ภาควิชาปฐมวัย
มศว.แนะวิธีเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก เลือกโรงเรียนเตรียมความพร้อม
กับโรงเรียนใกล้บ้าน
แต่ก่อนตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้สังเกตผนังห้องเรียน มุมหนังสือ
แอบดูกระบวนการเรียนการสอน และสภาพแวดล้อมภายในและรอบโรงเรียน
เพราะลูกต้องอยู่กับครูผู้สอนวันละหลายชั่วโมง
โรงเรียนอนุบาลในประเทศไทยในปัจจุบันมีให้คุณพ่อคุณแม่เลือกมากมายหลายแบบ
แต่การเลือกโรงเรียนอนุบาลให้กับลูกน้อยของคุณถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ
เพื่อให้ลูกมีความสุขกับการเรียนและเสริมสร้างพัฒนาการของลูกรักให้เหมาะสมกับช่วงวัย
สถาบันครอบครัวรักลูก
สถาบันวิชาการเพื่อคืนความเข้มแข็งสู่ครอบครัวไทย ในเครือบริษัท แปลน
พับลิชชิ่ง จำกัด ร่วมกับ นิตยสาร Kids & School
จัดกิจกรรมเพื่อคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกในวัยอนุบาล ในหัวข้อ
“เลือกโรงเรียนอนุบาลแบบไหนถูกใจลูก” วิทยากรโดย ดร.สุจินดา
ขจรรุ่งศิลป์ อาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาการศึกษาปฐมวัย
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
ดร.สุจินดา กล่าวว่า
อนุบาลศึกษา
คือสถานที่ที่มีการจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมที่สุดในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กทุกคน
ให้เป็นไปตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน
เพราะฉะนั้นการเข้าเรียนอนุบาลจึงไม่ใช่การเตรียมความพร้อมเพื่อขึ้นไปเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่
1 แต่จะต้องใช้ความเข้าใจในตัวเด็กที่เป็นอยู่
ต้องเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนมีทุนเดิมอย่างไร
แล้วจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับเด็ก
เพื่อให้เด็กแต่ละคนได้ใช้ทุนเดิมที่มีอยู่
เพื่อจะได้ก้าวเข้าไปอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและพร้อมที่จะเป็นคนดี
รวมทั้งสามารถดึงความสามารถออกมาใช้ได้ตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน
เมื่อเด็กๆ
ต้องไปโรงเรียนเป็นครั้งแรก
พ่อแม่จะต้องเข้าใจว่าลูกจะมีความกังวลกับสถานที่ที่แปลกไปจากที่บ้าน
รวมทั้งเพื่อนๆ ที่ยังไม่คุ้นเคย ทำให้เด็กร้องไห้งอแง อยากจะกลับบ้าน
อยากอยู่กับพ่อแม่ ดังนั้นเพื่อให้เด็กมีความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อม
ครูที่โรงเรียนจึงเป็นผู้ที่มีบทบาทในการสร้างความคุ้นเคยให้กับเด็กๆ
รวมทั้งการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมให้กับเด็ก เมื่อเด็กเริ่มรู้สึกสนุก
มีความสุขกับการมาโรงเรียน อาการร้องไห้งอแงก็จะหายไป
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ของเด็ก
ส่วนการเรียนของเด็กในวัยอนุบาลนั้น
จะเน้นการส่งเสริมพัฒนาการในทุกๆ ด้าน
โดยยึดหลักพัฒนาการของเด็กแต่ละคนเป็นหลัก
ซึ่งพัฒนาการอันดับแรกคือการมุ่งให้เด็กช่วยเหลือตัวเองก่อน
ให้เด็กอยู่รอดในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขับถ่ายของเด็ก
การแต่งตัว เป็นต้น
