เมื่อลูกอยากเป็นภารโรง
การสอนนักเรียนชั้นประถมศึกษา เป้าหมายการทำงานของครูอยู่ที่จุดเน้นที่สำคัญที่สุด คือ ให้เด็กๆ ที่เข้ามาใช้ชีวิตร่วมกับผู้ใหญ่ในโรงเรียน มีความสุข เป็นชีวิตที่สร้างพลังความคิดและความใฝ่ฝันที่จะให้ทุกคนรอบตัวเขามีความสุขอย่างชีวิตที่มีสุขสัมผัสได้
เสียงทักทายจากอดีตค่ะ..
ระหว่างเข้ามาตรวจงานนักศึกษาในชุมชนของตัวเอง บังเอิญพบหัวข้อบันทึกนี้ปะทะสายตา ทำให้นึกถึงตัวเองที่เคยฝึกสอนสอนนักเรียนชั้น ป.2 วิชาสังคมศึกษาเรื่องอาชีพในชุมชน แล้วนักเรียนกลับไปบอกผู้ปกครองว่า "อยากเป็นคนเก็บขยะ" จนทำให้ผู้ปกครองต้องมาพบเพื่อถามว่า "สอนอะไรไป ลูกผมถึงอยากเป็นคนเก็บขยะ?" จึงได้เปิดเข้ามาอ่านรายละเอียดค่ะ
แล้วก็พบว่า...เป็นบันทึกของพี่หัวหน้าทีมชั้น ป.1 ซึ่งตัวเองไปเริ่มทำงานครูเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนสาธิตเกษตรในปี พ.ศ. 2518 นั่นเอง และไม่ได้ติดต่อกันมานานครบ 30 ปีพอดี..
ก็เลยเกิดอาการย้อนรำลึกถึงช่วงเวลาการสอนห้อง team teaching เมื่อครั้งกระโน้นขึ้นมาสิคะ เห็นภาพของอาจารย์ภาวิณี หัวหน้าทีมกับการสอนคณิตศาสตร์ที่ทำให้เด็ก 72 คนเรียนรู้ได้โดยไม่เบื่อตลอดคาบ นึกถึงอาจารย์พรทิพย์เพื่อนร่วมทีมที่ใจเย็นอย่างมหัศจรรย์ นึกถึงภาพของลูกศิษย์ในปีนั้นหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "สิระ" กับน้ำตาที่ร่วงพรูเป็นเม็ดกลมๆ เล็กผ่านแก้ม ทันทีที่เผลอหลุดปากไปว่า "ทำอย่างนี้ ครูไม่รักแล้วนะ"..
แม้ว่าจะมีโอกาสได้สอนชั้น ป.1 เพียงปีเดียว แต่ก็ดีใจที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับหัวหน้าทีมคนเก่งอย่าง "อาจารย์ภาวิณี" ค่ะ
"ความสุขที่อยู่ในใจ เป็นความเบิกบาน(ปราโมทย์)อย่างมหัศจจรย์ที่พบว่า คนหนึ่งที่เคยทำงานร่วมอุดมการณ์ (เด็กๆในห้องน่ารักทุกคน)เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ปรากฏข้อความสื่อใจ-รักและคิดถึงยิ่งในคำคืนนี้ เกิดความปลื้มเปรม(ปิติ) เหมือนได้รับยาวิเศษที่ทำให้เกิดความผ่อนคลายไร้เครียด (ปัสสัทธิ) ความรู้สึกขณะนี้ บอกตัวเองว่า สุข ฉันตั้งใจแน่วแน่(สมาธิ)ว่า ฉันจะใฝ่หาสิ่งดีๆ เช่นนี้แม้วัย 62 เพื่อเพิ่มความสุขที่แท้จริงในใจให้กับตัวเอง" นี่คือคำสอนของพระพรหมคุณาภรณ์ที่มีโอกาสเรียนรู้ซำๆหลายครั้ง แม้ในวันปีใหม่จากข่าวสารญาณเวศก์ ฉบับที่ 7 (มกราคม 2549)
