บทเรียนจากการร่วมทำงานกับกลุ่มจังหวัด/จังหวัดในครั้งนี้มีหลายประการ คือ การบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการที่เริ่มมาได้ประมาณ 2 ปีนั้น การทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงกับจังหวัดยังไม่สอดคล้องกันและเข้าใจตรงกันนัก ด้วยสาเหตุหลายประการ คือ แต่ละฝ่ายมีภาระงานประจำอยู่มากจนไม่สามารถมาปรึกษาหารือกันในงานที่ต้องบูรณาการกันได้ ข้าราชการแต่ละฝ่ายมีการโยกย้ายปรับเปลี่ยนทำให้ขาดความเชื่อมโยงและความเข้าใจในหลักการหรือพื้นฐานเดิมที่ตรงกันได้ว่ากลุ่มจังหวัด/จังหวัดมีแนวคิดหรือวิธีคิดดั้งเดิมเป็นอย่างไร จึงถ่ายทอดมาเป็นวิสัยทัศน์ และประเด็นยุทธศาสตร์ ตลอดจนโครงการมาเป็นดังที่เห็นในปัจจุบัน วิธีการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกับจังหวัดยังเข้าใจไม่ตรงกันว่า ควรใช้ของบประมาณฝ่ายใดเพราะต่างฝ่ายต่างต้องเร่งจัดทำงบประมาณของตัวเองเช่นเดียวกัน สิ่งที่สำคัญคือ เวลา ที่จะจัดประชุมสัมมนานั้น มักจะกระชั้นชิดจนทำให้ขาดข้อมูลและสาระสำคัญในการที่จะตัดสินใจ ทำให้ผู้มาประชุมไม่สามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลได้ ดังนั้น การประชุมจึงเต็มไปด้วยความเร่งรีบ (บางครั้งดูสับสนวุ่นวาย อลหม่าน) แต่มีสิ่งดีที่เห็นคือ ข้าราชการของจังหวัดมีความตั้งใจทำงานสูง และพร้อมอุทิศตนอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ทุ่มเทลงไปนั้น ดูเหมือนจะเกิดผลน้อย (ทำมาก ได้น้อย) คงเป็นประเด็นที่ต้องขบคิดกันต่อไปว่าจะปรับระบบการทำงานบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการให้ขับเคลื่อนตามเจตนารมย์ได้ ทั้งๆ ที่หลักการ เทคนิควิธี ได้ใช้เครื่องมือทางการบริหารจัดการอย่างครบเครื่องและทันสมัยอย่างยิ่ง มีองค์ประกอบที่ไม่ควรละเลย คือ วัฒนธรรมองค์กร ความเป็นระบบราชการที่สั่งสมมานาน และความรู้ความเข้าใจตลอดจนขีดความสามารถผู้ปฏิบัติงานในระดับต่างๆ คงต้องใช้เวลาและเอาใจช่วย ก.พ.ร. ให้ฝ่าฟันอุปสรรค์ต่างๆ ต่อไป
เรียน ท่านรองรังสรรค์ ที่นับถือ
ทีมงานศูนย์บริการวิชาการร่วมกับทีมสหสาขาจะเดินทางไปวางแผนพัฒนา "ยุทธศาสตร์จังหวัดร้อยเอ็ด โดยใช้การจัดการความรู้เป็น เครื่องมือในการขับเคลื่อน"ในวันจันทร์ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๔๙ เรียนเชิญท่านร่วมขบวนด้วยครับ
ท่าน JJ ที่นับถือ
วันที่ 23 มกราคม 2549 ผมติดต้อนรับนักศึกษาวปอ. มาเยี่ยมชม มข. ครับ ขออภัยด้วย ฝากความระลึกถึงทีมร้อยเอ็ดด้วย