พฤติกรรมบางอย่างของเด็กถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่เด็กเติบโตมาจากครอบครัว
คือบางครอบครัวจะสอนให้เด็กรู้จักช่วยเหลือตนเองแต่บางครอบครัวไม่ได้สอนมา
ดังนั้น ครูจำเป็นต้อสอนให้เด็กมีพัฒนาการใน 4 ด้าน ได้แก่
ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และสังคม ซึ่งจะเชื่อมโยงกับการเรียนรู้
แล้วนำไปสู่พัฒนาการทางสติปัญญา
ดร.สุจินดา
กล่าวถึงหลักการเลือกโรงเรียนให้กับลูกว่า มี 2 ประการ คือ
เป็นโรงเรียนเตรียมความพร้อม และอยู่ใกล้บ้าน
อีกประการที่อยากจะแนะนำในการเลือกโรงเรียนคือ
ทางโรงเรียนต้องให้เราไปดูการเรียนการสอนภายในได้ อาจจะยืนอยู่ไกลๆ
เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน
เป็นการให้เราได้รู้ว่าโรงเรียนแห่งนี้สอนอย่างไรกับลูกเราบ้าง
วัฒนธรรมของโรงเรียนเป็นอย่างไร
หรือโรงเรียนนี้เหมาะกับลูกของเราหรือไม่
โรงเรียนที่ดีจะต้องมีการสอนให้เด็กรู้จักคุณธรรม จริยธรรมด้วย
ปัจจุบันมีโรงเรียนหลายแห่งมีการจัดฉากระหว่างที่ให้ผู้ปกครองเข้าไปเยี่ยมชม
ทั้งนี้ วิธีการสังเกตว่าจัดฉากหรือไม่
โดยดูจากผนังห้องที่โรงเรียนว่า
งานที่ติดอยู่นั้นเป็นงานสร้างสรรค์ของเด็ก หรือเป็นงาน Coppy
ให้เด็กทำตามสั่ง ถ้าเป็นงานสร้างสรรค์ที่มาจากตัวเด็กเอง
นั่นแสดงว่าโรงเรียนนี้กำลังส่งเสริมให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์
และมีการริเริ่มการทำงานด้วยตัวเองได้
นอกจากนั้นให้สังเกตว่ามีมุมหนังสือหรือไม่
มีการส่งเสริมให้เด็กเล่นตามพัฒนาการของเด็กหรือไม่
และสุดท้ายมีสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย
“การศึกษาจะต้องสร้างคนให้เป็นนักผลิต
โดยการผลิตนั้นต้องมาจากความสนใจของตนเอง
หรือมาจากการกระตุ้นเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่มาจากการบงการจากคนอื่น”
เป็นการฝึกให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ
ได้มีการปฏิบัติออกมาเป็นรูปร่างตามจินตนาการของเด็ก
ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นการพัฒนาเด็กไปเป็นลำดับและครบทุกด้าน“การศึกษาไม่ใช่ของเบ็ดเสร็จ
ไม่ใช่โรงงานอุตสาหกรรมที่จะต้องผลิตสินค้าให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์
เพื่อส่งลูกค้า
แต่การศึกษาจะต้องหล่อหลอมให้คนเราทำอะไรก็ตามด้วยความปราณีตที่สุด
และสมอย่างที่ตั้งใจจะทำ” ดร.สุจินดา กล่าว
อย่างไรก็ดี
พ่อแม่จะต้องเตรียมลูกก่อนเข้าเรียนอนุบาล ก็คือ
สร้างความคุ้นเคยกับสิ่งใหม่ๆ และขณะที่ลูกอยู่ที่โรงเรียน
ก็จะต้องเข้าใจสภาพของเด็กในขณะนั้น และธรรมชาติของเด็กด้วย
และที่สำคัญการปลูกฝังระหว่างบ้านและโรงเรียนจะต้องมีความสัมพันธ์กัน
ตัวอย่างเช่น โรงเรียนจะฝึกให้เด็กใช้ระบบประชาธิปไตย
แต่พอกลับถึงบ้านพ่อแม่กลับใช้ระบบเผด็จการ
บังคับลูกให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ เป็นต้น
“พ่อแม่ควรเรียนรู้ไปพร้อมๆ
กับลูก และในระหว่างเรียนรู้สามารถใส่สิ่งต่างๆ
ที่ดีให้กับลูกได้เรื่อยๆ
ขณะเดียวกันควรทำให้ชีวิตประจำวันของลูกทั้งที่บ้านและโรงเรียนมีความสุข
และสนุกกับกิจกรรมที่ทำร่วมกัน” ดร. สุจินดา กล่าว
|