ภาพเราท่ามกลางปู 72 คน(?) เป็นความสุขที่ได้ทบทวนทุกครั้ง
ดีใจจังค่ะ ที่บันทึกนี้มาแสดงบนบันทึกสุ่มแสดงเพราะทำให้ได้อ่าน (บันทึกดีๆ อย่างนี้พลาดไปบ่อยเหลือเกินค่ะ)
อ่านจนจบด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งความคิดของหนูน้อย และความเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ของอาจารย์ค่ะ
จินตนาการของเด็กจะยิ่งใหญ่เสมอ แต่พอโตขึ้นๆ จินตนาการกลับเล็กลงๆ จนน่าใจหายค่ะ
สิ่งที่คุณจันทรรัตน์ควรทำ คือ สร้างแพลนเน็ตค่ะ เหมือนเป็น reading list เลือกติดตามอ่านเฉพาะบล็อกที่สนใจค่ะ
อ่านคู่มือที่หน้าแรก GotoKnow นะค่ะ
เห็นหัวเรื่องนี้แล้วจึงทำให้สนใจที่จะอยากอ่านค่ะ ความคิดของเด็กแต่ละคนนั้นต่างก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไปตามจินตนาการ ซึ่งการที่เด็กอยากเป็นภารโรงก็ไม่เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงนัก เพราะอย่างน้อยก็เป็นอาชีพที่สุจริตไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และเมื่อเด็กได้เรียนรู้และโตขึ้น เด็กแต่ละคนก็จะค้นพบอาชีพที่ตนสนใจจริงๆ
ขอขอบพระคุณบทความดีๆที่น่าอ่านแบบนี้ค่ะ
กราบสวัสดี อจ. ค่ะ นิพดา เด็กหญิง ป 1 ท 2 คนนั้น ตอนนี้อายุย่างเข้า 40 ปีแล้ว แม้มีโอกาสมาได้อ่าน blog นี้เมื่อเวลาล่วงเลยมาหลายปีมากแล้ว และจำอะไรไม่ได้เลยนะคะ รู้สึกทึ่งและซาบซึ้งที่ อจ.สามารถจดจำประสบการณ์ของลูกศิษย์ได้มากมายขนาดนี้ ในทีสุด เด็กหญิงนิพดาฯ (เป็น "นาง" แล้ว) ไม่ได้ยึดอาชีพภารโรงนะตะ แต่ดำเนินรอยตามพ่อแม่ เป็นข้าราชการ (อยู่กระทรวงการต่างประเทศ) ค่ะ หนูยังจดจำ อ.จ. ทุกท่านที่เคยสอนตอนชั้น ป.1 ได้เป็นอย่างดีและระลึกถึงบุญคุณ อจ. เสมอ แม้ไม่ได้มีโอกาสกลับไปที่โรงเรียนมากนัก หวังว่า อจ. ภาวินีฯ และ อจ. รสสุคนธ์ฯ ได้ได้มีโอกาสรับทราบข้อความนี้ และเผื่อจะได้มีโอกาสติดต่อกับ อจ .อีกค่ะ
อีเมล์ : [email protected]
นิพดา
ครูได้ไปงานเกษียณอยุราชการที่ รร. เมื่อวันเสาร์ที่ 26 กย.พบลูกศิษย์ ป1 ท. หลายคน ทุกครั้งที่ครูพบพวกเรา ครูมีความสุข สดชื่น ภาพความน่ารัก ความซน ความดื้อ หลายรูปแบบ ทำให้ครูมีความสดชื่น มาวันนี้ ครูเกษียณรอบ 2 เกษียณจริง 65 ปี คิดว่าจะเก็บความหลังเล่าสู่กันฟัง นำบทเรียนที่ครูเรียนรู้แลกเปลี่ยนเผื่อแผ่แก่ผู้สนใจ
คิดถึงเสมอ
ครูภาวิณี ศรีสุขวัฒนานันท์