรับไว้กินที่หน้าบ้านของลุงเลี่ยมนั่นเอง...ซึ่งจริงแล้วถึงตอบปัญหาหรือไม่ตอบพวกเราทุกคนก็เต็มใจที่จะทำให้ลุงอยู่แล้วครับ...
ผมมารู้ทีหลังว่านิทานทุกเรื่อง ประกอบกับปริศนา ที่ลุงเลี่ยม เล่าและทายพวกเรานั้นเหมือนกับฝึกให้พวกเราเป็นตนตั้งใจฟัง รู้จักคิดวิเคราะห์ เนื้อหา และรู้จักสรุปประเด็น ที่สำคัญคือการหาเหตุผลมาตอบปัญหา... ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่า... ผมได้อะไรเยอะแยะ...กว่าการได้ฟังนิทานสนุกสนานเพียง อย่างเดียว...
ทุกครั้งที่ผมกลับบ้านที่จังหวัดสงขลา.... บ้านหลังที่ 2 ที่ผมไปนั่งก็คือบ้านของลุงเลี่ยม.... ใต้ถุนบ้านทุกอย่างสภาพเหมือนเดิมหมด...เว้นอย่างเดียวคือไม่มีลุงเลี่ยมของหลานๆ ที่ให้คอยเล่านิทานให้ความบันเทิง ทุกครั้งที่มีงานเทศกาลต่างๆ พวกเราจะไปนั่งที่บ้านลุงเลี่ยม.... สุดยอดนักเล่านิทาน....ของหลานๆ
ถึงตอนนี้มีไฟฟ้า... มีทีวี.... แต่สิ่งดีๆ ของภูมิปัญญาท้องถิ่น ได้หายไป.... มีละครทีวี.... ไม่มีคนเล่านิทาน.... ต้องหาอ่านจากหนังสือ.....